ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกว่า 500 นาย นำหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต บุกเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุม 3 ผู้ต้องหา ตระกูล “กี่สิ้น” ซึ่งประกอบด้วย นายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ,นายปรีชาวุฒิ หรือปราบ กี่สิ้น นายปัทวี กี่สิ้น ในฐานความผิด “เป็นอั้งยี่ โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้นและร่วมกันประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2557 เป็นปฏิบัติการที่ทำให้ เกาะภูเก็ต โดยเฉพาะหาดป่าตอง สั่นสะเทือน
เพราะใครๆก็รู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง ว่า นายเปี่ยน กี่สิ้น เป็นนักการเมืองคนสำคัญที่ยึดครองพื้นที่ป่าตองมาอย่างยาวนาน ซึ่งมีทั้งอำนาจและบารมี ส่วนนายปรีชาวุฒิ หรือนายปราบ ถือว่าเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นนักธุรกิจ ที่เข้ามาบริหารงานในเครือบริษัท พิโซน่า กรุ๊ปทั้งหมด แต่สุดท้ายก็ต้องมาถูกออกหมายจับในข้อหา เป็นอั้งยี่ หลังสอบสวนพบว่ามีการตั้งสหกรณ์รถแท็กซี่ป้ายดำเรียกเก็บหัวคิวในพื้นที่ป่าตอง
สำหรับ ที่มาของการออกหมายจับในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้ประกอบการบริษัทนำเที่ยวนักท่องเที่ยวต่างๆได้ร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาแท็กซี่ป้ายดำทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไปยังตำรวจภูธรภาค 8 หลังจากเคยร้องเรียนไปยังหลายหน่วยงาน ทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวสมัยที่ผ่านมา จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ ( ดีเอสไอ) มาแล้วหลายครั้ง แต่การแก้ไขปัญหาก็ไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม สุดท้ายจึงมีการร้องเรียนไปยัง ตำรวจภูธรภาค 8 อีกครั้ง
หลังได้รับการร้องเรียน พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บังคับการตำรวจภูธรภาค 8 จึงสั่งตั้งชุดเฉพาะกิจปราบปรามแท็กซี่ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดภูเก็ต เพื่อแก้ไขปัญหาและปราบปรามกลุ่มแท็กซี่ป้ายดำที่มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพลกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ด้วยการส่งหัวหอกคนสำคัญ “พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” ผู้บังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 8 ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งอาชีพตำรวจที่จังหวัดภูเก็ตมาก่อน เข้ามาตั้งแต่เดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ก็มีการจับกุมผู้ประกอบการแท็กซี่ป้ายดำในพื้นที่ต่างๆไปแล้วประมาณ 116 หมายจับ จนกระทั่งล่าสุด ที่ทำเอาสะเทือนเกาะภูเก็ตอีกครั้ง คือการออกหมายจับ 3 ผู้ต้องหาในตระกูล “กี่สิ้น” และกลุ่มบุคคลในเครือบริษัทพิโซน่า จำกัด ซึ่งตำรวจแจ้งว่าก่อนที่จะมีการออกหมายจับได้มีการสืบสวน สอบปากคำพยาน และเก็บพยานหลักฐานมานานกว่า 3 เดือน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดภูเก็ตออกหมายจับ และและนำกำลังเข้าจับกุม เป็นการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ยิ่งใหญ่แค่ไหน สร้างสมบารมีมายานนานแค่ไหน ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายถ้ามีการบังคับใช้อย่างเข้มข้น
อย่างไรก็ตามการออกหมายจับตระกูล “กี่สิ้น”ในครั้งนี้ หลายๆคน ก็คงไม่แปลกใจมากนัก แม้แต่เจ้าตัวซึ่งเป็นผู้ต้องหาเองก็ทราบว่าจะต้องโดนแน่นอน เพราะที่ผ่านมาทั้งนายปรีชาวุฒิ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปราบ กี่สิ้น และนายเปี่ยน กี่สิ้น อดีตนายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง ก็เคยถูก ดีเอสไอ กาหัวมาแล้วว่าเป็น มาเฟีย และ เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ แต่หลังจากมีการประกาศชื่อว่าเป็นหนึ่งในมาเฟียที่ทางดีเอสไอจะต้องจัดการ เรื่องก็เงียบไป ซึ่งเจ้าตัวก็เคยทำเอกสารชี้แจงไปถึง ดีเอสไอ มาแล้วครั้งหนึ่ง มาครั้งนี้การมีหมายจับของทางตำรวจก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกมากนัก แค่จากเปี่ยนจากคำว่า “มาเฟีย” มาเป็น “อั้งยี่” เท่านั้นเอง
หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังเข้าจับกุมและตรวจค้นที่บ้านพัก รวมทั้งบริษัทในเครือ พิโซน่า ทั้งหมด พร้อมกับยึดเอกสารต่างๆ รวมทั้งตู้เซฟ ฯลฯ เพื่อนำไปตรวจสอบการเชื่อมโยงกับธุรกิจที่ถูกพาดพิงว่า เชื่อมโยงกับการวางตัวเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ไม่พบผู้ที่มีชื่อตามหมายจับ
หลังจากนั้น 3 วัน นายเปี่ยน พร้อมด้วยลูกชายทั้ง 2 คน และคนในบริษัทพิโซน่าฯ ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาเดียวกัน ในฐานความผิด “เป็นอั้งยี่ โดยเป็นหัวหน้าผู้จัดการ หรือผู้มีตำแหน่งหน้าที่ในสมาชิกคณะบุคคลนั้นและร่วมกันประกอบการขนส่งโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก็ได้เข้ามอบตัวกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.เมืองภูเก็ต เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมาทันที พร้อมจัดแถลงข่าวหลังได้รับการประกันตัวเมื่อวันที่ 2 ก.ย.เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นการ ดิสเครดิตทางสังคมและการเมือง
นายปรีชาวุฒิ กี่สิ้น หรือปราบ บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่แปลกใจ และไม่เกินความคาดหมาย เพราะถูกยัดเยียด ข้อหานี้มาหลายปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาตนทำงานกับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง โดยเฉพาะตำรวจ และหน่วยอื่นๆ มาโดยตลอด และเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวให้ลดน้อยลง ซึ่งการทำงานทุกอย่างทำด้วยใจและตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด แต่สุดท้ายต้องมาถูกออหมายจับข้อหา “เป็นอั้งยี่” ขณะที่นายเปี่ยน บอกว่า การดำเนินการครั้งนี้ เป็นการดิสเครดิตทางสังคม การเมือง และพร้อมที่จะชี้แจงทุกกรณีที่เกิด มั่นใจมีหลักฐานยืนยันได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องของการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายศาลจังหวัดภูเก็ต จะผิดจริงหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานของตั้ง 2 ฝ่าย คือทั้ง ตำรวจและผู้ต้องหาที่จะต้องไปสู้กันในชั้นศาล ไม่มีใครที่จะสามารถชี้ให้ใครผิดหรือถูกได้ แต่ตอนนี้สังคมก็ได้ตัดสิน ตระกูล “กี่สิ้น” ไปแล้ว ส่วนเรื่องของการปราบปรามมาเฟียแท็กซี่ป้ายดำ ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ยังคงเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการต่อไป
ล้อมกรอบ - วางไว้ต่อท้ายเรื่องก็ได้
เส้นทางของเปี่ยน กี่สิ้น
สำหรับนาย เปี่ยน กี่สิ้น ในวัย 71 ปี อดีตนายกเล็กเมืองป่าตอง เป็นชาวตำบลป่าตอง โดยกำเนิด เคยเป็นทหารรับจ้าง ในยุคสงครามเวียดนาม ดำรงตำแหน่งเป็นทั้ง ผู้ใหญ่บ้านและกำนันในพื้นที่ และที่ชาวภูเก็ตส่วนใหญ่เรียกคือ “ กำนันเปี่ยน” เพราะดำรงตำแหน่งกำนันตำบลป่าตอง มาเป็นเวลาต่อเนื่องและยาวนาน จนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยของสุขาภิบาลป่าตอง เทศบาลตำบลป่าตอง และเทศบาลเมืองป่าตองในเวลานี้ นายเปี่ยน เข้าไปมีบทบาทตั้งแต่ปี 2537 จนถึงปี 2557
ล่าสุด นายเปี่ยน ถูกให้ได้ใบเหลืองในการเลือกตั้ง เมื่อปี 2555 และสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ปรากฏว่านางสาวเฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต เขต 2 จังหวัดภูเก็ตและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ สามารถโค่นนายเปี่ยน กี่สิ้น ที่ครอบครองเก้าอี้ติดต่อกันมานานหลายสมัยลงได้ ซึ่งนายเปี่ยน ถือว่าเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของคนป่าตอง โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเตียงร่ม รถเช่า ที่มีการจัดระเบียบพื้นที่ให้ทำให้มาหากิน แต่สุดท้ายหลังมี คสช.กลุ่มอาชีพเหล่านี้ก็ถูกจัดระเบียบ ซึ่งก็เป็นช่วงเดียวกับที่นายเปี่ยน หมดอำนาจในเทศบาลเมืองป่าตอง ซึ่งนอกจากนายเปี่ยนจะเล่นการเมืองแล้ว ก็ยังทำธุรกิจหลายอย่าง ทั้งบริษัททัวร์ และโรงแรมในพื้นที่ป่าตอง
ส่วนนายปรีชาวุฒิ หรือปราบ กี่สิ้น อายุ 40 ปี ถือเป็นบุคคล ที่นายเปี่ยน กี่สิ้น ไว้วางใจ ให้มาสานต่อธุรกิจครบวงจร ที่มีดีกรี การศึกษา ระดับปริญญาโท จาก California State University ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยร่วมงานที่ธนาคารแห่งหนึ่งมาก่อน โดยเริ่มเข้ามามาทำงานในกิจการของครอบครัวตั้งปี 2548 ซึ่งบริหารจัดการบริษัทในเครือพิโซน่า กรุ๊ปทั้งหมด เช่น บริษัทพิโซน่า จำกัด โรงแรมป่าตองเบย์ รีโซเทล ,โรงแรมป่าตองเบย์ การ์เด้น รีสอร์ท ,บริษัท ป่าตอง ฮอลลีวูด จำกัด ,บริษัท พิโซน่าพลัส บริษัทพิโซน่า แคปปิทอล และอื่นๆ นอกจากนี้ยังนายปรีชาวุฒิหรือ ปราบ กี่สิ้น ยังเป็นประธานสภาองค์กรชุมชน เทศบาลเมืองป่าตอง, ประธานคณะกรรมการตำรวจ สถานีตำรวจภูธรกะทู้, ซึ่งถือว่าเป็นบุคคลที่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มอาชีพต่างๆเช่นเดียวกับนายเปี่ยน เพราะเป็นคนถึงลูกถึงคนใจถึง
และที่สำคัญคือการเข้าไปรับหน้าในการแก้ไขปัญหากลุ่มแท็กซี่ป้ายดำในพื้นที่ป่าตองตามคำเรียกร้องของผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐ โดยการดึงแท็กซี่ป้ายดำมารวมตัวกันจัดตั้งสหกรณ์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อให้โอกาสรถแท็กซี่เหล่านั้นได้ทำมาหากินและสามารถตรวจสอบได้ โดยจัดระเบียบ ได้มีการกำหนดการแต่งกายมียูนิฟอร์มแบเดียวกัน คนขับมีใบอนุญาตขับขี่ มีป้ายแสดงราคาค่าโดยสารที่ชัดเจน รวมทั้งอบรมการให้ความรู้เกี่ยวกับการบริการและภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับ นักท่องเที่ยวได้ง่ายๆ จนสามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นในระดับหนึ่ง