xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มยุ่นส่งทนาย ยื่นขอทารก อุ้มบุญกลับญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เจ้าของน้ำเชื้อชาวญี่ส่งทนาย ยื่นขอนำตัวทารกอุ้มบุญทั้งหมดออกต่างประเทศ ยินดีให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปขอข้อมูล แต่ไม่ขอเข้าให้ปากคำที่เมืองไทย ด้านตร.ติดใจ วัตถุประสงค์ที่ต้องการมีลูกจำนวนมาก เพื่อนำมาประกอบสำนวนก่อนสรุป ด้านสบส.สรุปผลตรวจคลินิกอุ้มบุญ กทม. 12 แห่ง พบมีความผิด 7 แห่ง เล็งทยอยตรวจคลินิกเฉพาะทางสูติฯ ทั่วประเทศ เริ่มกทม.จากที่เหลืออีก 9 แห่ง

วานนี้ (26 ส.ค.) พ.ต.อ.ภาคภูม พูลศิริโภคา หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ส่งพนักงานสอบสวนไปศึกษาข้อมูล คำให้การประกอบสำนวนของนายชาตรี พินใย นิติกร ชำนาญการพิเศษ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส) กับพนักงานสอบสวนของสน.ลุมพินี เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ก่อนจะเชิญตัวนายชาตรี มาสอบปากคำเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีในท้องที่สน.ลาดพร้าวในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ตนยังรอเอกสารฉบับจริง ที่เเสดงการเเต่งตั้งทนายความเเละมอบอำนาจให้กับนายก้อง สุริยมณฑล ในการดำเนินการด้านคดี เเละนำหนังสือชี้เเจงของนายชิเกตะ มิตสึโตกิ มามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ เนื่องจากก่อนหน้านี้เอกสารที่นำมามอบให้เป็นเพียงสำเนา เเละมีการเเปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยเรียบร้อยเเล้ว ซึ่งในทางสำนวนนั้นต้องมีเอกสารฉบับจริงประกอบอยู่ด้วย โดยเบื้องต้นได้ติดต่อไปยังนายก้องเเล้ว ทราบว่ากำลังดำเนินการขอเอกสารฉบับจริงดังกล่าวจากทนายความญี่ปุ่นอยู่ คาดว่าจะสามารถส่งมาได้ภายในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้นายชิเกตะ ได้มอบหมายให้ทนายความ มาทำเรื่องประสานขอนำตัวเด็กอุ้มบุญทั้งหมดกลับไป ซึ่งก็ให้นายก้องนำหนังสือแต่งตั้งทนายความ พร้อมหนังสือคำร้อง มาชี้แจงเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องการจะเลี้ยงเด็กอุ้มบุญไว้หลายๆ คน ส่วนกรณีที่นายก้อง ได้ยื่นข้อเสนอว่านายก้องยินดีประสานกับนายชิเกตะให้ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความต้องการที่จะเดินทางไปสอบปากคำนายชิเกตะ ที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น ตนต้องขอทำเรื่องปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้พิจารณาก่อนว่าจะสามารถกระทำได้หรือไม่

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนจะไม่มีการรวมคดีกับสถานีตำรวจนครบาลลาดพร้าว เนื่องจากได้มีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยสถานีตำรวจนครบาลลุมพินี รับผิดชอบการดำเนินคดีกับสถานพยาบาลและตัวนายแพทย์ ที่ทำผิดกฎหมายเท่านั้น

***สบส.สรุปผลตรวจคลินิกอุ้มบุญ

วานนี้ (26 ส.ค.) เมื่อเวลา 16.00 น. น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ(สบส.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงผลการตรวจสถานพยาบาลอุ้มบุญ ว่า จากการตรวจสอบสถานพยาบาลใน กทม.จำนวน 12 แห่ง พบว่า มีความผิด 7 แห่ง แบ่งเป็น มาตรา 34 (2) พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 จำนวน 5 แห่ง คือ ไม่ปฏิบัติตามประกาศของแพทยสภา โดยให้หญิงที่ไม่ใช่ญาติตั้งครรภ์แทน และมาตรา 16 อีก 2 แห่ง คือ ไม่ขออนุญาตตั้งสถานพยาบาลถือเป็นคลินิกเถื่อน ขณะที่ 2 แห่งดำเนินการถูกกฎหมาย และอีก 3 แห่งที่เหลือ เป็นเอเยนซีจัดหาการอุ้มบุญ เข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) สามารถเอาผิดกรณีหลอกลวง โฆษณาชวนเชื่อ สำหรับแพทย์มีความผิด 6 ราย ได้ส่งชื่อให้แพทยสภาพิจารณาจริยธรรมแล้ว ซึ่งเมื่อมีหลักฐานพร้อม ชัดเจน คาดว่าจะสามารถพิจารณาได้เสร็จภายใน 3 เดือน

น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า จากนี้ สบส.จะทยอยตรวจสอบสถานพยาบาลเฉพาะทางด้านสูตินรีเวชทั้งหมดต่อไป เนื่องจากการทำอุ้มบุญต้องทำในคลินิกเฉพาะทางสูตินรีเวชแน่นอน โดยมีแพทย์ขึ้นทะเบียนสามารถทำได้เพียง 240 คนเท่านั้น ส่วนคลินิกเฉพาะทางสูตินรีเวชทั่วประเทศมีขึ้นทะเบียนทั้งหมด 173 แห่ง แบ่งเป็น กทม. 18 แห่ง และต่างจังหวัด 155 แห่ง โดยในส่วนของ กทม. ยังเหลืออีก 9 แห่ง คาดว่าจะตรวจสอบเสร็จใน ก.ย. ส่วนภูมิภาคจะประสานกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) เพื่อตรวจสอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีการนำเด็กออกนอกประเทศโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายในการขอเป็นผู้ปกครองเด็ก โดยให้หญิงรับตั้งครรภ์รับว่าเป็นชู้ นั้น น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าวว่า กรณีนี้พิสูจน์ยากเพราะไม่มีการพิสูจน์ว่าเด็กเกิดจากเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์หรือไม่ ถือเป็นช่องว่างทางกฎหมายและเป็นเรื่องใหม่ จะต้องมีการช่วยกันเสนอความเห็นและหาทางป้องกันต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลินิกที่มีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 แบ่งเป็นผิดมาตรา 34(2) ไม่ดำเนินการตามประกาศของแพทยสภา 5 แห่ง คือ 1.ออล ไอ.วี.เอฟ. คลินิกแห่งนี้ทำผิดหลายครั้ง ซึ่งเดิมทีตอนไปตรวจจะมีการปิดสถานพยาบาลอยู่แล้ว แต่เจ้าของคลินิกได้ปิดหนีไปก่อน จึงถือว่าปิดถาวร 2.เอส.เอ.อาร์.ที 3.นิวไลฟ์ ไอ.วี.เอฟ 4.บางกอก ไอ.วี.เอฟ. และ 5.เซฟเฟอทิลิตี และมีความผิดเป็นคลินิกเถื่อน 2 แห่ง คือ คลินิกเถื่อนไม่มีชื่อ แต่เป็นส่วนหนึ่งของ ออล ไอ.วี.เอฟ. ตั้งอยู่บริเวณชั้นที่ 15 และนิวไลฟ์

นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา นายกแพทยสภา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 19 ส.ค. คณะอนุกรรมการเฉพาะกิจ ด้านจริยธรรมและสอบสวนกรณีอุ้มบุญ ได้เรียกแพทย์ทั้ง 2 รายกรณีทำอุ้มบุญน้องแกรมมี่ เข้ามาสัมภาษณ์และชี้แจงข้อกล่าวหาแล้ว ซึ่งแพทย์ทั้ง 2 รายต่างก็รับทราบ แต่ยังไม่มีคำชี้แจงใดๆ ส่วนแพทย์ที่ทำการอุ้มบุญเคสชาวญี่ปุ่นมีการเขียนคำชี้แจงเข้ามาแล้ว ทั้งนี้ การพิจารณาความผิด คาดว่าจะรู้ผลเร็วๆ นี้

**จดแจ้งสิทธิแม่อุ้มบุญ

วันเดียวกัน ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) นายวิเชียร ชวลิต ปลัดพม. กล่าวภายหลัง การประชุมคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2557 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาหลักเกณฑ์และแนวทางการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (การอุ้มบุญ) การดำเนินงานรับจดแจ้งลงทะเบียนผู้ที่ตั้งครรภ์แทน หรือแม่อุ้มบุญ โดยทางอนุคณะกรรมการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ได้แสดงความเป็นห่วงไปยังเด็กที่เกิดจากการอุ้มบุญ และเด็กที่ยังไม่คลอด ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ของแม่อุ้มบุญ เนื่องจากปัญหาอุ้มบุญขณะนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ และส่งผลกระทบมาก ประกอบกับ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธ์ ยังไม่มีการประกาศใช้ ซึ่งอาจทำให้แม่อุ้มบุญเกิดความเครียด และความกังวลว่าอาจถูกทอดทิ้ง

ดังนั้นคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ จึงได้มอบหมายให้พม. ในฐานะที่เป็นสำนักงานเลขานุการ ทำหน้าที่รับจดแจ้งสิทธิแม่อุ้มบุญ ซึ่งเบื้องต้นพบว่า มีแม่อุ้มบุญประมาณ 200 ราย รวมถึงกรณีน้องแกรมมี่ และเด็ก 12 คนที่เกิดจากพ่อชาวญี่ปุ่น โดยจะดำเนินการติดต่อเข้าไปให้ความคุ้มครองสิทธิของแม่อุ้มบุญ และดูแลเด็กตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนคลอด
กำลังโหลดความคิดเห็น