xs
xsm
sm
md
lg

แกนนำโดนรวบ ต้านปฏิรูปพลังงานไม่ถึงฝั่ง ปตท.แถคืนท่อก๊าซฯครบแล้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-คณะเดินเท้าปฏิรูปพลังงานออกเดินเป็นวันที่ 2 แกนนำถูกทหารรวบตัวระหว่างแวะพัก นำขึ้นรถบัสไปที่ค่ายเสนาณรงค์ มทบ.42 หาดใหญ่ หลังการเจรจาไม่เป็นผล ปตท.เต้นชี้แจงด่วน เหตุถูกถล่มหนัก แถคืนท่อก๊าซฯ ให้คลังครบถ้วนแล้ว แต่ที่เหลือทั้งบนบก ในทะเล ไม่ยอมคืน เหตุลงทุนเองและทำถูกกฎหมาย พร้อมเรียกร้องทุกฝ่ายเคารพศาล เมินเสียงต้านลุยตั้งบริษัทดูแลท่อก๊าซฯ ตามมติ กพช. ต่อ "รสนา" โพสต์สวน ท่อก๊าซฯ เป็นของแผ่นดิน 100%

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น.วานนี้ (20 ส.ค.) เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานภาคใต้เริ่มออกเดินทางจากที่พักภายในชุมชนห้วยหอ ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เพื่อมุ่งหน้าไปถึงที่หมาย คือ บริเวณบ้านสี่แยกคูหา อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ซึ่งจุดดังกล่าวจะเป็นจุดแวะพักในคืนวันที่ 20 ส.ค. โดยการเดินทางได้ใช้เส้นทางเดิม คือ ถนนเพชรเกษม เริ่มจากบริเวณสี่แยกบ้างท่าช้างเดินหน้าขึ้นไปทางทิศเหนือ มุ่งหน้าไปทาง อ.รัตภูมิ ซึ่งจากจุดนี้มีเส้นทางเป็นระยะประมาณ 16 กิโลเมตร

ในขณะที่ในช่วงเช้า ยังไม่มีคำสั่งห้ามเดินขบวนโดยเจ้าหน้าที่ทหารแต่อย่างใด หลังจากที่ในช่วงเริ่มต้นของการเดินขบวนเมื่อวันที่ 19 ส.ค. เจ้าหน้าที่ทหารได้มีคำสั่งเรียกแกนนำเข้าพบเพื่อหารือ และมีคำสั่งให้เครือข่ายหยุดเดินขบวนโดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎอัยการศึกที่ประกาศใช้ทั่วราชอาณาจักรอยู่ในขณะนี้

เวลา 12.00 น.แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา แจ้งว่า นายสัมพันธ์ เนตตกุล นายอำเภอรัตภูมิ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารจำนวนหนึ่งได้ประชุมเตรียมการเพื่อขอเข้าพูดคุยกับคณะเดินเท้าปฏิรูปพลังงาน โดยคาดว่าประเด็นในการหารือน่าจะเกี่ยวกับการดูแลรักษาความปลอดภัย เช่นเดียวกับที่ตำรวจ สภ.บางกล่ำ อ.บางกล่ำ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของขบวนเดินปฏิรูปพลังงานเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากขณะนี้ขบวนเดินปฏิรูปพลังงานได้เดินทางเข้าถึงเขตพื้นที่ อ.รัตภูมิแล้ว

ต่อมาทางด้านเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงานได้แวะพักรับประทานอาหารกลางวันภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอรัตภูมิไปประมาณ 10 กิโลเมตร โดยระหว่างพักเจ้าหน้าที่ทหารได้ส่งตัวแทนมาพูดคุยกับทางแกนนำเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน

**ทหารรวบ10แกนนำรถบัสไปมทบ.42

เวลา 13.10 น. หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งทหาร ตำรวจ และพลเรือน เข้าเจรจากับคณะเดินเท้า "ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน" ขณะพักรับประทานอาหารที่ปั๊มน้ำมัน ทีพี สาขารัตภูมิ อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ปรากฏว่า การเจรจาไม่เป็นผล ทางเจ้าหน้าที่ทหาร มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ ได้นำรถบัส พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่รวบแกนนำคณะเดินเท้าขึ้นรถบัสไปแล้ว จำนวน 10 คน ไปที่ค่ายเสนาณรงค์

เบื้องต้นทราบรายชื่อผู้ถูกจับ 5 ราย ประกอบด้วย 1.นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ 2.ประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน 3.วิสุทธิ์ ทองย้อย 4.ศักดิ์กมล แสงดารา 5.เอียด เครือข่ายจะนะ

***ปตท.ยืนขาเดียวคืนท่อก๊าซฯให้คลังแล้ว

วันเดียวกันนี้ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้จัดแถลงข่าวด่วน เพื่อชี้แจงกรณีกลุ่มเครือข่ายภาคประชาชนนำโดยนายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ถึงความไม่โปร่งใสในการคืนท่อก๊าซฯ ของปตท. ให้กับกระทรวงการคลัง

นายไพรินทร์กล่าวว่า ปตท.ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดในการโอนสินทรัพย์ท่อก๊าซฯ ที่เป็นสาธารณสมบัติแผ่นดินที่ได้จากการใช้อำนาจมหาชนทั้งเวนคืนที่และรอนสิทธิ์ในช่วงก่อนการแปรรูป ปตท. คืนให้กับกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยมาตั้งแต่เดือนธ.ค.2551 ซึ่งศาลก็มีคำสั่งว่า ปตท. ได้ดำเนินการตามคำพิพากษาเป็นที่เป็นร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2551

ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย.2544 (ก่อนปตท.แปรรูปในวันที่ 1ต.ค.2544) มีท่อก๊าซฯ บนบกระยะทาง 773 กิโลเมตร ได้แบ่งแยกท่อส่งก๊าซฯ ให้กับกระทรวงการคลัง 371 กิโลเมตร และเป็นท่อของปตท.เอง 402 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นท่อส่งก๊าซฯ ที่ปตท.ลงทุนเองและไม่ได้ใช้อำนาจมหาชน และไม่ได้รวมท่อก๊าซฯ ในทะเล เนื่องจากท่อส่งก๊าซฯ ในทะเลไม่ได้ใช้อำนาจมหาชนในการรอนสิทธิ์ และไม่มีกฎหมายไทยบังคับใช้ได้เกิน 12 ไมล์ทะเล ดังนั้น ท่อส่งก๊าซฯ ในทะเลจึงเป็นของ ปตท. และเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ศาลปกครองกลางไม่รับคำร้องของมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ ปตท. คืนท่อก๊าซฯ ในทะเลเมื่อปี 2555

ปัจจุบัน ปตท. มีท่อก๊าซรวมทั้งสิ้น 3.7 พันกิโลเมตร แบ่งเป็นท่อส่งก๊าซฯ ในทะเล 400 กิโลเมตร ซึ่งท่อส่งก๊าซฯที่ปตท.โอนไปให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังนั้น ปตท.มีค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าตอบแทนการใช้ท่อส่งก๊าซฯปีละ 500 ล้านบาท

สำหรับท่อส่งก๊าซฯ เส้นที่ 4 ปตท.ก็เป็นลงทุนด้านพื้นที่เอง เนื่องจากไม่ได้ใช้อำนาจมหาชนแต่อย่างใด หลังจากแปรรูปเป็นบริษัทจำกัด (มหาชน) แล้ว เพราะอำนาจได้ถูกโอนไปยังคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อกำกับดูแลแทน

***เดินหน้าตั้งบริษัทดูแลท่อก๊าซตามมติ กพช.

นายไพรินทร์กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา มติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช. ) สั่งการให้ ปตท. ต้องดำเนินการแยกท่อก๊าซฯ ออกจากกิจการของ ปตท. โดยให้ตั้งเป็นบริษัท เบื้องต้น ปตท. ถือหุ้น 100% แล้วให้คลังมาถือหุ้นบริษัทดังกล่าว 20-25% ในระยะต่อไป โดยให้ดำเนินการแยกเป็นบริษัทจำกัดให้เสร็จภายในกลางปี 2558ทางปตท.จะเร่งดำเนินการต่อไป

“การโอนทรัพย์สินไปยังบริษัทท่อส่งก๊าซใหม่ จะเป็นการโอนทรัพย์สินในส่วนที่ ปตท.เป็นเจ้าของในปัจจุบัน แต่ทรัพย์สินในส่วนที่รัฐเป็นเจ้าของ กระทรวงการคลังก็ยังคงสิทธิ์ในความเป็นเจ้าของเช่นเดิม จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเคารพคำสั่งศาล ไม่ควรก้าวล่วง ซึ่งที่ผ่านมาศาลมีคำสั่งถึงที่สุดแล้ว หากยังตีความกันเองต่อไป จะไม่มีข้อยุติอะไรเลย ส่วนการออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงของปตท.ในครั้งนี้ เพราะไม่ต้องการให้สังคมเข้าใจข้อมูลผิดและขยายผลออกไป”

***แปรรูป ปตท. เกิดขึ้นแล้วจะไม่เกิดอีก

นายไพรินทร์กล่าวว่า นโยบายของ คสช. ด้านพลังงาน คือ การปฏิรูปพลังงาน มิใช่การแปรรูป ปตท. ครั้งที่ 2 เพื่อสร้างธุรกิจเสรีอย่างแท้จริง ลดความกังวลเรื่องการผูกขาด ซึ่งการแยกบริษัทท่อก๊าซฯ ออกมา จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ทุกคนสามารถใช้บริการขนส่งก๊าซทางท่อได้อย่างเท่าเทียมกัน ภายใต้การกำกับดูแลจากองค์กรกำกับกิจการของรัฐ (Regulator) ในอัตราค่าใช้บริการที่เหมาะสมเป็นธรรม และยืนยันว่า การแปรรูปปตท.เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวเมื่อปี 2544

“การคืนทรัพย์สินที่เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ได้มาจากอำนาจมหาชนให้กับคลังนั้น ปตท.ไม่เคยปิดบังและรายงานให้ศาลทราบมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา ส่วนที่กังวลว่ามีการโอนทรัพย์สินยังครบหรือไม่ ต้องไปหารือศาล ซึ่งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในฐานะผู้สอบบัญชีบมจ.ปตท. ก็ไม่เคยทำหมายเหตุแนบท้ายงบการเงินในประเด็นดังกล่าวเลย จึงอยากให้เอ็นจีโอไปตรวจสอบเรื่องรางรถไฟหรือสายส่งไฟฟ้าบ้าง ไม่ใช่พูดแต่เรื่องท่อส่งก๊าซฯอย่างเดียว"

***"รสนา"ยันท่อก๊าซเป็นของแผ่นดินอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (20 ส.ค.) น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว รสนา โตสิตระกูล ถึงกรณีที่ พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับประเด็นการแยกกิจการท่อส่งก๊าซเป็นบริษัทใหม่ โดยอ้างว่าเป็นนโยบายรัฐที่ไม่ต้องการให้มีการผูกขาด

น.ส.รสนา ระบุว่า ท่อส่งก๊าซธรรมชาติเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยการใช้อำนาจรัฐ จะต้องเป็นทรัพย์สินของรัฐ จะซื้อขายหรือให้เอกชนมาเป็นเจ้าของไม่ได้ การที่รัฐถือหุ้นในบริษัทใหม่เพียง 25% แสดงว่ากิจการท่อส่งก๊าซจะไม่จัดเป็นองค์การมหาชนของรัฐอีกต่อไป และแม้รัฐธรรมนูญปี 2550 จะถูกเลิกไป แต่เจตนารมณ์พิทักษ์สมบัติของแผ่นดินจะต้องคงอยู่ต่อ จะใช้อำนาจพิเศษเหนือรัฐธรรมนูญของ คสช. ตามการผลักดันของกลุ่มทุนไม่ได้ และย้ำอีกว่า กิจการที่ผูกขาดโดยรัฐเป็นเจ้าของ ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ แต่ถ้าถูกถ่ายโอนไปเป็นกิจการเอกชน ประชาชนจะถูกเอาเปรียบ และตรวจสอบไม่ได้

นอกจากนี้ การอ้างประสิทธิภาพของเอกชนในการบริหารงาน เป็นการทำเพื่อใคร ทำเพื่อกำไรสูงสุดให้กับผู้ถือหุ้น แต่ประชาชนไม่ได้อะไร และ คสช. จะปล่อยให้กิจการสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อช่วยเหลือประชาชน กลายเป็นกิจการที่ให้เอกชนแสวงหากำไรแล้วหรือ

ทั้งนี้ น.ส.รสนา ยังยกตัวอย่างให้เห็นว่า ประเทศเพื่อนบ้านก็มีการผูกขาดในด้านต่างๆ เช่น ซีนุกเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานแห่งชาติของจีน เทมาเส็กของสิงคโปร์ลงทุนในกิจการน้ำมัน สายการบิน ธนาคาร โทรคมนาคม ปิโตรนาสของมาเลเซีย หรือแม้แต่ กาลิกาลี่ ที่เป็นบริษัทสำรวจขุดเจาะปิโตรเลียม ก็เป็นรัฐวิสาหกิจ จะเสียหายอะไร ถ้าไทยมีบริษัทพลังงานแห่งใหม่ที่รัฐถือหุ้น 100%

"ดิฉันมีความยินดีที่ได้ยินจาก พ.อ.วินธัย ที่ว่า คสช. มีแผนระยะยาวที่จะเข้าถือครองกิจการท่อก๊าซธรรมชาติทั้ง 100% ซึ่งถ้าเป็นจริงเช่นนั้น คสช. ไม่ต้องรออนาคตระยะยาว เพราะปัจจุบันท่อก๊าซธรรมชาติก็เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน100% อยู่แล้ว ถ้าจะตั้งบริษัทกิจการท่อก๊าซเป็นของรัฐ 100% ดิฉันมั่นใจว่าประชาชนจะสนับสนุน คสช.อย่างแน่นอน และขอบอกว่า พ.อ.วินธัยเข้าใจผิดที่ว่า บมจ.ปตท.เป็นผู้ลงทุนสร้างท่อส่งก๊าซ ทำให้รัฐไม่สามารถถือครองหุ้นของบริษัทใหม่ทั้ง 100% แท้จริงแล้ว ท่อส่งก๊าซทั้งบนบกและในทะเล สร้างก่อนการแปรรูป 2544 รัฐจึงเป็นผู้ลงทุนในการก่อสร้าง ตั้งแต่ ปตท.ยังเป็นองค์การมหาชนของรัฐ"น.ส.รสนาระบุ

อย่างไรก็ตาม ในการยืนยันเรื่องนี้ น.ส.รสนา ได้นำคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดมาเพิ่มน้ำหนักการอธิบาย และสรุปว่า "ระบบท่อก๊าซธรรมชาติ อันประกอบด้วย ท่อส่งก๊าซ ท่าเรือ โรงแยกก๊าซ และคลังปิโตรเลียม ฯลฯ เป็นทรัพย์สินที่เกิดขึ้นจากการใช้อำนาจมหาชน เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและวันนี้ยังเป็นของรัฐ 100%"
กำลังโหลดความคิดเห็น