ASTVผู้จัดการรายวัน - เครือข่าย “ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” ถูกกดดันหนัก มทบ.42 สั่งหยุดทำกิจกรรม อ้างขัดคำสั่ง คสช.ห้ามชุมนุมทางการเมือง ขู่งัดกฎอัยการศึกจัดการ แกนนำไม่หวั่นเดินหน้าต่อ “หมอนิรันดร์” บินด่วนลงตรวจสอบ ยันเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย ด้านเครือข่ายต้านแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล ฉุนขาดทหารสับขาหลอก วอล์กเอาต์ไม่คุยด้วย ลั่นไม่จริงใจ จับมือสู้ต่อ “วีระ สมความคิด” เตือนมติ กพช.แยกท่อก๊าซตั้งบริษัทใหม่ ปตท.ถือหุ้น 100% ผิดกฎหมาย เหตุเป็นเอกชน “คลัง” ต้องถือรายเดียว ขณะ ปตท.เผยอยู่ระหว่างแยกบัญชี คาดเสร็จปลายปี ตั้งบริษัทใหม่ทันกลางปี 58
เมื่อเวลา 08.30 น. วานนี้ (19 ส.ค.) ที่ลานจัตุรัสหน้าหอนาฬิกา เทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา “เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน” และจุดสตาร์ท “เดินวันละโยชน์ เพื่อประโยชน์คนทั้งชาติ” จากอ.หาดใหญ่ มายังกรุงเทพมหานคร ระยะทางประมาณ 1,400 กิโลเมตร โดยมีเป้าหมายเดินวันละ 1 โยชน์ หรือ 16 กิโลเมตร ประชาชนเริ่มทยอยรวมตัวกัน ขณะที่ทีมงานจัดเวทีให้ความรู้เรื่องพลังงาน พร้อมเตรียมผ้าผืนใหญ่ตัดเป็นตัวปลา ให้ขาหุ้นร่วมเซ็นชื่อเพื่อนำไปกรุงเทพฯ และมีผ้าสีเขียวอีกผืนให้ขาหุ้นที่ร่วมเดินทาง ประทับรอยเท้าไว้ด้วย
จากนั้นร่วมร้องเพลง “โบ๋ไม่บาย” โดย “แสง ธรรมดา” และศิลปินปักษ์ใต้ ก่อนจะให้ตัวแทน จ.สงขลา สตูล กระบี่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และชุมพร พูดคุยเรื่องพลังงานและผลกระทบ
ขาหุ้นปฏิรูปพลังงานเสนอ คสช.-รบ.5ข้อ
ต่อมา นายประสิทธิชัย หนูนวล ผู้ประสานงานเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน อ่านแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มีนโยบายคืนความสุขให้คนไทย ขณะที่การปฏิรูปประเทศได้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 มาตรา 27 ให้มีสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ศึกษาและเสนอแนะเพื่อให้เกิดการปฏิรูปด้านต่างๆ โดยการปฏิรูปพลังงานอยู่ในประเด็นที่ 7 ซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อความสุขของคนไทย
ดังนั้น เพื่อสนับสนุน คสช. คณะรัฐบาล และ สปช. รวมทั้งแสดงเจตนารมณ์สนับสนุนการปฏิรูปพลังงานอย่างถูกต้อง และเป็นธรรม ขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน ซึ่งประกอบด้วยประชาชนในภาคใต้ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก จึงได้ออกเดินรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชน ว่าทำไมต้องปฏิรูปพลังงาน และนำเสนอการปฏิรูปที่ตั้งอยู่บนฐานของข้อเท็จจริง ไม่เป็นประโยชน์ต่อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และนำเสนอประเด็นเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ ดังนี้
1.ขอให้เปลี่ยนระบบสัมปทานปิโตรเลียมเป็นระบบแบ่งปันผลผลิต เพื่อให้ประเทศได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งได้พิสูจน์จากนานาประเทศว่า จะทำให้ได้ความเป็นเจ้าของปิโตรเลียมคืนมา
2.ขอให้จัดตั้งบริษัทแห่งชาติควบคุมปิโตรเลียม ให้ประชาชนได้ใช้ก่อนในราคาที่เป็นธรรม 3.ขอให้แบ่งพื้นที่ปิโตรเลียม และพื้นที่ผลิตอาหาร การท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพื่อการพัฒนาที่สมดุล 4.ขอให้ปลดโรงไฟฟ้าถ่านหินจากแผนผลิตพลังงานไฟฟ้า เหมือนที่นานาประเทศกำลังปฏิบัติ เพื่อความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ 5.ขอให้ผลักดัน พ.ร.บ.พลังงานหมุนเวียนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า
ยันไม่ใช่ขบวนทำลายความมั่นคงของชาติ
ทั้งนี้ การเดินรณรงไม่ได้เป็นการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อย หรือความมั่นคงของชาติ ราชบัลลังก์ เศรษฐกิจของประเทศ หรือราชการแผ่นดิน ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยตามการประกาศกฎอัยการศึกของ คสช. แต่มีทหารจากมณฑลทหารบก (มทบ.) 42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่ มาเจรจาขอให้งดจัดกิจกรรม ขณะที่เครือข่ายยืนยันเจตนารมย์เดิม ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารทำได้เพียงเฝ้าสังเกตการณ์
ต่อมา เวลา 10.30 น. เครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน นำโดยนายประสิทธิชัย ที่ถือธงปฏิรูปพลังงานออกเดินเท้าจากหน้าหอนาฬิกา เคลื่อนขบวนไปตามถนนนิพัฒน์อุทิศ 3 โดยมีเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหว ซึ่งเมื่อขบวนมาถึงย่านการค้าเมืองหาดใหญ่ มีประชาชน และนักท่องเที่ยวให้ความสนใจจำนวนมาก
เผย มทบ.42สั่งหยุด-ขู่กฎอัยการศึกจัดการ
เวลา 12.00 น. นายณรงค์พร ณ พัทลุง นายอำเภอหาดใหญ่ ประสานงานแกนนำให้ส่งตัวแทนมาหารือ โดยให้เหตุผลว่า เสนาธิการฝ่ายทหาร มทบ.42 ต้องการเจรจากับเครือข่าย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ทหารปฏิเสธที่จะอนุญาตให้เคลื่อนไหวมาแล้ว โดยอ้างเหตุผลเรื่องความสงบเรียบร้อยตามประกาศ คสช. แต่ภายหลังไม่ได้ขัดขวาแต่อย่างใด ซึ่งทางเครือข่ายได้ให้ตัวแทนชี้แจงต่อนายอำเภอ ขณะที่ขบวนยังเคลื่อนไปตามปกติ
เวลา 12.45 น. นายเอกชัย อิสระทะ ผู้ประสานงานเครือข่าย และ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้แทนเครือข่าย แจ้งว่า นายอำเภอบอกว่า มทบ.ที่ 42 มีคำสั่งให้ยุติการเดินรณรงค์ทันที เนื่องจากขัดคำสั่ง คสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมือง และให้ทำหนังสือเสนอประเด็นไปตามขั้นตอน และจะเปิดเวทีรับฟังปัญหา แต่หากยังคงเดินทางต่อ อาจต้องดำเนินการตามกฎอัยการศึกทันที
แกนนำไม่สนสั่งเดินต่อ-ประกาศสำเร็จด้วยดี
เวลา 14.00 น. มัสยิดบ้านควนลัง ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ แกนนำเครือขายรับทราบคำสั่งจากทหาร แต่ตัดสินใจออกเดินทางต่อ โดย นายประสิทธิชัย กล่าวว่า จะยึดแนวทางสันติ อหิงสา และใช้สิทธิเสรีภาพตามกรอบรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว และขอยืนยันว่า กิจกรรมนี้ทำขึ้นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ไม่ได้ทำลายความมั่นคงของชาติแต่อย่างใด โดยมีนักเรียนจากโรงเรียนบ้านเนินพิชัย ต.ควนลัง ร่วมเดินให้กำลังใจประมาณ 2 กิโลเมตร จากนั้นขบวนเดินรณรงค์มาถึงที่พักบริเวณศาลาประชาคมชุมชนห้วยหลอ หมู่ 3 ต.ท่าช้าง อ.บางกล่ำ เพื่อพักค้างคืน โดยตลอดการเดินทางมีตำรวจ สภ.หาดใหญ่ และ สภ.บางกล่ำ รวมทั้งเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรอง ติดตามมาดูตลอดทาง
ด้าน นายประสิทธิชัย กล่าวว่า แม้จะอยู่ท่ามกลางการควบคุมอย่างเข้มงวดภายใต้กฎอัยการศึก แต่กิจกรรมวันนี้ก็ถือว่าสำเร็จด้วยดี และถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของภาคประชาชนในการรณรงค์ปฏิรูปพลังงานครั้งนี้
“หมอนิรันดร์” ยันเองเป็นไปโดยสงบเรียบร้อย
เวลา 17.30 น. นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) มาพบปะและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่อทางเครือข่ายขาหุ้นปฏิรูปพลังงาน โดย นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า มาดูการเคลื่อนไหวของประชาชนว่าเป็นไปโดยสงบเรียบร้อยหรือไม่ ซึ่งพบว่ากิจกรรมต่างๆ เป็นไปโดยสงบเรียบร้อย ซึ่งตนได้แจ้งต่อทางตำรวจ สภ.บางกล่ำ ที่มาดูแลความปลอดภัย ให้รายงานไปยังต้นสังกัดว่า การรณรงค์เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งบริเวณจุดแวะพักคืนนี้ จะมีการเปิดเวทีให้ความรู้ด้านการปฏิรูปพลังงานให้แก่ประชาชนในพื้นที่ด้วย
ต้านแลนด์บริดจ์ฉุนทหารหลอก-สับไม่จริงใจ
วันเดียวกัน เวลา 14.00 น. ที่ มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ เครือข่ายประชาชนติดตามแผนพัฒนาจังหวัดสงขลา-สตูล เครือข่ายประชาชนปกป้องทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมสงขลา-สตูล รวมถึงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล เข้าพบ พ.ท.ปรีชา ซุ่มศิริ นายทหารสารวัตร มทบ.42 ตามที่นัดไว้ เพื่อขอให้ประชาชนให้ข้อมูลเพิ่มเติม กรณียื่นหนังสือร้องเรียนให้ระงับโครงการแลนด์บริดจ์สงขลา-สตูล เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่เมื่อประชาชนเครือข่ายปากบารา จะนะ ทุ่งตำเสา เนินพิจิตร บ้านนายสี ซึ่งได้รับผลกระทบกว่า 50 คน มา พ.ท.ปรีชา กลับแจ้งว่ามีประชุมด่วนที่ อ.เมือง และให้ ร.อ.กันตวรรธน์ ล้อมเมือง ผู้ช่วยผู้บัญชาการเรือนจำ มทบ.42 ปฏิบัติหน้าที่ฝ่ายการสารวัตร มารับเรื่องแทน ประชาชนจึงไม่ยอม
ร.อ.กันตวรรธน์ จึงได้ประสานไปยัง พ.อ.(ศ) บัญชา รักชื่น รองผบ.มทบ.42 มาคุย และระหว่างรออยู่นั้น นายสมบูรณ์ คำแหง แกนนำเครือข่ายประชาชนได้อธิบายให้ ร.อ.กันตวรรธน์ ทราบว่าที่ประชาชนเดินทางมาเพราะ พ.ท.ปรีชา โทรศัพท์ไปนัด และจะจัดห้องประชุมไว้ และจอโปรเจกเตอร์ไว้ให้ แต่เมื่อมาถึงกลับถูกปฏิเสธ
ต่อมา พ.อ.(ศ) บัญชา มาพูดคุยโดยขอให้ส่งตัวแทนเพียง 3 คนเข้ามานำเสนอ แต่เครือข่ายประชาชนไม่ยอม จึงได้เชิญทุกคนไปที่ห้องประชุมใหญ่ แต่สั่งห้ามสื่อมวลชนเข้าทำข่าว ห้ามบันทึกภาพ และให้ผู้ที่เข้าไปในห้องประชุมทุกคนปิดโทรศัพท์มือถือ นำไปรวมกันหน้าห้อง ทำให้ประชาชนไม่พอใจ เห็นว่าทหารไม่จริงใจ และการให้ปิดโทรศัพท์ถือว่าทำเกินกว่าเหตุ จึงวอล์กเอาต์ออกจากห้องประชุม มารวมตัวกันที่สวนสาธารณะ เทศบาลนครหาดใหญ่ เพื่อหารือและได้ข้อสรุปว่าจะจับมือกันต่อสู้ต่อไป เพราะทหารพึ่งไม่ได้แล้ว
“วีระ” นัดแถลงข่าว-ทหารเบรกอ้างเกรงยั่วยุ
ที่กรุงเทพมหานคร เวลา 10.30 น. นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น (คปต.) และนายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หัวหน้าศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นัดแถลงข่าว “3 คำถามสำคัญเรื่องพลังงานไทย ที่ประชาชนอยากรู้” ปรากฏว่าพ.ท.ชายธนัธชา วาจรัตน์ ผู้บังคับกองพันทหารม้าที่ 27 รักษาพระองค์ กองบัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพื้นที่เขตพญาไท มาเจรจาให้ยุติการแถลงข่าว เพราะเกรงจะมีข้อความยั่วยุ ปลุกระดมซึ่งผิดกฎหมาย ใช้เวลาเจรจาประมาณ 10 นาที ฝ่ายทหารจึงให้แถลงได้แต่ให้เป็นไปตามข้อตกลง
นายวีระ กล่าวว่า จากกรณีคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 15 สิงหาคม มีมติให้บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) แยกธุรกิจท่อก๊าซธรรมชาติมาตั้งบริษัทใหม่ โดยให้ ปตท.ถือหุ้น 100% ไปก่อน แล้วอาจให้กระทรวงการคลัง ถือหุ้น 20-25% ในระยะต่อไป ถือว่าผิดหลักกฎหมาย เพราะ ปตท.แปรรูปเป็นบริษัทแล้ว จึงต้องให้กระทรวงการคลังถือหุ้น 100% ดังนั้น ก่อนที่มติจะถูกเสนอ คสช. เครือข่ายตั้งข้อสังเกตว่า อาจมีการให้ข้อมูลด้านกฎหมายต่อที่ประชุม กพช.ไม่ครบถ้วน และหากดำเนินการต่อไป อาจทำให้ คสช.เสียหายได้
ทั้งนี้ มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อปี 2544 ก็ระบุว่า ต้องแยกท่อก๊าซอันเป็นทรัพย์สินของรัฐออกมาก่อนที่ ปตท.จะแปรรูปเป็นบริษัทมหาชน ซึ่งตอนนั้นทำไมทำ แต่ตอนนี้กลับใช้อำนาจพิเศษเร่งรีบ ทั้งที่ศาลปกครองสูงสุด เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2550 มีคำสั่งให้แยกทรัพย์สินในส่วนที่เป็นสาธารณสมบัติ สิทธิในการใช้ที่ดินเพื่อวางระบบการขนส่งปิโตรเลียมทางท่อ รวมทั้งแยกอำนาจและสิทธิในส่วนที่เป็นอำนาจมหาชนของรัฐออกมา
เตือนตั้ง บ.ท่อก๊าซใหม่ ปตท.ถือ 100% ผิด กม.
นายวีระ กล่าวว่า ขอตั้งคำถามดังนี้ คือ 1.จากคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด การโอนทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน รวมถึงท่อก๊าซธรรมชาติในทะเล และสิทธิทั้งหลายที่ได้มาจากการใช้อำนาจรัฐ ไปให้ บมจ.ปตท. เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายใช่หรือไม่
2.การตั้งบริษัทท่อก๊าซธรรมชาติขึ้นใหม่ เป็นการถ่ายโอนสาธารณสมบัติของแผ่นดินให้เอกชนเป็นเจ้าของใช่หรือไม่ และ 3.นโยบายการบริหารกิจการพลังงานของไทยที่จะดำเนินการต่อไป จะเป็นการปฏิรูป หรือเป็นการแปรรูป ปตท.ครั้งที่ 2 หรือไม่
ด้านนายอิฐบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้พบว่ามีการโอนเฉพาะท่อบนบกคืนให้แก่รัฐเท่านั้น ทั้งที่ตามหลักกฎหมายต้องโอนทั้งบนบก และทะเล แต่ กพช.ก็กลับมีมติให้แยกกิจการท่อก๊าซมาให้ บมจ.ปตท.ถือหุ้น 100% ซึ่งผิดหลักกฎหมาย เพราะกิจการถือเป็นการผูกขาดโดยอำนาจรัฐ รัฐจึงเป็นเจ้าของ และจัดระเบียบการบริการอย่างเท่าเทียมกัน
“รสนา” ชี้ทุนชุบมือเปิบ-บ้านเมืองถอยหลัง
ด้าน น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพมหานคร และประธานคณะอนุกรรมาธิการเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา สัมภาษณ์พิเศษรายการ “เจาะข่าววงใน” ว่า ปัจจุบัน ปตท.มีบริษัทลูก 5 แห่ง จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ยิ่งมีบริษัทลูกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งบวกเพิ่มกำไร ทำให้โครงสร้างราคาน้ำมันแพง ภาระจึงตกหนักที่ประชาชน ตัวแทนรัฐที่ถือหุ้น 51% นั่งในบอร์ดก็รับผลประโยชน์ทับซ้อน
“โรดแมปของกลุ่มปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน และน ายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะกรรมการ บมจ.ปตท. พยายามแนะรัฐขายหุ้นให้หมด อ้างไม่ให้นักการเมืองล้วงลูก และเพื่อให้ปตท.ลดการผูกขาด แต่แฝงจุดมุ่งหวังอีกแบบหนึ่ง โดยเสนอแยกตั้งบริษัทท่อส่งก๊าซ ลดกรรมสิทธิ์ของรัฐที่เคยมีเต็ม 100% และให้บริษัทเข้าตลาดหุ้น โครงการนี้กำหนดเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2558 ก่อนจะมีรัฐบาลเลือกตั้ง”
น.ส.รสนา กล่าวว่า นี่คือการชุบมือเปิบ เพราะท่อส่งก๊าซ คือ สาธารณสมบัติ เหมือนโครงข่ายเส้นเลือด ปิโตรเลียมทั้งหลายต้องเดินผ่านโครงข่ายเหล่านี้ ยิ่งเป็นของเอกชน 100% ก็ต้องแสวงหากำไร ประชาชนไม่สามารถทำอะไรได้ จะไปอยู่เกาะเคย์แมน บาฮามัส เบอร์มิวดา ไซปรัส ก็ตรวจสอบไม่ได้ สิ่งสำคัญที่สุดเวลานี้ คือ เขาบอกว่าปฏิรูปพลังงานเพื่อความยั่งยืน มันเป็นความยั่งยืนของกลุ่มทุนพลังงาน หรือเป็นความยั่งยืนของประชาชน จากเคยถ่ายเทครึ่งหนึ่ง ตอนนี้จะเอาหมดเลยโดยใช้อำนาจพิเศษของ คสช.ยุครัฐประหาร
“ถ้า คสช.เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นในจังหวะที่อำนาจรวมศูนย์ จะเป็นความล้มเหลว ประเทศชาติเสียโอกาส เสียประโยชน์ เกิดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ทำลายความก้าวหน้าของบ้านเมือง ต้นตอคือ กลุ่มทุนต้องการยึดครองทรัพยากรทั้งหมดของประชาชน ถ้าเขาทำสำเร็จ บ้านเมืองก็ถอยหลังไปอีกมาก"
ปตท.ยันกำลังแยกบัญชี-เสร็จทันกลางปี58
นายสรัญ รังคศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า คาดว่าจะแยกบัญชีเสร็ปลายปีนี้ และดำเนินการตามมติ กพช.ที่ให้แยกท่อเป็นบริษัทเสร็จกลางปีหน้า ทั้งนี้ เพื่อโความใปร่งใสในการตรวจบัญชีมากยิ่งขึ้น ส่วนในอนาคตหากรัฐบาลจะซื้อบริษัทท่อก๊าซเพื่อเป็นเจ้าของเองก็ขึ้นอยู่กับนโยบาย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมูลค่าท่อก๊าซสูงนับแสนล้านบาท ดังนั้น รัฐคงต้องดูถึงความคุ้มค่าด้วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) หรือเรกูเลเตอร์ กล่าวว่า กกพ.จะประกาศใช้หลักเกณฑ์การจัดทำข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดให้ใช้ หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม (TPA Regime) ภายในเดือนสิงหาคมนี้ จากนั้นผู้รับใบอนุญาตนำเสนอข้อกำหนดการเปิดให้ใช้ หรือเชื่อมต่อระบบส่งก๊าซธรรมชาติ และสถานีแอลเอ็นจีแก่บุคคลที่สาม เสนอให้เรกูเลเตอร์พิจารณาอนุมัติ และประกาศใช้ต่อไป