นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เตรียมจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 3,183 คัน แบ่งเป็น รถปรับอากาศ 1,524 คัน และรถธรรมดา 1,659 คัน เพื่อทดแทนรถเมล์เดิม ซึ่งมีสภาพเก่าและชำรุดทรุดโทรมว่า ถือเป็นสิ่งที่ดีและเป็นความหวังของชาวกทม. ที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยการใช้รถเมล์ที่ดี และทันสมัย แต่อาจจะเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะร่างข้อกำหนดในการจัดซื้อ หรือ ทีโออาร์ ของขสมก. ที่มีการแก้ไขมาหลายครั้งแล้วไม่ได้ทำให้ความหวังของชาวกทม. เป็นจริง เนื่องจากมีการตั้งข้อสังเกตว่า มีการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบางรายเป็นพิเศษ ทำให้ต้องแก้ไขทีโออาร์ กันหลายครั้ง
นายสามารถ กล่าวว่า เรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก คือ แชสซี ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบางรายนำแชสซีรถบรรทุก มาดัดแปลงเป็นรถเมล์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า แชสซีรถบรรทุก มีราคาถูกกว่าแชสซีรถโดยสาร และภาษีนำเข้าก็ถูกกว่า ซึ่งเดิมขสมก.ได้กำหนดไว้ในร่างทีโออาร์ ว่า รถโดยสารสามารถวิ่งบริการรับ-ส่ง และช่วยเหลือประชาชนในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่าระดับ 70 เซนติเมตร (ซม.)ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระดับน้ำ 70 ซม.นั้น เป็นระดับน้ำที่สูงเกือบจะถึงเอว และสูงกว่าระดับน้ำท่วมขังเฉลี่ยบนถนนในกรุงเทพฯ ที่สูงประมาณ 30-50 ซม. ซึ่งเหตุที่ ขสมก. ต้องเขียนทีโออาร์ ไว้เช่นนี้เป็นเพราะแชสซีรถบรรทุกทั่วไปมีความสูงไม่น้อยกว่า 70 ซม. จึงสามารถวิ่งลุยน้ำท่วมสูง 70 ซม. ได้อย่างสบาย แต่ถ้าเป็นแชสซีที่ออกแบบมาสำหรับรถโดยสารโดยเฉพาะ จะต้องไม่สูงมาก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการขึ้น-ลง ซึ่งรถโดยสารสมัยใหม่อาจไม่ต้องมีบันใด หรืออาจมีเพียงขั้นเดียว เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยต่อผู้โดยสาร แต่หากเอาแชสซีรถบรรทุกมาดัดแปลงก็ต้องมีบันใดถึง 3 ขั้น ซึ่งถือว่าล้าสมัยมาก และทำให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงรถไม่สะดวก โดยเฉพาะคนชรา เด็กและสตรี
"การไม่กล้ากำหนดไว้ในทีโออาร์ ให้ชัดเจนว่า โครงแชสซีต้องมีพื้นฐานการออกแบบให้เป็นแชสซีรถโดยสาร และต้องเคยมีผลงานการใช้งานมาก่อน ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการบางราย ที่เตรียมจะประมูลโดยใช้โครงแชสซีดัดแปลง หรือไม่ ทั้งที่ ขสมก.ได้เคยประกาศ ร่าง ทีโออาร์ ฉบับที่ 11 สำหรับรถปรับอากาศ ขสมก.ร ะบุชัดเจนว่าจะต้องเป็นรถที่ไม่มีขั้นบันได ซึ่งถือว่าเป็นการปรับแก้ทีโออาร์ ที่จะทำให้ได้รถปรับอากาศดีขึ้น แต่สำหรับรถธรรมดา หรือรถร้อน ขสมก. ไม่ได้ระบุว่าจะต้องไม่มีบันได ทำให้ถูกวิจารณ์ว่ายังคงเปิดโอกาสให้ดัดแปลงแชสซีจากรถบรรทุก เป็นรถโดยสารได้ ดังนั้นขอฝากความหวังไว้กับรัฐบาล คสช. ช่วยทำให้ชาวกรุงเทพฯ มีโอกาสได้ใช้รถเมล์ที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัย และคุ้มค่ากับวงเงินในการจัดซื้อจำนวน 13,162.2 ล้านบาท" นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวว่า เรื่องที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก คือ แชสซี ที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการบางรายนำแชสซีรถบรรทุก มาดัดแปลงเป็นรถเมล์ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า แชสซีรถบรรทุก มีราคาถูกกว่าแชสซีรถโดยสาร และภาษีนำเข้าก็ถูกกว่า ซึ่งเดิมขสมก.ได้กำหนดไว้ในร่างทีโออาร์ ว่า รถโดยสารสามารถวิ่งบริการรับ-ส่ง และช่วยเหลือประชาชนในพื้นถนนที่มีน้ำท่วมขังไม่น้อยกว่าระดับ 70 เซนติเมตร (ซม.)ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งระดับน้ำ 70 ซม.นั้น เป็นระดับน้ำที่สูงเกือบจะถึงเอว และสูงกว่าระดับน้ำท่วมขังเฉลี่ยบนถนนในกรุงเทพฯ ที่สูงประมาณ 30-50 ซม. ซึ่งเหตุที่ ขสมก. ต้องเขียนทีโออาร์ ไว้เช่นนี้เป็นเพราะแชสซีรถบรรทุกทั่วไปมีความสูงไม่น้อยกว่า 70 ซม. จึงสามารถวิ่งลุยน้ำท่วมสูง 70 ซม. ได้อย่างสบาย แต่ถ้าเป็นแชสซีที่ออกแบบมาสำหรับรถโดยสารโดยเฉพาะ จะต้องไม่สูงมาก เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารในการขึ้น-ลง ซึ่งรถโดยสารสมัยใหม่อาจไม่ต้องมีบันใด หรืออาจมีเพียงขั้นเดียว เพื่อความสะดวกสบายและปลอดภัยต่อผู้โดยสาร แต่หากเอาแชสซีรถบรรทุกมาดัดแปลงก็ต้องมีบันใดถึง 3 ขั้น ซึ่งถือว่าล้าสมัยมาก และทำให้ผู้โดยสารขึ้น-ลงรถไม่สะดวก โดยเฉพาะคนชรา เด็กและสตรี
"การไม่กล้ากำหนดไว้ในทีโออาร์ ให้ชัดเจนว่า โครงแชสซีต้องมีพื้นฐานการออกแบบให้เป็นแชสซีรถโดยสาร และต้องเคยมีผลงานการใช้งานมาก่อน ทั้งในประเทศหรือต่างประเทศ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการบางราย ที่เตรียมจะประมูลโดยใช้โครงแชสซีดัดแปลง หรือไม่ ทั้งที่ ขสมก.ได้เคยประกาศ ร่าง ทีโออาร์ ฉบับที่ 11 สำหรับรถปรับอากาศ ขสมก.ร ะบุชัดเจนว่าจะต้องเป็นรถที่ไม่มีขั้นบันได ซึ่งถือว่าเป็นการปรับแก้ทีโออาร์ ที่จะทำให้ได้รถปรับอากาศดีขึ้น แต่สำหรับรถธรรมดา หรือรถร้อน ขสมก. ไม่ได้ระบุว่าจะต้องไม่มีบันได ทำให้ถูกวิจารณ์ว่ายังคงเปิดโอกาสให้ดัดแปลงแชสซีจากรถบรรทุก เป็นรถโดยสารได้ ดังนั้นขอฝากความหวังไว้กับรัฐบาล คสช. ช่วยทำให้ชาวกรุงเทพฯ มีโอกาสได้ใช้รถเมล์ที่มีความสะดวกสบาย ทันสมัย และคุ้มค่ากับวงเงินในการจัดซื้อจำนวน 13,162.2 ล้านบาท" นายสามารถ กล่าว