xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ปู” ดิ้นสู้ฟัดโต้โกงข้าว เกมยื้อเวลาในโหมดปรองดอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


รายงานพิเศษ

เรียกว่า คาดเดาเกมกันวินาทีต่อวินาทีเลยทีเดียวสำหรับคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมี “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นหนึ่งในจำเลยคนสำคัญและขณะนี้ได้รับอนุญาตจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้เดินทางออกนอกประเทศไทย

ทั้งนี้ สิ่งที่สังคมให้ความสนใจในคดีนี้ก็คือ ทีมกฎหมายของนางสาวยิ่งลักษณ์จะแก้ไขสถานการณ์อย่างไร และนางสาวยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคม 2557 นี้ ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับ คสช.หรือไม่

สำหรับประเด็นแรก เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ “ดิ้นสู้ฟัด” และเลือกที่จะใช้เกม “ยื้อเวลา” ดังจะเห็นได้จากเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2557 ที่ทีมทนายได้ยื่นร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด(อสส.) โดยขอให้สอบพยานเพิ่มอีก 50 ปากพร้อมอ้างว่าสำนวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.).ไม่สมบูรณ์

กล่าวคือนายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ ผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เข้าพบนายสมเกียรติ คุววัฒนานนท์ รองเลขานุการอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึงนายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด กรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ส่งสำนวนเอกสารหลักฐานที่ชี้มูลความผิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ละเลยไม่ยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้รัฐเสียหาย เพื่อขอให้อัยการสูงสุดพิจารณาการไต่สวนพยานเพิ่มเติม

โดยประเด็นหลักคือ ป.ป.ช.นำข้อมูลเก่าของสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ที่อ้างว่าโครงการรับจำนำข้าวไม่ดี ทั้งที่ไม่ควรนำมาเป็นข้อเท็จจริงในการฟ้องคดีอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อีกทั้ง ป.ป.ช.ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในจังหวัดใดหรือขั้นตอนใดบ้าง ดังนั้นชั้นนี้จึงขอให้อัยการสูงสุดดำเนินการสอบสวนพยานเพิ่มเติมอีก 8 ปาก จากเดิมที่เคยร้องขอในชั้น ป.ป.ช. ซึ่ง ป.ป.ช.ไม่รับเรื่องไว้ นอกจากนี้ยังขอให้อัยการสูงสุดไต่สวนพยานในส่วนของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับโครงการอีกกว่า 50 ปากด้วย

“ยืนยันว่าการร้องขอความเป็นธรรมนี้ไม่ใช่การยื้อคดี แต่การฟ้องคดีอาญาเป็นเรื่องร้ายแรง ควรสอบสวนพยานให้ครบถ้วนและไม่ควรเร่งพิจารณา ทั้งนี้มั่นใจว่าอดีตนายกฯ จะเดินทางกลับประเทศไทยภายในกำหนดเดิมวันที่ 10 ส.ค.นี้ ขณะที่อดีตนายกฯ พร้อมจะสู้คดี โดยต้องการให้มีการนำเสนอข้อเท็จจริงให้มากที่สุด เพื่อให้การพิจารณานั้นครอบคลุมครบถ้วนรอบด้าน”นายนรวิชญ์แจงแจก

นอกจากนี้ ทีมทนายยังมีประเด็นแก้ต่างในเรื่องของค่าเสื่อมคุณภาพข้าว ที่กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ คิดค่าเสื่อมคุณภาพข้าวปีละ 0.10% แต่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีกลับคิดค่าเสื่อมปีละ 20% รวมทั้งการคำนวณค่าความเสียหายและตัวเลขข้าวในสต็อกที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ยืนยันว่ามีปริมาณข้าวจำนวน 2.977 ล้านตันอยู่ในสต็อก แต่คณะอนุกรรมการปิดบัญชีไม่นำมาลงไว้ในจำนวนข้าวที่เหลือ

ขณะที่คณะทำงานตามคำสั่งคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ได้ตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐ ทำการตรวจสอบปริมาณข้าวซ้ำเป็นครั้งที่ 2 พบว่าปริมาณข้าวที่ดีและถูกต้องมีมากถึงร้อยละ 80 ส่วนอีกร้อยละ 10 เป็นข้าวที่มีคุณภาพไม่ตรงกับบัญชีที่แจ้งไว้ และที่เหลือ ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่าหาก ป.ป.ช.รับคำร้องของผู้ถูกกล่าวหาก่อนชี้มูลความผิด จะทำให้ ป.ป.ช.ได้ข้อเท็จจริงที่ตรงไปตรงมา

อย่างไรก็ตาม ในประเด็นดังกล่าว นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เมื่อพิจารณาแล้วเห็นชัดเจนว่า หวังยื้อคดี เพราะจากการอ่านประเด็นต่างๆ 7 ข้อ ที่ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร้องไปแล้วรู้สึกมึน ๆ งง ๆ ค่อนข้างวกไป วนมา คล้ายกับว่าคนที่เขียนคำร้องยังไม่เข้าใจเรื่องจำนำข้าวดีพอ และยังไม่เข้าใจประเด็น ที่ ป.ป.ช.พยายามโยงให้เห็นถึงความเสียหาย ทั้งๆ ที่ป.ป.ช.ชี้มูลตรงไปตรงมา ไล่จากจำนำสูงกว่าตลาด ทำลายกลไกตลาด เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน ระบายข้าวไม่โปร่งใส โดยใช้อิทธิพลการเมืองช่วยเหลือพวกพ้อง เกิดภาวะขาดทุนจำนวนมาก รวมทั้งมีข้าวหาย ข้าวเสื่อม นำข้าวต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ ชาวนาได้รับความเดือดร้อนและฆ่าตัวตาย ได้รับรายงานความเสียหายตลอดจนการทุจริต ทำไมนายกรัฐมนตรี จึงไม่ระงับยับยั้ง ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ แก้ประเด็นต่างๆ แค่นี้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว

“สรุปแล้วคนเขียนคำร้องยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการจำนำข้าวแบบเข้าใจจริงๆ แต่ก็มาอ๋อตรงที่ ให้อัยการสูงสุดสอบสวนพยานเพิ่มอีก 8 ปาก จากเดิมที่เคยขอป.ป.ช. แล้วถูกปฏิเสธ และให้อัยการสูงสุดไต่สวนพยานในส่วนของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับโครงการอีกกว่า 50 ปากด้วย รวมแล้วร่วม 60 ปาก ที่แท้ก็ต้องการยื้อคดีนี่เอง”นพ.วรงค์ฟันธง

ทีนี้ ก็มาถึงคดีที่สองที่ว่า สุดท้ายแล้วนางสาวยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคม 2557 นี้ ตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญากับ คสช.หรือไม่

แน่นอน ถ้าฟังจากคำให้สัมภาษณ์ของทนาย ก็พอจะเชื่อได้ว่ากลับจริง

ทว่า นั่นก็ไม่ใช่บทสรุปได้เลยทีเดียว เพราะแม้แต่ คสช.เองก็ยังไม่มั่นใจเช่นกัน

พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ ผู้ซึ่งรับผิดชอบจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้ดูแลงานทางด้านการปรองดอง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่เดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 ส.ค.นี้ว่า ต้องเข้าใจว่ากลุ่มบุคคลที่ คสช.เชิญมารายงานตัวในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา คสช.ได้อะลุ้มอล่วยตลอด และไม่ได้ออกหมายจับทันที ซึ่งถ้าหากว่าใครติดภารกิจอะไรก็ให้มาชี้แจง โดยทาง คสช.ให้เวลา แต่เมื่อหมดเวลาแล้วก็จะต้องออกหมายจับทันที ส่วนกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานงานว่าจะมีการเลื่อนเวลากลับ เพราะว่ายังไม่ถึงวันที่ 10 ส.ค.ที่เป็นวันครบกำหนดขอเดินทางไปต่างประเทศ ดังนั้นต้องให้ถึงเวลาก่อนกำหนด ถ้าหากว่าไม่มาจริงๆ ก็จะต้องชี้แจงเหตุว่าติดภารกิจอะไรที่ไม่สามารถเดินทางกลับได้ ซึ่งทางหัวหน้า คสช.จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้งหนึ่งว่าจะอนุญาตให้อยู่ต่อหรือไม่

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการประเมินของ คสช. คิดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางกลับในวันที่ 10 ส.ค.นี้หรือไม่ พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ไม่สามารถเดาใจได้ เพราะส่วนตัวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีทีมที่ปรึกษาที่เป็นกุนซือทางยุทธศาสตร์คอยให้คำแนะนำอยู่ ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

และเมื่อถามว่าห่วงหรือไม่หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่เดินทางกลับมาในวันที่ 10 ส.ค.นี้ จะส่งผลกระทบต่อหัวหน้า คสช. ที่อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ ทั้งที่ทราบดีว่าจะไม่กลับมา พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า ทางหัวหน้า คสช.ต้องชี้แจงได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นที่หัวหน้า คสช.อนุญาตให้เดินทางไปต่างประเทศ เพราะถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่มีความผิด เพราะศาลยังไม่ได้ตัดสิน และถามว่าหัวหน้า คสช.จะมีสิทธิ์อะไรที่จะไปห้ามไม่ให้เดินทางไปต่างประเทศ ตรงกันข้ามถ้าไปทำอย่างนั้นก็จะกระทบหลักสิทธิมนุษยชน ก็จะถูกโจมตี จึงทำให้หัวหน้า คสช.ต้องอนุมัติไปตามหลักการ

“ยืนยันว่าหัวหน้า คสช.ไม่ได้ช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้หลบหนี ก่อนที่จะเดินทางไปต่างประเทศ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้แจ้งต่อ คสช. โดยมีการแสดงหลักฐานที่เป็นตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ที่พักอาศัยในต่างประเทศที่ชัดเจน รวมถึงกิจกรรมที่จะไปทำในระหว่างอยู่ต่างประเทศ”

สุดท้ายเมื่อถามว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ขอขยายเวลาจะมีกรอบได้มากน้อยแค่ไหน พล.ท.กัมปนาทกล่าวว่า หัวหน้า คสช.ก็จะพิจารณาตามความเหมาะสม โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรเปรียบเสมือนศาลที่ยังอนุญาตให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาสามารถเลื่อนวันขึ้นศาลได้

ถึงตรงนี้ คงไม่อาจคาดเดาได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้น และกาลเวลาเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริงทั้งหมด แต่เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงและบริบทรอบข้าง โดยเฉพาะท่าทีของ คสช.แล้ว เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรจะเดินทางกลับประเทศไทยตามกำหนดเวลาที่แจ้งกับ คสช.ไว้อย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เนื่องจากวันนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่โหมดของการปรองดอง และก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องหลบหนีในห้วงเวลา ณ ขณะนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น