ก่อนการเลือกตั้งมาถึงหลังจากมีรัฐธรรมนูญใหม่ มีสภานิติบัญญัติ มีสภาปฏิรูป ถึงตอนนี้คนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างไม่ต้องสงสัย
และความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์กำลังพุ่ง เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาด ยกเว้นเรื่องหวยที่แก้ไม่ได้ จนคนทั่วไปก็ลืมไปว่า นี่เป็นอำนาจจากปลายกระบอกปืนซึ่งไม่สามารถใช้มันอย่างจีรังยั่งยืนได้
คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทักษิณส่วนหนึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์และคสช.จะมาจัดการกับระบอบทักษิณและปฏิรูปการเมืองตามแนวทางของ กปปส. ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณมองว่า ทหารต้องออกมาเพราะการชุมนุมของ กปปส.ที่สร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ต่างฝ่ายต่างก็เชื่อว่าการรัฐประหาร คสช.ฝ่ายตัวเองได้ประโยชน์
แน่นอนว่า ทักษิณนั้นรอคอยวันเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง เลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ก็เชื่อมั่นว่าพรรคของตัวเองจะกลับมาอีก จึงไม่รีบร้อนและรอได้ตามที่ทักษิณส่งสัญญาณมาแล้ว และถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสูญเสีย เพราะคสช.ไม่ได้แตะต้องที่ตัวทักษิณและวงศาคณาญาติเลย ไม่มีเรื่องถอดยศและถอนพาสปอร์ตทั้งๆ ที่ทักษิณเป็นนักโทษที่หนีคำพิพากษาของศาล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างที่คณะรัฐประหารชุดที่แล้วเคยทำ
ไม่มีการพูดถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ มีข่าวว่าสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแห่งหนึ่งเมื่อพูดถึงทักษิณก็มีโทรศํพท์จากผู้มีอำนาจโทร.มายับยั้งทันที
แกนนำเสื้อแดงที่เป็นลิ่วล้อของทักษิณก็เงียบ ไม่มีหือไม่มีอือกับ คสช.แม้แต่คนเดียว ก็คงเป็นเพราะทักษิณบอกให้รอนั่นแหละ
ทักษิณและพวกเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสีย เมื่อถึงวันที่ คสช.ลงจากอำนาจกลับมาสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย พรรคของทักษิณก็จะกลับมาอีก ไม่มีประโยชน์และความจำเป็นที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านตอนนี้
คนที่เคยเชียร์กำนันและวันนี้หันมาเชียร์รัฐประหารก็เพราะคาดหวังว่า คณะรัฐประหารเป็นพวกเดียวกับตัวเอง สืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนในการจัดการกับระบอบทักษิณและปฏิรูปประเทศก็พอออกพอใจที่ คสช.มีการสั่งย้ายข้าราชการที่ได้แต่งตั้งจากรัฐบาลของทักษิณออกไป แล้วตั้งคนใหม่เข้ามาและมองว่าพวกของทักษิณกำลังถูกล้างบาง แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นแค่การเตรียมตัวของพล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องการเอกภาพและคนทำงานเมื่อตัวเองเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
ผมคิดว่า แม้ว่าการโยกย้ายข้าราชการที่เป็นมือไม้ของระบอบทักษิณออกไปจากอำนาจจะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่เราต้องระมัดระวังเหมือนกันนะครับว่า อำนาจเบ็ดเสร็จที่โยกย้ายข้าราชการก็เป็นดาบสองคมและง่ายที่จะเป็นการทำลายระบบคุณธรรมในวงการราชการเช่นเดียวกัน เพราะจะกลายเป็นเรื่องว่าใครเข้าสู่วงในคนมีอำนาจได้มากกว่ากันแทนที่การพิจารณาจากความเหมาะสม
แต่เรื่องโยกย้ายก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเลือกตั้งชนะกลับมาเมื่อไหร่พรรคของทักษิณก็ย้ายพวกตัวเองกลับมาได้อีก
บางคนอาจจะเถียงว่าทำไม่ได้ เพราะจะเจอแบบกรณีของคุณถวิล เปลี่ยนศรีอีก แต่จริงๆ กรณีของคุณถวิลนั้นเพราะมีหลักฐานชัดเจนนะครับว่าเป็นการโยกย้ายเพื่อให้เครือญาติของตัวเองได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงมีความผิด ถ้าย้ายข้าราชการตามปกติเพื่อให้ตัวเองมีมือไม้ในการทำงานรัฐบาลก็มีอำนาจทำได้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารงานบุคคลภาครัฐได้ แต่ต้องไม่ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ที่มิใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ
อีกเรื่องที่ทำให้มวลมหาประชาชนเชื่อว่า คณะรัฐประหารเป็นฝ่ายตัวเองก็คือ การเรียกคนเสื้อแดงจำนวนมากไปรายงานตัว และเรียกฝ่ายตรงข้ามของทักษิณไปรายงานตัวเพียงไม่กี่คน ทั้งๆ ที่เหตุผลอาจจะเป็นเพราะคณะรัฐประหารกลัวคนเสื้อแดงลุกขึ้นมาต่อต้าน ส่วนฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณนั้นไม่ต่อต้านอยู่แล้ว เพราะคิดว่าคณะรัฐประหารเป็นพวกเดียวกับตัวเองนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม ผมขอให้ความคิดที่นิยมคณะรัฐประหารของมวลมหาประชาชนเป็นความคิดที่ “ชั่วคราว” ไม่ “ยั่งยืน” และมองเห็นว่า เป็นความจำเป็นเฉพาะหน้าที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่ไร้ทางออกเท่านั้น หวังว่าจะยินยอมให้คณะรัฐประหารเข้ามาใช้เวลาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในระยะเวลาหนึ่งไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป และไม่ทิ้งปัญหาให้บ้านเมืองเหมือนคณะรัฐประหารของบิ๊กบังและรัฐบาลสุรยุทธ์
อย่าไปคาดหวังว่า อำนาจเผด็จการจะสามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ดีกว่าเก่าให้ แต่ที่เราไม่ต่อต้านการรัฐประหารเพียงเพราะเราเห็นว่ามีความจำเป็นที่ทหารจะต้องเข้าจัดการกับปัญหาบ้านเมืองที่ไร้ทางออกเท่านั้นเอง
ผมคิดว่าเราต้องศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ และผมเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยยังคงเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด เพียงแต่ระบอบทักษิณได้อาศัยรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องไว้ให้กลุ่มทุนเข้ามายึดอำนาจและสร้างระบอบเผด็จการนายทุนขึ้นมาได้ โดยใช้เงินซื้อเสียง ซื้อตัว ส.ส. และซื้อพรรคการเมือง
น่าเสียดายที่วันนี้เมื่อ คสช.เข้ามามีอำนาจแล้วไม่ได้พูดถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ หรือทำให้ประชาชนรากหญ้าที่หลงติดกับนโยบายประชานิยมที่ระบอบทักษิณหยิบยื่นให้เข้าใจถึงผลเสียในระยะยาวมากกว่าประโยชน์เฉพาะหน้า ทำให้คนรากหญ้ารู้ทันระบอบทักษิณว่าได้โกงกินประเทศหาประโยชน์เข้าบริษัทวงศ์วานว่านเครือ และสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างไร
ซ้ำร้ายใครพูดถึงระบอบทักษิณก็ถูกหาว่าทำลายบรรยายกาศการปรองดอง หรือไม่ก็ถูกกองเชียร์ คสช.บอกว่าให้ใจเย็นๆ ปล่อยให้เขาทำงานไปก่อน
ผมคิดว่า สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อเราทุกคนพร้อมใจกันสละสิทธิเสรีภาพเพื่อให้ทหารเข้ามาจัดการปัญหาของบ้านเมืองในระยะหนึ่งแล้ว เราต้องได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า สามารถจัดการกับระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของสมบัติผลัดกันชม
แต่ถึงวันนี้ยังไม่เห็นเลยว่า ระบอบทักษิณจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยได้อย่างไร มองไม่เห็นเลยว่าผู้มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ในขณะนี้จะจัดการกับระบอบทักษิณที่ไม่ใช่แค่เรื่องสลายสีเสื้อทางการเมือง แต่คือการให้ “ปัญญา” กับประชาชนถึงพิษภัยของระบอบทักษิณได้อย่างไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ผมเชื่อว่าระบอบทักษิณจะต้องกลับมาอีก แล้วประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาขับไล่ แล้ววัฏจักรของการรัฐประหารก็จะเวียนมาอีกไม่สิ้นสุด
บอกตรงๆ ครับไม่อยากให้การรัฐประหารครั้งนี้เป็นเหมือนการรัฐประหารของบิ๊กบังที่กลายเป็นการใส่ปุ๋ยให้ระบอบทักษิณงอกงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า แล้ววันนี้บิ๊กบังก็กลายเป็นลิ่วล้อของทักษิณไปแล้ว
และความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์กำลังพุ่ง เพราะดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแก้ปัญหาต่างๆ ได้อย่างเด็ดขาด ยกเว้นเรื่องหวยที่แก้ไม่ได้ จนคนทั่วไปก็ลืมไปว่า นี่เป็นอำนาจจากปลายกระบอกปืนซึ่งไม่สามารถใช้มันอย่างจีรังยั่งยืนได้
คนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับทักษิณส่วนหนึ่งเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์และคสช.จะมาจัดการกับระบอบทักษิณและปฏิรูปการเมืองตามแนวทางของ กปปส. ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนทักษิณมองว่า ทหารต้องออกมาเพราะการชุมนุมของ กปปส.ที่สร้างความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
ต่างฝ่ายต่างก็เชื่อว่าการรัฐประหาร คสช.ฝ่ายตัวเองได้ประโยชน์
แน่นอนว่า ทักษิณนั้นรอคอยวันเลือกตั้งกลับมาอีกครั้ง เลือกตั้งใหม่เมื่อไหร่ก็เชื่อมั่นว่าพรรคของตัวเองจะกลับมาอีก จึงไม่รีบร้อนและรอได้ตามที่ทักษิณส่งสัญญาณมาแล้ว และถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสูญเสีย เพราะคสช.ไม่ได้แตะต้องที่ตัวทักษิณและวงศาคณาญาติเลย ไม่มีเรื่องถอดยศและถอนพาสปอร์ตทั้งๆ ที่ทักษิณเป็นนักโทษที่หนีคำพิพากษาของศาล ไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาลยิ่งลักษณ์อย่างที่คณะรัฐประหารชุดที่แล้วเคยทำ
ไม่มีการพูดถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ มีข่าวว่าสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมแห่งหนึ่งเมื่อพูดถึงทักษิณก็มีโทรศํพท์จากผู้มีอำนาจโทร.มายับยั้งทันที
แกนนำเสื้อแดงที่เป็นลิ่วล้อของทักษิณก็เงียบ ไม่มีหือไม่มีอือกับ คสช.แม้แต่คนเดียว ก็คงเป็นเพราะทักษิณบอกให้รอนั่นแหละ
ทักษิณและพวกเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสีย เมื่อถึงวันที่ คสช.ลงจากอำนาจกลับมาสู่การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย พรรคของทักษิณก็จะกลับมาอีก ไม่มีประโยชน์และความจำเป็นที่จะลุกขึ้นมาต่อต้านตอนนี้
คนที่เคยเชียร์กำนันและวันนี้หันมาเชียร์รัฐประหารก็เพราะคาดหวังว่า คณะรัฐประหารเป็นพวกเดียวกับตัวเอง สืบทอดเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชนในการจัดการกับระบอบทักษิณและปฏิรูปประเทศก็พอออกพอใจที่ คสช.มีการสั่งย้ายข้าราชการที่ได้แต่งตั้งจากรัฐบาลของทักษิณออกไป แล้วตั้งคนใหม่เข้ามาและมองว่าพวกของทักษิณกำลังถูกล้างบาง แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นแค่การเตรียมตัวของพล.อ.ประยุทธ์ที่ต้องการเอกภาพและคนทำงานเมื่อตัวเองเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง
ผมคิดว่า แม้ว่าการโยกย้ายข้าราชการที่เป็นมือไม้ของระบอบทักษิณออกไปจากอำนาจจะเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่เราต้องระมัดระวังเหมือนกันนะครับว่า อำนาจเบ็ดเสร็จที่โยกย้ายข้าราชการก็เป็นดาบสองคมและง่ายที่จะเป็นการทำลายระบบคุณธรรมในวงการราชการเช่นเดียวกัน เพราะจะกลายเป็นเรื่องว่าใครเข้าสู่วงในคนมีอำนาจได้มากกว่ากันแทนที่การพิจารณาจากความเหมาะสม
แต่เรื่องโยกย้ายก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเลือกตั้งชนะกลับมาเมื่อไหร่พรรคของทักษิณก็ย้ายพวกตัวเองกลับมาได้อีก
บางคนอาจจะเถียงว่าทำไม่ได้ เพราะจะเจอแบบกรณีของคุณถวิล เปลี่ยนศรีอีก แต่จริงๆ กรณีของคุณถวิลนั้นเพราะมีหลักฐานชัดเจนนะครับว่าเป็นการโยกย้ายเพื่อให้เครือญาติของตัวเองได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจึงมีความผิด ถ้าย้ายข้าราชการตามปกติเพื่อให้ตัวเองมีมือไม้ในการทำงานรัฐบาลก็มีอำนาจทำได้อยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมีอำนาจในการบริหารงานบุคคลภาครัฐได้ แต่ต้องไม่ก้าวก่ายหรือแทรกแซงการบรรจุ แต่งตั้ง โยกย้าย โอน เลื่อนตำแหน่ง และเลื่อนเงินเดือนของข้าราชการ เพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม ที่มิใช่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา หรือตามที่กฎหมายบัญญัติ
อีกเรื่องที่ทำให้มวลมหาประชาชนเชื่อว่า คณะรัฐประหารเป็นฝ่ายตัวเองก็คือ การเรียกคนเสื้อแดงจำนวนมากไปรายงานตัว และเรียกฝ่ายตรงข้ามของทักษิณไปรายงานตัวเพียงไม่กี่คน ทั้งๆ ที่เหตุผลอาจจะเป็นเพราะคณะรัฐประหารกลัวคนเสื้อแดงลุกขึ้นมาต่อต้าน ส่วนฝ่ายตรงข้ามกับทักษิณนั้นไม่ต่อต้านอยู่แล้ว เพราะคิดว่าคณะรัฐประหารเป็นพวกเดียวกับตัวเองนั่นแหละ
อย่างไรก็ตาม ผมขอให้ความคิดที่นิยมคณะรัฐประหารของมวลมหาประชาชนเป็นความคิดที่ “ชั่วคราว” ไม่ “ยั่งยืน” และมองเห็นว่า เป็นความจำเป็นเฉพาะหน้าที่จะเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่ไร้ทางออกเท่านั้น หวังว่าจะยินยอมให้คณะรัฐประหารเข้ามาใช้เวลาแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในระยะเวลาหนึ่งไม่สั้นไม่ยาวจนเกินไป และไม่ทิ้งปัญหาให้บ้านเมืองเหมือนคณะรัฐประหารของบิ๊กบังและรัฐบาลสุรยุทธ์
อย่าไปคาดหวังว่า อำนาจเผด็จการจะสามารถสร้างระบอบประชาธิปไตยที่ดีกว่าเก่าให้ แต่ที่เราไม่ต่อต้านการรัฐประหารเพียงเพราะเราเห็นว่ามีความจำเป็นที่ทหารจะต้องเข้าจัดการกับปัญหาบ้านเมืองที่ไร้ทางออกเท่านั้นเอง
ผมคิดว่าเราต้องศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนะครับ และผมเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตยยังคงเป็นรูปแบบการปกครองที่ดีที่สุด เพียงแต่ระบอบทักษิณได้อาศัยรัฐธรรมนูญที่เปิดช่องไว้ให้กลุ่มทุนเข้ามายึดอำนาจและสร้างระบอบเผด็จการนายทุนขึ้นมาได้ โดยใช้เงินซื้อเสียง ซื้อตัว ส.ส. และซื้อพรรคการเมือง
น่าเสียดายที่วันนี้เมื่อ คสช.เข้ามามีอำนาจแล้วไม่ได้พูดถึงพิษภัยของระบอบทักษิณ หรือทำให้ประชาชนรากหญ้าที่หลงติดกับนโยบายประชานิยมที่ระบอบทักษิณหยิบยื่นให้เข้าใจถึงผลเสียในระยะยาวมากกว่าประโยชน์เฉพาะหน้า ทำให้คนรากหญ้ารู้ทันระบอบทักษิณว่าได้โกงกินประเทศหาประโยชน์เข้าบริษัทวงศ์วานว่านเครือ และสร้างความเสียหายต่อประเทศอย่างไร
ซ้ำร้ายใครพูดถึงระบอบทักษิณก็ถูกหาว่าทำลายบรรยายกาศการปรองดอง หรือไม่ก็ถูกกองเชียร์ คสช.บอกว่าให้ใจเย็นๆ ปล่อยให้เขาทำงานไปก่อน
ผมคิดว่า สิทธิเสรีภาพของประชาชนเป็นเรื่องใหญ่ แต่เมื่อเราทุกคนพร้อมใจกันสละสิทธิเสรีภาพเพื่อให้ทหารเข้ามาจัดการปัญหาของบ้านเมืองในระยะหนึ่งแล้ว เราต้องได้รับผลลัพธ์ที่คุ้มค่า สามารถจัดการกับระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยได้ ไม่ใช่เป็นเรื่องของสมบัติผลัดกันชม
แต่ถึงวันนี้ยังไม่เห็นเลยว่า ระบอบทักษิณจะหมดสิ้นไปจากแผ่นดินไทยได้อย่างไร มองไม่เห็นเลยว่าผู้มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ในขณะนี้จะจัดการกับระบอบทักษิณที่ไม่ใช่แค่เรื่องสลายสีเสื้อทางการเมือง แต่คือการให้ “ปัญญา” กับประชาชนถึงพิษภัยของระบอบทักษิณได้อย่างไร
เมื่อเป็นเช่นนี้ผมเชื่อว่าระบอบทักษิณจะต้องกลับมาอีก แล้วประชาชนก็ต้องลุกขึ้นมาขับไล่ แล้ววัฏจักรของการรัฐประหารก็จะเวียนมาอีกไม่สิ้นสุด
บอกตรงๆ ครับไม่อยากให้การรัฐประหารครั้งนี้เป็นเหมือนการรัฐประหารของบิ๊กบังที่กลายเป็นการใส่ปุ๋ยให้ระบอบทักษิณงอกงามยิ่งขึ้นกว่าเก่า แล้ววันนี้บิ๊กบังก็กลายเป็นลิ่วล้อของทักษิณไปแล้ว