xs
xsm
sm
md
lg

การพัฒนาประชาธิปไตยต้องใช้เวลา

เผยแพร่:   โดย: ชัยอนันต์ สมุทวณิช

ในที่สุด นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ถูกคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แม้ว่ารัฐมนตรีบางส่วนจะถูกออกไป แต่ก็เป็นที่คาดหมายว่ารัฐมนตรีที่เหลือจะถูกออกไปเช่นกันจากกรณีการจำนำข้าว

ต้องถือว่านางสาวยิ่งลักษณ์ เป็นผู้สืบต่อระบอบทักษิณ ทุกคนรู้ดีว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนอมินี หรือตัวแทนหุ่นเชิดของทักษิณ และเป็นหุ่นเชิดที่ดีเพราะเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง และสืบทอดนโยบายทุกด้าน รวมทั้งเปิดโอกาสให้มีการโกงกินกันอย่างมหาศาล

นางสาวยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย แต่ความเป็นผู้หญิงก็ไม่ใช่ช่วยอะไรเธอได้แม้จะต้องชมเชยว่า เธอมีความอดทนอดกลั้นต่อคำวิพากษ์วิจารณ์ได้ดีมาก แต่บางคนบอกว่าความโง่นั่นเองที่ทำให้เธอไม่รู้สึกรู้สร่าง

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญแถลงผลการตัดสินออกมาเช่นนี้ คนกลุ่มหนึ่งที่จังหวัดอุดรธานี ก็มีการชุมนุมประท้วงไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาล แต่การชุมนุมครั้งนี้คงหวังผลให้นางสาวยิ่งลักษณ์เห็นมากกว่าอย่างอื่น เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นก็มีเหตุผล สาธารณชนต่างเห็นด้วย

เมื่อยิ่งลักษณ์ไปแล้ว กปปส.ยังจะชุมนุมอยู่หรือไม่ ผมเห็นว่าเป็นจังหวะเหมาะที่คุณสุเทพจะตัดสินใจเลิกการชุมนุม เพราะมวลชนก็เหนื่อยล้ากันมามากแล้ว

ถ้ามองความเป็นจริงแล้ว แม้ยิ่งลักษณ์จะไม่อยู่และไม่มีตระกูลชินวัตรในการเมืองไทย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระบอบทักษิณจะหมดไปจากการเมืองไทย ตราบที่ระบบการเลือกตั้งเช่นนี้ยังมีอยู่ และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนหนึ่งยังคงเลือกพรรคเพื่อไทย และน่าจะเป็นการเลือกด้วยความนิยมมากขึ้น แทนที่จะเป็นการซื้อเสียงแต่เพียงอย่างเดียว

มีผู้เสนอว่าควรห้ามไม่ให้พรรคการเมืองมีนโยบายประชานิยม ซึ่งผมเห็นว่าเป็นข้อเสนอที่แปลกและไม่ควรจะมี เพราะพรรคการเมืองต่างก็มุ่งคะแนนเสียงจากผู้เลือกตั้ง และเป็นธรรมดาที่พรรคการเมืองจำต้องมีนโยบายตามแนวทางประชาธิปไตย ประเด็นน่าจะอยู่ตรงที่ความมากน้อยสุดโต่งของนโยบายมากกว่าที่จะต้องมีการควบคุม

ปัญหาเฉพาะหน้ามีอยู่ว่า หากรัฐมนตรีอีกส่วนหนึ่งต้องออกไป และเกิดสุญญากาศทางการเมือง จะมีการนำมาตรา 7 มาใช้หรือไม่ หากมีการตราพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ก็อาจจะมีการแต่งตั้งรัฐบาลรักษาการได้ แต่ไม่น่าจะเป็นการใช้มาตรา 7 เพราะสถานการณ์ยังไม่ถึงทางตัน

ระหว่างนี้จนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า น่าจะเป็นโอกาสดีที่เราจะเร่งการปฏิรูปการเมือง เพราะมีข้อเสนอที่เป็นรูปธรรมอยู่หลายอย่าง เช่น การไม่ให้การคอร์รัปชันมีอายุความ การไม่บังคับให้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรค เป็นต้น อย่างไรก็ดี การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ก็จากจิตสำนึก และพฤติกรรมทางการเมืองของประชาชนมากกว่าอย่างอื่น ซึ่งก็เป็นไปได้ในระยะยาวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

เราหวังว่าบทเรียนจากกรณีการจำนำข้าวน่าจะทำให้ประชาชนหูตาสว่างขึ้น และไม่เชื่อถือนโยบายเช่นนี้ของรัฐบาล แต่ประชาชนก็ยังคาดหวังนโยบายที่ให้ประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลอยู่

หนทางที่จะลดความเข้มข้นของนโยบายประชานิยมได้ ก็ต้องมีการกระจายอำนาจลงไปให้ท้องถิ่นมากขึ้น การที่ประชาชนหวังพึ่งรัฐบาลมากก็เพราะมีความเคยตัวจากการที่รัฐบาลเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของคนในท้องถิ่นไว้เป็นเวลานาน ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวจากหลายจังหวัดที่ต้องการมีการจัดการตนเอง ผมเห็นว่าจังหวัดที่มีรายได้มากและชุมชนมีความตื่นตัวก็ควรได้รับการสนับสนุน อย่างเช่นจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต เป็นต้น

แต่บางคนก็เห็นว่าการให้จังหวัดจัดการตนเอง ซึ่งรวมถึงการให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วย จะเปิดโอกาสให้มีการสืบทอดอำนาจทางการเมืองของตระกูลใดตระกูลหนึ่งได้ ซึ่งผมเองไม่กลัวเรื่องนี้ เพราะหากตระกูลใดทำดี และประชาชนสนับสนุนก็ควรจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามา ผมไม่คิดว่าคนในต่างจังหวัดจะโง่หรือซื้อได้ ในทางตรงกันข้าม การอยู่ใกล้ชิดจะมีผลต่อการควบคุมพฤติกรรมของผู้นำได้ดีกว่าการแต่งตั้ง

นับวันท้องถิ่นก็จะมีความสำคัญมากขึ้นในที่สุด การเมืองก็จะแข่งขันกันในระดับท้องถิ่น พอๆ กับการแข่งขันกันในระดับชาติ พวกเราเชื่อมั่นในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย ก็ต้องมีความอดทนเพราะการพัฒนาประชาธิปไตยต้องอาศัยเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น