พบแล้วร่าง "น้องแก้ม" ที่หายตัวไปจากรถไฟสายใต้ สุดสลดถูกฆ่าข่มขืนโยนทิ้งจากขบวนในสภาพเปลือยกาย ด้านญาติพี่น้องสาปแช่งผู้ลงมือ ตำรวจคุมตัว “ไอ้โหด” แถลงข่าวที่ สภ.ปราณบุรี มวลชนตะโกนด่า-เตรียมรุมประชาทัณฑ์จนเกิดเหตุวุ่น ต้องย้ายไปแถลงที่ ตชด.145 แทน "รอง ผบ.ตร." ลั่น 7 วันสรุปคดีต้องเสร็จ ปลัด คค.สั่งตั้ง กก.สอบ ให้ ร.ฟ.ท.แจงยิบ ลั่นต้องมีคนรับผิดชอบ เล็งรื้อระบบความปลอดภัย เรียกความเชื่อมั่นรถไฟไทย องค์กรสตรีจี้ "ประภัสร์" ลาออกหลังพูดมั่ว เจ้าตัวบ้อท่า สั่งล้อมคอกท่าเดียว เกาะเก้าอี้แน่น อ้างขออยู่แก้ปัญหา คนบันเทิง-ศิลปินโพสต์ไอจีไว้อาลัย "บุ๋ม ปนัดดา" ขอเป็นแกนนำล่ารายชื่อลงโทษคนร้ายคดีฆ่าข่มขืนต้องประหารชีวิต ขณะที่ผู้ว่าฯอุดรโพสต์เฟซบุ๊กต้องประหาร ส่วน "ครูหยุย"เสนอผู้ต้องหาต้องไม่ได้รับการลดโทษ
วานนี้ (8 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น้องแก้ม หรือ ด.ญ.กชกร พิทักษ์จำนงค์ อายุ 13 ปี หายบนขบวนรถไฟตู้นอนเที่ยว 174 ตู้ 3 สุราษฎร์ธานี-กรุงเทพฯว่า ตลอดทั้งคืนวันที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างหัวหินธรรมสถาน หน่วยกู้ภัยเพชรเกษม และหน่วยกู้ภัยสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี เกือบ 100 คนได้ระดมกำลังจัดชุดเดินเท้าค้นหาร่างของน้องแก้มกันอย่างหนักตั้งแต่สถานีหัวหิน และวังก์พง อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
จนกระทั่งเวลาประมาณ 04.00 น.ของวันที่ 8 ก.ค. เจ้าหน้าที่กู้ภัยชุดที่ออกเท้าจากสถานีเขาเต่า หัวหิน มุ่งหน้าลงไต้ ห่างจากจุดตัดทางรถไฟบ่อแก้ว ประมาณ 1.5 กิโลเมตรได้พบร่างผู้เสียชีวิตเป็นหญิงสภาพเปลือยกายอยู่ริมทางรถไฟในป่าหญ้าฝั่งขาลงไป อ.ปราณบุรี บริเวณหมู่ 1 ต.วังก์พง อ.ปราณบุรี จึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบปรากฏว่า เป็นร่างของน้องแก้ม
ในขณะเดียวกันทั้งลูกพี่ลูกน้องของน้องแก้ม และพี่สะใภ้ที่ทราบข่าวได้เดินทางไปด้วยเช่นกัน ทันทีที่เห็นน้องตนเองถึงกับร้องไห้โฮด้วยความเสียใจต่อเหตุการณ์เกิดขึ้น พร้อมกล่าวว่า น้องแก้ม เพิ่งนั่งรถไฟครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ก็ต้องมาเสียชีวิตด้วยน้ำมือของลูกจ้างการรถไฟ ซึ่งเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมมาก ซึ่งการรถไฟฯ ก่อนรับคนเข้ามาทำงานควรที่จะตรวจสอบให้ดีเสียก่อน นับจากนี้ไปครอบครัวของตนคงไม่กล้านั่งรถไฟอีก เพราะไม่มีความปลอดภัย
เผยต้องระดมกำลังค้นหาทั้งคืนจนพบ
ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ก.ค.เจ้าหน้าที่นำรถยนต์รางหรือรถตรวจสภาพรางตรวจในเส้นทางเขตรับผิดชอบ ตั้งแต่สถานีวังก์พง อ.ปราณบุรี จนถึงสิ้นสุดเขตของสถานีหัวหิน พบผ้าปูที่นอนกับปลอกหมอนของการรถไฟแห่งประเทศไทยเปื้อนเลือด รวมทั้งเสื้อ และกางเกงรวม 4 ชิ้นริมทางรถไฟระหว่างสถานีเขาเต่าถึงสถานีหนองแก อ.หัวหิน ก่อนที่ในช่วงค่ำตำรวจรถไฟหัวหิน ได้ทำการค้นหาในเส้นทางตั้งแต่สถานีหนองแก สถานีเขาเต่า อ.หัวหิน และ อ.ปราณบุรี ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตรแต่ไม่พบ และได้ยุติการค้นหาเมื่อเวลา 23.00 น. คงเหลือแต่เจ้าหน้าที่กู้ภัยบางส่วนออกตามหาตลอดทั้งคืน โดยแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เดินเท้าเลียบทางรถไฟทางทิศตะวันออกและตะวันตก แต่สภาพพื้นที่เป็นป่าและมืดมาก เนื่องจากในเวลากลางคืน จนกระทั่งพบศพน้องแก้มดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วันชัย ธารณธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี พ.ต.ท.สมชาย พิณคันเงิน รอง ผกก.ป.สภ.หัวหิน พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ปราณบุรี แพทย์โรงพยาบาลปราณบุรี เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นในช่วงเช้าจึงนำร่างของน้องแก้ม ส่งโรงพยาบาลปราณบุรี และนำส่งนิติเวชกรุงเทพมหานคร
"ไอ้โหด"สารภาพข่มขืน"น้องแก้ม"จริง
อีกด้านหนึ่งมีรายงานผลการสอบสวน นายวันชัย แสงขาว อายุ 22 ปี พนักงานปูที่นอนบนรถไฟ ขบวนที่ 174 นครศรีธรรมราช-กรุงเทพฯ รับสารภาพว่าได้ข่มขืนน้องแก้มจริง เนื่องจากเสพยาบ้ามาตั้งแต่ต้นทางนครศรีธรรมราช และเสพอีกครั้งบนขบวนรถรวม 2 เม็ด ขณะเกิดเหตุกำลังนั่งกินเบียร์กับเพื่อนที่บริเวณโบกี้ที่ 4 อยู่ติดกับโบกี้ 3 ซึ่งเป็นโบกี้ที่น้องแก้มโดยสารรถนอนชั้น 2 แบบพัดลม และนอนหลับอยู่รวม 4 คน หลังจากกินเบียร์กับเพื่อนเกิดอาการเมาอย่างหนัก ขณะเดินผ่านโบกี้ 3 ที่น้องแก้มนอนพักผ่อนอยู่ ได้เกิดอารมณ์ทางเพศ จึงตรงเข้าไปทำร้ายร่างกายและข่มขืนกระทำชำเราจนสำเร็จความใคร่ โดยระหว่างก่อเหตุได้เปิดหน้าต่างเพื่อให้เสียงขบวนรถไฟกลบเสียงภายในโบกี้ ไม่ให้ผู้โดยสารคนอื่นที่หลับอยู่สงสัย
หลังจากนั้นจึงได้โยนร่างของน้องแก้ม ออกทางหน้าต่าง ขณะรถไฟวิ่งผ่านสถานีวังพงก์ ก่อนลงมือทำความสะอาด เก็บเสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว รวมถึงผ้าปูที่นอนที่เปรอะคราบเลือด โยนทิ้งออกนอกหน้าต่างในเวลาต่อมา ขณะรถไฟวิ่งผ่านสถานีหนองแก ซึ่งอยู่ก่อนถึงสถานีรถไฟหัวหิน จากนั้นได้นำโทรศัพท์มือถือไอโฟนไปขายที่ย่านถนนศรีย่าน เขตดุสิต ก่อนถูกจับกุมดังกล่าว ทั้งนี้ หลังจับกุมผู้ต้องหาได้แล้ว ตำรวจได้นำตัวไปคุมไว้ที่เซฟเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ก่อนนำตัวไปยังพื้นที่ อ.ปราณบุรี เพื่อไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ
คุมตัวไอ้โหดแถลงข่าววุ่น - ญาติแค้น
เวลาประมาณ 12.00 น.พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.และ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธเนษฐ สุนทรสุข ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ พ.ต.อ.วันชัย ธารณธรรม ผกก.สภ.ปราณบุรี พร้อมนายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัว นายวันชัย ผู้ต้องหา ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากกรุงเทพฯมายัง สภ.ปราณบุรี เพื่อแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ และนำตัวผู้ต้องหาไปชี้จุดที่เกิดเหตุ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างคุมตัวนายวันชัย มายังที่แถลงข่าว นางลักขณา ทองพัฒน์ อายุ 48 ปี มารดาของน้องแก้ม ตลอดจนญาติพี่น้อง และประชาชนจำนวนมากที่มารอดูหน้าผู้ต้องหา ซึ่งอยู่ในอารมณ์โกรธแค้นได้ตะโกนด่าทอ บางคนขึ้นไปยืนบนโต๊ะแถลงข่าว คว้าเก้าอี้เตรียมที่จะเข้ารุมประชาทัณฑ์ผู้ต้องหา ทำให้ตำรวจต้องเข้าห้ามและจัดกำลังทั้งในและนอกเข้ากันประชาชนออกไปอย่างวุ่นวาย จากนั้นตำรวจได้เชิญตัวมารดา และญาติพี่น้องของน้องแก้ม เข้าไปพูดคุยเพื่อสงบสติอารมณ์ภายในห้องพัก และเปลี่ยนแผนนำตัวผู้ต้องหาเดินทางไปแถลงข่าวยังกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 145 ปราณบุรี (ตชด.145) โดยทาง ตชด.145 และตำรวจได้กั้นประตูไม่ให้บุคคลภายนอกและญาติน้องของน้องแก้ม เข้ามาในค่าย ตชด.145 ยิ่งได้สร้างความโกรธให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น
รอง ผบ.ตร.สั่งทำสำนวนฟ้องใน 7 วัน
ต่อมา พล.ต.อ.เอก แถลงว่า หลังจากได้ควบคุมตัวนายวันชัย ไปสอบสวนจนกระทั่งยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าและข่มขืนน้องแก้มด้วยตนเอง ก่อนโยนศพทิ้งทางหน้าต่างหลังเลยสถานีรถไฟวังก์พง ซึ่งเรื่องนี้ตนได้สั่งให้ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานและสรุปสำนวนการสอบสวนเพื่อมีความเห็นสั่งฟ้องในชั้นพนักงานสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในเวลา 7 วันนับจากนี้ต่อไป เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นเรื่องสะเทือนขวัญ เป็นที่สนใจของประชาชนและสื่อมวลชน ทั้งนี้ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รักษาราชการแทน ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ตนมาควบคุมดูแล เร่งรัดคดีให้สามารถส่งสำนวนให้อัยการฟ้องต่อศาล ให้ลงโทษผู้ต้องหาให้เร็วที่สุด
ในการแถลงข่าว พล.ต.อ.เอก ไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด อีกทั้งยังระบุว่า คงไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาไปขอขมาญาติของผู้ตายแต่อย่างใด ทั้งนี้ภายหลังแถลงข่าว ไม่ได้มีการนำตัวผู้ต้องหาไปชี้ที่จุดเกิดเหตุแต่อย่างใด เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีประชาชนที่ทราบข่าวมารอดูหน้าผู้ต้องหาเป็นจำนวนมากและยังไม่กำหนดด้วยว่าจะพาผู้ต้องหาไปชี้จุดเกิดเหตุหรือไม่ รวมทั้งสถานที่ที่จะคุมตัวผู้ต้องหาไม่เป็นที่เปิดเผยต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ผลชันสูตรชี้ถูกฆ่าตายก่อนโยนศพทิ้ง
ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้นำศพน้องแก้มเข้ามาเพื่อชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดอีกครั้ง ก่อนที่จะมีบรรดาญาติของน้องแก้มมาดำเนินการติดต่อรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดทินกร อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยจะมีพิธีรดน้ำศพในเวลา 19.00 น.
พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา เปิดเผยผลการชันสูตรว่า สาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ก่อนจะถูกโยนจากรถไฟ เนื่องจากพบว่าเล็บมือเล็บเท้ามีลักษณะเขียวคล้ำจากการขาดอากาศ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าถูกบีบคอ หรือเอาหมอนอุดจมูก เนื่องจากร่องรอยที่คอไม่ชัด เนื่องจากศพแปรสภาพไปมาก นอกจากนั้นพบบาดแผลฟกช้ำตามร่างกายแขน ขาหลายจุด คาดว่าเกิดจากการต่อสู้ป้องกันตัว ไม่มีการแตกหักของกระดูก รวมทั้งกะโหลกศีรษะไม่แตก อย่างไรก็ตามพบว่ามีร่องรอยการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางอวัยะเพศและทวารหนัก
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวอีกว่า ได้เร่งตรวจหาดีเอ็นเอของอสุจิ รวมทั้งเนื้อเยื่อตามเล็บมือเล็บเท้าของผู้ตายเพื่อนำมาเปรียบเทียบกับดีเอ็นเอของผู้ต้องหาที่ทางพนักงานสอบสวนส่งตัวมาให้ทางนิติเวชเก็บตัวอย่างและวัตถุพยานต่างๆไว้ เพื่อนำไปประกอบสำนวนการสอบสวนโดยเร็วที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 วัน
เพื่อน นร.สุดเศร้า-ร่ำไห้อาลัย
ที่โรงเรียนสตรีนนทบุรี ถ.พิบูลสงคราม ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี บรรยากาศภายในโรงเรียนอาคาร 3 ชั้น 3 ห้องเรียนของนักเรียนชั้น ม.2/5 ซึ่งเป็นห้องเรียนของน้องแก้ม ยังคงมีการเรียนการสอบปกติแต่บรรยากาศภายในห้องเรียนเพื่อนๆอยู่ในอาการซึมเศร้า เนื่องจากทราบข่าวการเสียชีวิตของน้องแก้ม เพื่อนๆบางคนหลังจากทราบข่าวน้องถึงกับร้องไห้เสียใจกับการจากไปของเพื่อน โดย นางอโนมา ขันพันธ์ ครูประจำชั้น ม.2/5 กล่าวว่าหลังจากทางโรงเรียนทราบข่าวถึงการเสียชีวิตของน้องแก้ม เด็กๆในห้องเรียนต่างเสียขวัญ ครูต้องพูดให้กำลังใจเด็กให้หายจากอาการเศร้าแล้วกลับมาตั้งใจเรียนเหมือนเดิม ส่วนน้องแก้มนั้นเป็นเด็กร่าเริง เพื่อนเยอะ และมีผลการเรียนปานกลาง เท่าที่ทราบทางบ้านไม่มีปัญหาอะไร มีการประชุมที่โรงเรียนคุณแม่จะมาตลอด อยากฝากให้เด็กๆที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเวลาแต่งตัวขอให้มิดชิดและรัดกุม อย่าไปไหนคนเดียวต้องให้อยู่ในสายตาตลอดเวลา กรณีของน้องแก้มให้ถือเป็นบทเรียน เวลาไปไหนมาไหนให้ระวังตัว
พี่สาว "น้องแก้ม" ตัดพ้อดูแลน้องไม่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ทวิตเตอร์ของ @Palm_RescueClub ที่นำข้อความของพี่สาวน้องแก้ม ที่โพสต์ข้อความตัดพ้อโทษตัวเอง และสั่งลาน้องสาวอันเป็นที่รักครั้งสุดท้าย ระบุว่า "แก้มพี่ขอโทษที่ดูแลไม่ได้เลย พี่เป็นพี่ที่แย่มาก พี่ขอโทษจริงๆ พวกพี่จะจัดการกับคนที่ทำแก้มให้ถึงที่สุด พี่สัญญาแก้ม แก้มไปอยู่กับพ่อนะ แก้มไม่มีกรรมแล้ว พี่รักแก้มมาก รักมากที่สุด แก้มจะอยู่กับพี่และทุกคนตลอดไปนะ รักน้องสาวคนนี้ที่สุดในโลก" ส่งผลทำให้นักท่องเน็ตที่ได้ดูต่างสลดเสียใจกับเหตุการณ์ครั้งนี้มาก พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่อยากให้มนุษย์แบบนี้มีที่ยืนอยู่บนแผ่นดิน เนื่องจากกล้าก่อเหตุทั้งที่อยู่ระหว่าง คสช.สร้างความสุขคืนให้ประชาชน รวมทั้งถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยจะมีบทลงโทษที่สาสมกับฆาตกรอาชญากรรมมากกว่าที่เป็นอยู่
”ประยุทธ์”เสียใจ-สั่งหามาตรการป้องกัน
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ในฐานะทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยภายหลังการประชุม คสช.ว่าด้วยการบริหารราชการแผ่นดินครั้งที่ 5/2557 ว่า ไม่ได้มีการหยิบยกเรื่องดังกล่าวขึ้นมาพูดคุยในที่ประชุม แต่ยืนยันว่า หัวหน้า คสช.เป็นห่วงในเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทหาร ในพื้นที่รับผิดชอบ
“หน.คสช. รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งดำเนินการกับคนกระทำความผิดโดยเร็ว และให้ทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องความปลอดภัย หามาตรการมาเสริมเพื่อไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้ได้อีก” พ.อ.วินธัย ระบุ
คมนาคมสั่งให้ ร.ฟ.ท.แจงยิบ
ด้าน นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าฯ ร.ฟ.ท.ให้ดำเนินการ 3 เรื่อง และรายงานต่อที่ประชุมมาตรการอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง วันนี้ (9 ก.ค.) คือ 1.รายงานข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและการดำเนินการของ ร.ฟ.ท.เพื่อลงโทษผู้กระทำความผิดหรือผู้ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ จนทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว 2.ขอทราบมาตรการที่ดำเนินการรักษาความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารในปัจจุบันของ ร.ฟ.ท.โดยละเอียด ตลอดจนการตรวจสอบการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณสถานีรถไฟทุกแห่ง และ 3.ขอทราบมาตรการและการดำเนินงานตลอดจนการทำหน้าที่ของกองบังคับการตำรวจรถไฟในปัจจุบัน เพื่อคุ้มครองรักษาชีวิตและทรัพย์สินของผู้โดยสารบนขบวนรถไฟ
นายสร้อยทิพย์กล่าวว่า เบื้องต้น ร.ฟ.ท.จะต้องสรุปข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน ส่วนกระทรวงคมนาคมจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป ทั้งนี้ก่อนออกขบวนรถให้บริการ ร.ฟ.ท.มีมาตรการต่างๆ ในดำเนินการด้านความปลอดภัยอยู่แล้ว คือ ต้องตรวจความพร้อมตัวรถ เครื่องมือ พนักงาน เป็นต้น แต่ปัจจุบันได้ทำตามระเบียบที่มีหรือไม่ และที่สำคัญต่อจากนี้จะมีการเข้มงวดการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนขบวนรถไฟ โดยจะมีการบังคับออกกฎหมายออกมาบังคับใช้อย่างจริงจัง
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนไม่ไว้วางใจความปลอดภัยในการเดินทางโดยรถไฟ จะต้องมีผู้รับผิดชอบเพื่อเรียกความมั่นใจในการให้บริการของ ร.ฟ.ท ส่วนหนึ่งด้วย รวมถึงต้องคิดมาตรการเพิ่มเติมด้วย เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดในขบวนรถหรือไม่” ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุ
จี้ "ประภัสร์" ลาออกจากผู้ว่าฯร.ฟ.ท.
ขณะที่ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และสะสมมานานจนกลายเป็นปัญหาใหญ่แทบทุกพื้นที่ เช่น บนรถไฟ ป้ายรถเมล์ รถโดยสารประจำทาง รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะยังไม่ถูกพัฒนา อย่างกรณีนี้ ถือเป็นเหตุการณ์รุนแรงสังคมรับไม่ได้ และครอบครัวคือผู้ที่บอบช้ำที่สุด จากกระทำซึ่งมีการเตรียมการก่อนก่อเหตุ โดยมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นตัวกระตุ้น ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของ ร.ฟ.ท. ผู้โดยสารทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิดความระแวงห่วงเรื่องความปลอดภัยอย่างแน่นอน
“ท่าทีล่าสุดของนายประภัสร์ไม่เป็นที่น่าพอใจ เพราะชี้แจงว่าผู้ก่อเหตุจะไม่ใช่พนักงานของการรถไฟโดยตรง แต่ก็เป็นบริษัทเอกชนที่การรถไฟฯจ้างมา ดังนั้นผู้ว่าฯร.ฟ.ท.ควรแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก และผู้ที่จะเข้ามาดูแลบริหารจัดการแทน ควรคัดเลือกคุณสมบัติพนักงานและเข้มงวดอบรมพนักงานให้มีทัศนคติหญิงชายในมิติที่ดี ที่สำคัญควรมีการปฏิรูประบบปัญหาสังคมที่มีผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นปัญหาที่เรื้อรังมานาน” นายจะเด็จ กล่าว
"ประภัสร์” สุดมั่วโบ้ยไม่ใช่ พนง.รฟท.
ขณะเดียวกัน นายประภัสร์ ผู้ว่าฯร.ฟ.ท. กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยินดีให้การช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ตาย และขอบคุณตำรวจที่เข้ามาคลี่คลายคดีให้ได้โดยเร็ว ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยบนรถไฟจากนี้ไป ทางผู้บริหาร ร.ฟ.ท.จะมีการหารือเพื่อวางมาตรการให้มีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ยอมรับว่า รู้สึกช็อกและเสียใจต่อครอบครัวของน้องแก้ม เพราะตั้งแต่ก่อตั้งรถไฟมา 117 ปี เหตุการณ์นี้เป็นเหตุร้ายแรงสะเทือนขวัญที่สุด เพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดแค่กรณีการทำอนาจารบนรถ จนทำให้มีการเปิดโครงการโบกี้สำหรับผู้หญิง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายประภัสร์ ยังได้ระบุด้วยว่า จากการตรวจสอบประวัติพนักงานที่ก่อเหตุ พบติดยาเสพติด เพราะตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง และเป็นพนักงานบริษัทที่รับสัมปทานดูแลความสะอาด ไม่ใช่พนักงาน ร.ฟ.ท. โดยอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดของบริษัท รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นครั้งนี้ จะสามารถเอาผิดบริษัทได้อย่างไรบ้าง ในส่วนของพนักงานคนนี้สั่งไล่ออกทันที แต่จะขยายผลถึงบริษัทด้วยว่าเอาผิดอย่างไรเพิ่มเติม
ขณะที่รายงานข่าวแจ้งว่า นายวันชัย ผู้ก่อเหตุเพิ่งได้รับบรรจุเป็นลูกจ้างประจำเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้เป็นลูกจ้างชั่วคราวสัญญาจ้างเดือนต่อเดือนมาเป็นเวลา 4-5 เดือน โดยข่าวก่อนหน้านี้กระแสข่าวสับสนว่า เป็นพนักงานบริษัทที่รับสัมปทาน เนื่องจากกรณีนี้มีผู้ต้องสงสัยรวม 5 คน เป็นลูกจ้างประจำของ ร.ฟ.ท. 3 คน พนักงานห้ามล้อ 1 คนและพนักงานที่รับสัมปทานอีก 1 คน
ผู้ว่าฯร.ฟ.ท.ด้านไม่ออก-ขออยู่แก้ปัญหา
นายประภัสร์ ยังได้กล่าวถึงกระแสเรียกร้องให้ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบว่า หากลาออกแล้วจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ และอาจถูกมองว่าหนีปัญหา ดังนั้นจะขออยู่เพื่อแก้ไขปัญหาหลังจากนี้ เพื่อจะได้มีคนสั่งการ และหามาตรการป้องกัน โดยเฉพาะการเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา แต่ลำดับแรกจะต้องดูและเรื่องความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เป็นเด็ก และผู้หญิง
“ขณะเดียวกันได้ให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาจัดทำร่างเพื่อออกประกาศห้ามจำหน่ายสุราบนตู้โดยสารของรถไฟ และผู้โดยสารหากพกพามาเองก็ห้ามนำมาดื่มบนขบวนรถด้วย จะเร่งออกประกาศให้มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุดเพราะเป็นอำนาจ ร.ฟ.ท.เอง” นายประภัสร์ ระบุ
นายประภัสร์ กล่าวอีกว่า สำหรับประกาศห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมทั้งห้ามผู้โดยสารดื่มแอลกอฮอล์ระหว่างการเดินทางบนรถไฟทุกขบวนด้วย โดยผู้โดยสารสามารถนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ติดตัวมาได้ แต่หากเจ้าหน้าที่พบว่ามีการดื่ม จะเชิญลงจากขบวนรถทันที เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้โดยสารที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ จะเร่งตรวจสอบประวัติพนักงาน และลูกจ้างทั้งหมด รวมทั้งทบทวนกระบวนการคัดเลือกลูกจ้างชั่วคราว มาเป็นลูกจ้างประจำ ว่ามีช่องโหว่ในจุดใด โดย ร.ฟ.ท.จะเพิ่มความเข้มงวดด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย ด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ตรวจหาแอลกอฮอล์ในตัวของผู้ให้บริการบริเวณสถานีหลัก และสุ่มตรวจระหว่างการเดินทาง รวมทั้งเพิ่มเจ้าหน้าที่ตรวจตราบนขบวนรถระหว่างการเดินทางให้มากขึ้น เพราะที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอ
ยกโพลล์หนุนห้ามขาย-ดื่มสุราบนรถไฟ
ด้าน นายธีระ วัชรปราณี ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนระบบความปลอดภัยบนรถไฟที่ยังหละหลวม ที่ผ่านมาเครือข่ายฯเคยเสนอต่อกระทรวงสาธารณสุข ให้ยกร่างกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟ รวมถึงตู้เสบียงเพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ทะเลาะวิวาท คุกคามทางเพศ แม้ปัจจุบันจะมีประกาศของการรถไฟฯแต่ยังไม่ครอบคลุมแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ได้
นายธีระ กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลที่เครือข่ายฯได้ลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของผู้โดยสารรถไฟที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป ต่อปัญหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟในพื้นที่สถานีหัวลำโพง สามเสน บางเขน บางซื่อ หลักสี่ ธนบุรี ลาดกระบัง หัวหมาก ระหว่างวันที่ 3-10 ธ.ค.2556 จำนวน 1,160 ตัวอย่าง พบว่า 85.95% เห็นว่าการขายและดื่มสุราบนรถไฟเป็นปัญหาใหญ่และส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้โดยสาร และกลุ่มตัวอย่างเกือบทั้งหมด หรือ 93.53% เห็นด้วยหากมีการออกกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มสุราบนรถไฟเพราะจะช่วยให้ผู้โดยสารมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
กระหึ่มโซเชียลประหารฆ่า-ข่มขืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปรากฏว่ามีบรรดาคนดังเหล่าดาราหนุ่มสาว อาทิ เอ๋-พรทิพย์ สกิดใจ, อ้น-ศรีพรรณ ชื่นชมบูรณ์, เก้า-จิรายุ ละอองมณี, พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์, เป้ย-ปานวาด, กระแต-ศุภักษร ไชยมงคล และน้องเมญ่า-นนธวรรณ ทองเหล็ง มิสไทยแลนด์เวิลด์ 2014 เข้าโพสต์ข้อความและสัญลักษณ์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมรณรงค์ให้ คสช.ปฏิรูปกฎหมายที่เกี่ยวกับการฆ่าข่มขืนเด็กให้เพิ่มโทษเป็นประหารชีวิต เนื่องจากนับวันความรุนแรงเกิดขึ้นกับเด็ก-สตรีมากขึ้น
สำหรับสติ๊กเกอร์ข้อความที่เหล่าดาราโพสต์ จะมีหลากหลายข้อความอาทิเช่น "ขอให้คดีข่มขืนเด็กมีโทษประหาร" พร้อมระบุว่า ทนมานาน จริงๆ คดีที่ใช้ความรุนแรงกับเด็กทุกคดีควรเพิ่มโทษ เศร้าใจ” หรือ “ไหนๆ ก็จะปฏิรูปแล้ว ขอแก้กฎหมายสักข้อ ข่มขืน=ประหารชีวิต"
ด้านนักร้องสั้นเสมอหู "ใบเตย-อาร์สยาม" ได้โพสต์ข้อความสนับสนุนด้วยตัวอักษรสีแดงว่า "ข่มขืน = ประหาร" รวมทั้งหนุ่ม "แทค-ภรัณยู" ได้โพสต์สนับสนุนให้ทุกคนรณรงค์แก้กฎหมายข่มขืนต้องประหารชีวิตและให้ร่วมกันติดแฮชแท็ก "#ข่มขืนต้องประหาร" ซึ่งหลังจากข่าวนี้ได้เผยแพร่ออกไปได้มีชาวเน็ตอีกจำนวนมากร่วมกันใช้แฮชแท็กนี้เพื่อรณรงค์ให้รัฐออกมาตราการการแก้ไขปัญหานี้โดยด่วน
ขณะที่ แฟนเพจ "พวกเราต้องการเปลี่ยนกฎหมาย-คดีข่มขืนให้ลงโทษประหารชีวิตเท่านั้น" ยอดคนคลิกไลค์พุ่งขึ้นหลายหมื่นอย่างรวดเร็ว
“บุ๋ม”ลั่นถึงเวลาลงโทษประหาร!
ทางด้านดาราชื่อดัง บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี ก็ได้โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรมว่ากับเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ตนเองเห็นว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงบทลงโทษคนร้ายที่ก่อเหตุในลักษณ์นี้ โดยให้รับโทษประหารชีวิตไปเลย พร้อมกับขอเป็นแกนนำในการล่ารายชื่อจำนวน 1 แสนชื่อ ซึ่งถ้าใครเห็นด้วยก็ให้ส่งไปถึงเจ้าตัวได้เลย
“ช่วยส่งต่อกันหน่อยนะคะ ถึงเวลาที่ต้องลงมือทำจริง ในเว็บได้กระแสแต่ไม่มีผลทางกฎหมาย! ต้องเป็นเอกสารตัวจริงค่ะ! ข่มขืนต้องประหาร ส่วนเยาวชน จำคุกตลอดชีวิต! (เดี๋ยวลดหย่อน ก็เบาอีก) เราต้องการอนาคตของชาติที่รุมข่มขืนอย่างนั้นหรือ? เราต้องพูดจริงทำจริงกันแล้วค่ะ!”
ขณะที่ในเฟซบุคส่วนตัวของ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้มีการแชร์ข่าวจากสื่อ พร้อมแสดงความเห็นว่า "...ควรใช้บทที่กำหนดโทษไว้สูงสุด และเมื่อรับสารภาพแล้วให้ยุติการสอบสวนเพื่อความรวดเร็วในการพิพากษา ประหารชีวิตสถานเดียวครับ..." ซึ่งความเห็นของนายเสนีย์ ดังกล่าวมีบรรดาเพื่อนๆ หลากหลายอาชีพต่างสนับสนุนและเห็นด้วย
'ครูหยุย'เสนอผู้ต้องหาต้องไม่ได้รับการลดโทษ
ทางด้าน นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ เลขาธิการมูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก กล่าวว่า ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศเด็กในปัจจุบันมีแนวโน้มมากขึ้น ดังนั้นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มแข็ง ซึ่งกฎหมายในเรื่องดังกล่าวก็มีการลงโทษที่ร้ายแรงอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อผู้ต้องหาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต เมื่อกาลเวลาผ่านไปก็ได้รับการลดโทษในโอกาสสำคัญ ดังนั้นควรจะแก้ไขเพิ่มหลักเกณฑ์ในคดีข่มขืนหรือคดีอุกฉกรรจ์ว่าผู้ต้องหาจะต้องไม่ได้รับลดโทษ ส่วนการประหารชีวิตจะต้องดูหลักกฎหมายและส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย
นายวัลลภ กล่าวอีกว่า คดีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว และได้มีมาตรการป้องกันไว้ แต่ก็เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก หากเป็นต่างประเทศผู้รับผิดชอบจะต้องลาออกไปแล้ว เพราะการเดินทางด้วยรถไฟถือเป็นคมนาคมที่ปลอดภัยที่สุด จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รถไฟคอยตรวจตราดูแล จะมาอ้างเหตุผลอื่นไม่ได้