xs
xsm
sm
md
lg

"ไอ้หื่น" ฆ่าข่มขืน เดนมนุษย์พวกนี้..ถึงเวลาต้องเด็ดขาด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


กรณี "น้องแก้ม" เหยื่อเดนมนุษย์ฆ่าข่มขืน นอกจากเสียงก่นด่าฆาตกร ยังกระตุกอารมณ์ ชวนให้เกิดการ "คอมเมนต์" สังคมขึ้นอีกครั้ง ล่าสุดดารา คนดังช่วยรณรงค์โพสต์ภาพ-ข้อความ "ข่มขืน = ประหารชีวิต" อีกทั้งยังมีการใช้แฮชแทก #ข่มขืนต้องประหารชีวิต เกลื่อนโซเชียลฯ ทั้งยังจุดกระแสบนเพจเฟซบุ๊กต่างๆ เพิ่มโทษคดีข่มขืน เช่น เฉือนเจ้าโลกไปจนถึงสั่งฆ่าประหารชีวิต พร้อมนัดรวมพลแต่งชุดดำเรียกร้องให้เปลี่ยนโทษ "คดีข่มขืน" เป็นประหารชีวิต เสาร์นี้ (12 ก.ค.) ที่ลานพาร์คพารากอน เวลา 11.00 น.

ดารา-ชาวเน็ต หนุนเพิ่มโทษคดีข่มขืน

สร้างความสะเทือนใจทั้งในโลกออนไลน์ และออฟไลน์ กรณี "น้องแก้ม" เหยื่อเดนมนุษย์ผู้เหี้ยมโหด จุดกระแสเพิ่มโทษคดีข่มขืนขึ้นอีกครั้ง เห็นได้จากดารา คนดัง ออกมาร่วมรณรงค์โพสต์ภาพและข้อความสนับสนุน "ข่มขืน = ประหารชีวิต" พร้อมให้กำลังใจครอบครัวน้องแก้ม และร่วมส่งดวงวิญญาณน้องไปสู่สุคติ

ไม่ว่าจะเป็น แทค ภรัณยู, แหม่ม คัทลียา, ตุ๊กกี้ สุดารัตน์, โจ๊ก โซคูล, เจ็ท ณัฐพงศ์, พลอย เฌอมาลย์, เก้า จิรายุ, เอ๋ พรทิพย์, อ้น ศรีพรรณ, เป้ย ปานวาด, กระแต ศุภักษร, น้ำชา ชีรณัฐ, นุ๊ก สุทธิดา, ขนมจีน กุลมาศ, ใบเตย อาร์สยาม แม้กระทั่งมิสไทยแลนด์เวิลด์คนล่าสุดอย่าง เมญ่า นนธวรรณ ทองเหล็ง ก็ขอร่วมด้วย

นอกจากนั้นยังมีชาวเน็ตจำนวนมาก รณรงค์โดยใช้แฮชแทก #ข่มขืนต้องประหารชีวิต เกลื่อนโซเชียลฯ หวังกระตุกเตือนผู้ที่เกี่ยวข้องจริงจัง และแสดงความเด็ดขาดต่อปัญหานี้ด้วย

ส่วนกระแสในเฟซบุ๊กแฟนเพจอย่าง "พวกเราต้องการเปลี่ยนกฎหมาย คดีข่มขืนให้ประหารชีวิตเท่านั้น" ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรณรงค์ให้คดีฆ่าข่มขืนต้องมีโทษประหารชีวิต ล่าสุด ทางเพจได้โพสต์นัดรวมตัวแต่งชุดดำ เพื่อเรียกร้องให้เปลี่ยนโทษ "คดีข่มขืน" เป็นประหารชีวิต ในวันเสาร์ที่ 12 ก.ค. ณ ลานพาร์คพารากอน เวลา 11.00 น.

"มารวมตัวกันเป็นพลังเสียง ร่วมเปลี่ยนกฎหมายคดีโทษข่มขืนกันเถอะค่ะ อย่าให้มีเหยื่อสังเวยความกามมากกว่านี้ ทุกกระบอกเสียงสำคัญ ร่วมกันแชร์รวมตัวกันค่ะ ตัวแอดมินเองไม่มีความรู้ด้านกฎหมายมากนัก แต่อยากให้มีอะไรมาเปลี่ยนให้มันดีขึ้น ไม่งั้นก็เกิดเหตุแบบนี้ไปเรื่อยๆ เราจะรวมตัวกันที่ ลานพาร์คพารากอน เวลา 11.00 น. อยากให้ทุกคนใส่ชุดสีดำ เพื่อไว้ทุกข์ให้แก่เหยื่อ แอดมินไม่ทราบหรอกนะคะว่าทำแบบนี้จะเปลี่ยนได้ไหมแต่คิดว่าดีกว่าเรานิ่ง ดูดายกัน ใครสนใจมาร่วมกัน"

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ ในเว็บไซต์ Change.org ยังพบว่ามีการรณรงค์หัวข้อ "เพิ่มโทษกฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหากระทำชำเราให้รุนแรงยิ่งขึ้น" เพื่อเสนอไปยังนายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนายสุชน ชาลีเครือ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากแคมเปญรณรงค์โดยผู้ใช้ชื่อว่า จ่าพิชิต ขจัดพาลชน ล่าสุดมีผู้ร่วมสนับสนุนแล้วกว่า 30,000 คน ยังขาดอีกหมื่นกว่าชื่อถึงจะครบ 50,000 ชื่อตามที่ได้ตั้งเป้าเอาไว้



ยกเคส "น้องแก้ม" ถึงเวลาต้องเด็ดขาด

ข่าวฆ่าข่มขืนอันโหดร้าย ไม่ว่าจะกรณีนี้ หรือก่อนหน้านี้ นอกจากสังคมได้ช่วยกันก่นด่าฆาตกรแล้ว ยังเป็นการทบทวนจริยธรรมในตัวเองของแต่ละคนด้วย เช่นเดียวกับกรณี "น้องแก้ม" ที่สะท้อนความโหดร้ายของสังคมขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งถือว่าร้ายแรง และชวนกระตุกอารมณ์มากข่าวหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะถือเป็นคดีรุนแรงสะเทือนขวัญที่ไม่ใช่ประชาชนทำกับประชาชน แต่เป็นพนักงานการรถไฟที่ลงมือกระทำต่อประชาชนตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในฐานะคนที่ติดตามข่าวสาร เขาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Thon Thamrongnawasawat โดยให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ในกรณีของน้องแก้ม ผมถือว่าร้ายแรงยิ่งกว่ารถไฟชนกันหรือตกราง เพราะอย่างนั้นเป็นอุบัติเหตุ หรือถ้าไม่รอบคอบก็ยังเป็นแบบไม่ตั้งใจ แต่ในกรณีนี้ พนักงานการรถไฟลงมือกระทำต่อผู้มีพระคุณ อันได้แก่ ลูกค้าผู้อุดหนุนการรถไฟ
1. การรถไฟเสียชื่ออย่างรุนแรง คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอุ่นใจเมื่อให้ลูกโดยสารการรถไฟอีกต่อไป หรือแม้แต่เราไปด้วยก็ยังไม่อุ่นใจ (น้องแก้มมากับพี่น้องนะครับ)
2. การไล่พนักงานออกอย่างเดียว คงไม่พอมั้งครับท่านผู้ว่า เรื่องนี้แสดงให้เห็นมาตรฐานของการรถไฟหลายด้านว่าตกต่ำเพียงใด
3. จะบอกว่าแค่พนักงานคนเดียว เป็นกรณีส่วนบุคคล ตามรายงานข่าวบอกว่า กินเบียร์กับเพื่อน 4 คน แล้วระหว่างงาน พนักงานกินเบียร์ได้ด้วยเหรอ? ไม่งั้นคงเห็นคุณสจ๊วตกับคุณแอร์เอาเหล้ามาซดกันบนเครื่องบินเป็นแถว
4. คนผิดต้องโดนลงโทษขั้นรุนแรงสูงสุด นั่นมันแน่อยู่แล้ว (ศาลทหารเลยครับเพ่) แต่ตอนนี้กำลังดูว่า หน่วยงานของคนผิดจะลงโทษตัวเองหรือได้รับโทษอย่างไร
กรณีนี้ถือเป็นคดีรุนแรงสะเทือนขวัญที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ เป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นหลังจากทหารเข้ามา คสช.จะลงดาบอย่างไร หรือถ้าไม่ทำอะไรเลย ก็เหมือนกับคืนความสุขเบา ๆ แต่ปล่อยให้ความทุกข์หนัก ๆ ให้อยู่กับประชาชนต่อไป
เน้นย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่คดีประชาชนทำกับประชาชน แต่เป็นคดีที่เกิดขึ้นในหน่วยงานที่รัฐกำกับดูแล โดยพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐ (จะเป็นลูกจ้างหรือเป็นอะไรก็ตามเถิด ตูขึ้นรถไฟ ตูจะไปรู้ได้ไงว่าใครเป็นใคร รู้แต่ว่านี่คือพนักงานรถไฟ)
เพราะฉะนั้น กรุณาแสดงความเด็ดขาดให้เห็นครับ"

ด้าน ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเสียใจกรณีฆ่าข่มขืนบนรถไฟในครั้งนี้ โดยยอมรับว่ามีส่วนต้องรับผิดด้วย เพราะตอนที่อยู่ไม่ได้ทำให้ดีพอ

"อ่านข่าวน้องแก้ม ด้วยความเศร้าใจและเสียใจมากๆ ครับ เป็นข่าวร้ายที่สุดในรอบหลายปีของการรถไฟและกระทรวงคมนาคม ผมเองก็รู้สึกว่ามีส่วนต้องรับผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
หัวใจของกระทรวงคมนาคมคือ การให้บริการ ที่ต้องปลอดภัย สะดวก มีประสิทธิภาพ ถ้าการบริการล้มเหลวแล้ว โครงการลงทุนก่อสร้างต่างๆก็ไร้ประโยชน์
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวน้องแก้ม ขอให้ดวงวิญญาณของน้องแก้มไปสู่สุคติครับ"



ไอ้หื่นฆ่าข่มขืน ลงโทษอย่างไรถึงจะสาสม

ลึกลงไปถึงคดีข่มขืน มีสถิติตัวเลขจากการให้บริการของศูนย์พึ่งได้ กระทรวงสาธารณสุขในปี 2556 ตอกย้ำให้เห็นว่า กรุงเทพฯ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปแล้ว เพราะครองแชมป์คดีข่มขืนมากที่สุด มีผู้หญิง และเด็กถูกกระทำกว่าจำนวน 31,866 ราย เฉลี่ยวันละ 87 ราย หรือเฉลี่ยทุก ๆ 15 นาที จะมีเด็กและผู้หญิงถูกทำร้าย 1 คน

ตัวเลขที่น่าเป็นห่วงข้างต้น นอกจากสร้างความสะเทือนใจแล้ว ยังชวนให้เกิดการ "คอมเมนต์" สังคมขึ้นด้วย ไม่แปลกที่ใครหลายคนอยากเห็นการเพิ่มโทษคดีข่มขืนให้หนักขึ้น หนึ่งในนั้นคือการแก้โทษคดีข่มขืน (ทุกกรณี) ให้ประหารชีวิตสถานเดียวโดยไม่มีการลดโทษใดๆ ทั้งสิ้น แต่ท่ามกลางเสียงสนับสนุนกลับมีเสียงคัดค้านที่แย้งขึ้นมาว่า การเพิ่มโทษประหาร อาจเป็นดาบสองคมที่ในบางกรณีฝ่ายหญิงใส่ความว่าตัวเองถูกข่มขืน หรือแท้ที่จริงเป็นการสมยอม กลายเป็นการจับแพะเกิดขึ้นได้

ดังนั้น บางกลุ่มจึงเสนอสมการออกมาว่า คดีข่มขืน = ติดคุกตลอดชีวิต หรือทำลายเจ้าโลกให้ใช้การไม่ได้ ส่วน ข่มขืนแล้วฆ่า ต้องประหารชีวิตสถานเดียว แม้จะสารภาพผิดก็ตาม

"แรงไปครับ ถ้าเขาไม่ฆ่าก็ไม่ควรถึงประหารชีวิต เขาเรียกว่ากฎหมายเกินกว่าเหตุ (ถ้าจับแพะมามันก็จะไม่ไปตายแทนกันพอดีหรอ กฎหมายนี้ช่องโหว่ใหญ่ไป) เปลี่ยนเป็นฆ่า + ข่มขืน = ประหารชีวิต ข่มขืน = จำคุกตลอดชีวิต" Wish Chaowish

"ผมขอเสนอ 2 ระดับ ระดับที่ 1. ข่มขืนแต่เหยื่อไม่ตาย โทษตัดอวัยวะเพศของโจรแล้วโยนให้ปลากิน ระดับที่ 2.ข่มขืนแล้วฆ่า โทษประหารสถานเดียว" Pakorn Raviyavong

"เอาประเภท ข่มขืนฆ่า ให้ประหารชีวิต แม้สารภาพ ดีกว่าข่มขืนทารุณ ให้ตัดอวัยวะเพศออก จึงจะสมควร ไม่ให้ตายทีเดียว แต่ให้ตายทั้งเป็นเหมือนที่มันทำกับเหยื่อ เห็นด้วยไหม?" Promjai Puntana

สอดรับกับนักแสดงวัยรุ่นสาวชื่อดัง เก้า-สุภัสรา ธนชาต เธอให้ทัศนะผ่านอินสตาแกรม @supassra_sp ในเรื่องเดียวกันนี้ว่า "ข่มขืนแล้วฆ่า ..ต้องประหารชีวิต ข่มขืนแต่ไม่ฆ่า ..ต้องอยู่อย่างทรมาน จะตัดหรือจะฉีดให้ฝ่อก็ได้ ถ้าไม่แยก ผู้กระทำผิดอาจจะเลือกฆ่าอำพรางศพ วอนพิจารณาด้วยค่ะ คดีน้องแก้มไม่ใช่กรณีเดียวที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้นการข่มขืนทำให้สภาพจิตใจคนอื่นและคนรอบข้างพ่อแม่เขาแย่ไปด้วย #ข่มขืนต้องประหาร #วอนพิจารณาด้วยค่ะ #จิตใจทำด้วยอะไรผู้ตายวอนขอชีวิตไม่สนใจ #มีความคิดเห็นยังไงบ้างคะทุกคน"

เช่นเดียวกับ โก๊ะตี๋-อารามบอย ตลกชื่อดัง ก็โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม @kootee แสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ไว้เช่นกัน

"คดีข่มขืนแล้วฆ่า ถ้าผิดจริง!!! ต่อให้สารภาพก็ต้องประหารชีวิตสถานเดียวเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง!!! ขอร้องนะครับ.. อย่าเอาคำว่าเมืองพุทธ...มาอ้างเพราะสิ่งที่ไอ้พวก "เดรัจฉาน" มันทำ มันยังไม่คิดเลยครับว่า มันอยู่เมืองพุทธ!!!" หนู!!!! อารามบอย...สนับสนุนว่า #ข่มขืนต้องประหาร"

มาฟังความเห็นในมุมนักวิชาการกันบ้าง ต่อกรณีนี้ ผศ.ดร.ศรีสมบัติ โชคประจักษ์ชัด ประธานหลักสูตรปริญญาเอก สาขาวิชาอาชญาวิทยาการบริหารงานยุติธรรมและสังคม คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เคยให้ความเห็นผ่านทีมข่าว ASTVผู้จัดการ Live ไว้อย่างน่าคิด โดยนักวิชาการท่านนี้ บอกว่า เข้าใจความรู้สึกของคนที่ติดตามข่าวคดีฆ่าข่มขืน แต่การเพิ่มโทษน่าจะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่าการประหารชีวิต

"การทำวิจัยของนักศึกษาที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะระดับปริญญาโท ปริญญาเอก ส่วนใหญ่ไม่อยากให้มีการยกเลิก ยังอยากให้คงโทษประหารเอาไว้ แต่หลังจากลองเปลี่ยนวิธีโดยให้ความรู้ก่อนที่จะถามในทันทีว่าคิดอย่างไรต่อโทษประหาร ปรากฏว่า เปอร์เซ็นต์ที่อยากจะให้คงโทษไว้ก็ต่ำลงมา ส่วนตัวมองว่า มันไม่ได้เกี่ยวกับโทษประหารหรือไม่ประหาร และเราก็ไม่ได้มองว่า คนที่คงโทษประหารเอาไว้จะเป็นคนไม่ดี หรือเห็นด้วยกับการฆ่าคน

แต่ในความคิดพวกเขา การมีโทษประหารมันโอเค แต่ที่มันไม่โอเค เพราะกระบวนการที่ลงโทษมันไม่ศักดิ์สิทธิ์จริง พูดง่ายๆ คือ กระบวนการยุติธรรมที่เป็นอยู่มันไม่สามารถบังคับใช้ได้จริง ไม่สามารถเอาคนผิดมาลงโทษได้จริง หรือคนที่ผิดจริงไม่เกรงกลัวกฎหมาย เพราะคิดว่าตัวเองรอด รอดจากกระบวนการที่ไม่เป็นธรรม หรือรอดจากการได้รับโทษประหาร เพราะมีขั้นตอนที่ช่วยเหลือได้

ดังนั้น จึงเป็นข้อมูลที่ทำให้คนส่วนใหญ่เริ่มเห็นภาพว่า มันไม่ใช่ไปแก้ตรงยกเลิกโทษหรือไม่ยกเลิกโทษ ควรจะมาดูประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะคนขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมต่างหาก ทำให้คนเราเกิดความกลัว พอคนเกิดความกลัวก็ขอให้มีโทษประหารเอาไว้" ผศ.ดร.ศรีสมบัติให้ทัศนะ ก่อนจะฝากทิ้งท้ายว่า

"ทุกวันนี้มีข้อกังขาเยอะ พอจับมาแล้วกลับไม่ใช่ผู้กระทำความผิดจริง กลายเป็นแพะที่ต้องมารับผิดแทน ดังนั้น ควรมีบทลงโทษที่เหมาะสม อาจไม่ใช่ว่า ฆ่าคนตาย แล้วต้องได้รับโทษด้วยการถูกฆ่าตาม แต่น่าจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่า อย่างประเทศเกาหลีใต้ เขาก็เปลี่ยนจากการประหารชีวิตมาใช้วิธีฉีดยาให้เจ้าโลกของนักโทษฝ่อแทน เพื่อจะได้ใช้การไม่ได้อีกต่อไป"

*** ล้อมกรอบ ***



การใช้วิธีฉีดยาที่มีฤทธิ์ทำให้อัณฑะนักโทษฝ่อ เป็นวิธีการที่ผ่านร่างกฏหมายเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2010 แล้ว แต่ยังไม่มีการดำเนินการกับอาชญากรคนใดเลย จนกระทั่งได้ดำเนินการฉีดยาดังกล่าวกับนายปาร์ค นักโทษข่มขืนต่อเนื่อง วัย 45 ปี เป็นรายแรก หลังจากที่เขาถูกตัดสินว่าข่มขืนเหยื่อ 4 ราย และพยายามข่มขืนเด็กอายุต่ำกว่า 13 ในช่วงปี ค.ศ.1984-2002

โดยยาที่ใช้ในการฉีดให้กับนักโทษนี้ จะมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของสมองในการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนจากลูกอัณฑะซึ่งจะช่วยลดความต้องการทางเพศของนักโทษ และยังทำให้อัณฑะฝ่อ สร้างอสุจิได้น้อย หรือไม่สามารถผลิตอสุจิได้เลย นอกจากนี้ ยังส่งผลให้องคชาติเกิดการแข็งตัวได้ยากมากด้วย หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง

สำหรับการใช้วิธีฉีดยาทำให้อัณฑะฝ่อแก่นักโทษนี้ จะมุ่งเป้าไปที่นักโทษที่ก่อเหตุข่มขืนเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ ซึ่งมันจะช่วยลดการก่อคดีข่มขืนเด็กและเยาวชนซ้ำสองได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว หลังจากที่ดำเนินการฉีดยาให้อัณฑะฝ่อกับนายปาร์คแล้ว ทางคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรม ก็จะพิจารณาฉีดยาดังกล่าวให้กับอาชญากรอายุต่ำกว่า 19 ปีทุกราย ที่ก่อเหตุข่มขืนเหยื่ออายุต่ำกว่า 16 ปีด้วย

อย่างไรก็ดี เกาหลีใต้ ไม่ใช่ชาติแรกที่ใช้วิธีการลงโทษด้วยการฉีดยานักโทษให้อัณฑะฝ่อ แต่บางประเทศในยุโรปก็ใช้มาตรการเดียวกันนี้จัดการกับนักโทษคดีข่มขืนมาหลายรายแล้ว
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live 



ตามมา Follow Instagram และ Facebook Fanpage
"ASTV ผู้จัดการ Live" กันได้ที่นี่!!
**สามารถส่งข่าวสารและเรื่องราวร้องทุกข์ในสังคมมาได้: astvmanager.live.lite@gmail.com
หรือ โทร.0-2629-4488 ต่อ 1477, Fax 0-2629-4754



บุ๋ม-ปนัดดา ขอแรงช่วยสนับสนุนเปลี่ยนแปลงกฎหมาย
นัดรวมพลังวันเสาร์นี้ที่สยาม


ติดอันดับเทรนด์ในทวิตเตอร์

กำลังโหลดความคิดเห็น