xs
xsm
sm
md
lg

"อีโค่"ยันขุดน้ำมันถูกต้อง จ่อฟ้อง"รัฐเขต"ให้ข่าวเท็จ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"อีโค่ โอเรียนท์ฯ" กางหลักฐานโชว์ ยันขุดเจาะผลิตน้ำมันดิบถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน พร้อมจ่ายภาษีให้รัฐรวมสูงถึง 7.3 พันล้าน สามารถพิสูจน์ได้ ยื่น คสช. ตั้งคณะทำงานเข้าตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส จ่อฟ้อง "พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส" ทั้งอาญาและแพ่ง ฐานปูดข่าวเท็จทำเสียหาย ด้าน "พ.ท.รัฐเขต" ลั่นไม่กลัว พร้อมขอศาลสั่งให้แจ้งข้อมูลปริมาณสำรองน้ำมันดิบในไทย เพื่อตอกย้ำว่าไทยมีน้ำมันดิบมหาศาล

น.ส.มนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยถึงกรณีที่ พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา ได้กล่าวหาบริษัทลักลอบดำเนินกิจการขุดเจาะ สำรวจ ผลิตน้ำมันดิบโดยผิดกฎหมายระหว่างปี 2551-2555 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันว่า บริษัทได้ทำหนังสือถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อความโปร่งใส และเตรียมจะส่งเรื่องให้สำนักงานทนายความดำเนินการฟ้องร้องคดีอาญาข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งต่อ พ.ท.รัฐเขต ภายในสัปดาห์หน้า ส่วนสื่อต่างๆ ที่นำเสนออาจได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว จึงจะชี้แจง แต่ยังไม่คิดจะฟ้องร้องในขณะนี้

ทั้งนี้ บริษัทยืนยันใน 3 ประเด็นที่ถูกกล่าวหา คือ การลักลอบขุดเจาะและผลิต ไม่เป็นความจริง เพราะได้ทำตามขั้นตอนกฎหมายของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานตามที่ได้รับสัมปทานปิโตรเลียม เลขที่ 3/2546/60 แปลงสำรวจบนบกหมายเลข L44/43 และสัมปทานเลขที่ 5/2546/62 แปลงสำรวจปิโตรเลียมบนบกหมายเลข L33/43 ตั้งแต่ปี 2546 โดยมีพื้นที่สำรวจและผลิตปิโตรเลียมครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอวิเชียรบุรี และอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ และได้รับการอนุญาตกำหนดให้เป็นพื้นที่ผลิตจากกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน ในปี 2552

ส่วนกรณีที่ระบุว่า มีการผลิตน้ำมันดิบในพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น ที่ผ่านมา เป็นการผลิตโดยเปิดเผยจริง มีการทำหนังสือยืนยัน ขอความยินยอมให้เข้าใช้ที่ดินจากสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จังหวัดเพชรบูรณ์แล้ว เมื่อวันที่ 7 ม.ค.2553 และหนังสือคำขอในวันที่ 11 ก.พ.2553 ต่อมาปี 2555 ทางสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีคำสั่งให้บริษัทหยุดผลิตปิโตรเลียมบนที่ดินดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2555 ด้วยเหตุที่การให้ความยินยอมที่ผ่านมานั้นให้เฉพาะแก่การสำรวจปิโตรเลียมเท่านั้น ซึ่งบริษัทก็ได้หยุดการผลิตน้ำมันตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.2555 เป็นต้นมา และได้ยื่นขอทุเลาคำสั่ง และได้รับการผลิตในแปลง L44-V เนื่องจากไม่ได้อยู่เขต ส.ป.ก.ในขณะนี้

สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่าบริษัทหลีกเลี่ยงไม่จ่ายค่าภาคหลวงมานาน 5 ปี จนทำให้รัฐสูญเสียรายได้มหาศาลนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบันบริษัทได้เสียค่าภาคหลวงให้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติไปแล้วกว่า 1,400 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังได้จ่ายเงินผลประโยชน์ตอบแทนพิเศษให้แก่รัฐอีกกว่า 2,500 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังต้องนำเสียภาษีปิโตรเลียม ในอัตรา 50% จากกำไรสุทธิให้แก่กรมสรรพากร โดยบริษัทได้จ่ายไปแล้วกว่า 3,400 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งหากรวมผลตอบแทนทั้งหมดที่บริษัทได้จ่ายให้แก่รัฐ มีจำนวนสูงถึง 7,300 ล้านบาท

“กรณีที่ระบุว่ามีการซื้อขาย ส.ป.ก. ไม่จริง เพราะซื้อขายไม่ได้อยู่แล้ว แต่ที่เข้าไปใช้ ก็ขอหน่วยงานรัฐก่อนและจ่ายเงินชดเชยให้กับเกษตรกรแล้วเกษตรกรก็ไปทำเรื่องสละสิทธิ์ ส่วนบริษัทอีโค่ เราไปเทคโอเว่อร์กิจการมาจากแพนโอเรียนท์ ซึ่งเป็นสัญชาติแคนาดา ก็ขอโอนสัมปทานจากกรมเชื้อเพลิงมาดูแลต่อ ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่เบอร์มิวด้า”น.ส.มนสิชากล่าว

พ.ท.รัฐเขต แจ้งจำรัส ที่ปรึกษาอนุกรรมาธิการการพลังงาน วุฒิสภา กล่าวว่า ไม่ได้กลัวอะไร หากจะมีการฟ้องร้องตน เนื่องจากมั่นใจว่ามีข้อมูลที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันจะถือโอกาสดังกล่าวขออำนาจศาลให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับปริมาณสำรองน้ำมันที่พิสูจน์ทราบแล้วว่ามีไม่ต่ำกว่า 650 ล้านบาร์เรล เป็นทรัพยากรที่จะชี้ว่าไทยมีปริมาณน้ำมันดิบที่ทำให้คนไทยไม่ควรต้องใช้น้ำมันที่แพงเช่นปัจจุบัน

“เราเองก็พยายามหาที่อยู่บริษัท รายชื่อผู้บริหาร ก็มีการเปลี่ยนแปลงตลอด ก็อยากให้ชัดเจนเรื่องกำลังการผลิตของบริษัทอีโค่ด้วยว่าเท่าใดแน่ ซึ่งกรมเชื้อเพลิงระบุปี 2552 พื้นที่ผลิตจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยเฉพาะ อำเภอวิเชียรบุรี และศรีเทพมีกำลัง 1.1 หมื่นบาร์เรลต่อวัน แต่เมื่อตรวจสอบพบปี 2552 จนถึงก.พ.2557 กำลังการผลิตวันละ 1,000 บาร์เรลต่อวัน จนกระทั่งเพิ่มขึ้นอยู่ปัจจุบัน4,000บาร์เรลต่อวัน จึงต้องการรู้ว่าเพิ่มมาจากไหน ส่วนที่หายหายไปไหน”พ.ท.รัฐเขตกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น