กอ.รมน.เพชรบูรณ์-ป่าไม้-บก.ปทส. ยึดพื้นที่ฐานขุดเจาะน้ำมัน "อีโค่" 4 หลุม หลังตรวจพบอยู่ในเขตป่าตามพ.ร.บ.ป่าไม้ 2484 พร้อมแจ้งความดำเนินคดีเจาะสำรวจ-ผลิตน้ำมันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตัวแทนบริษัทยอมรับเหนือคาดหมาย ยันเคยถาม 8 หน่วยงานแล้ว ได้คำตอบที่ดินไม่อยู่ในความรับผิดชอบ จึงอาศัยพ.ร.บ.ปิโตรเลียม ทำการขุดเจาะ ยันพร้อมขออนุญาตให้ถูกต้อง
จากกรณีน.ส.มนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แถลงว่าบริษัทขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เฉพาะแปลง L44-V เนื่องจากไม่ได้อยู่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส่วนแปลงอื่นได้หยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 เนื่องจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)จังหวัดเพชรบูรณ์ มีคำสั่งให้บริษัทหยุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 นั้น
วานนี้(26 มิ.ย.) คณะเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บก.ปทส.บช.ก.) เข้าตรวจยึดพื้นที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบแปลง L44-V/D1 , D2 , D3 , D4 รวม 4 หลุมเจาะ เนื้อที่ 7 ไร่ 58 ตารางวา ของบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด หมู่ 4 บ้านหนองบัวขาว ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หลังตรวจสอบพบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และยังไม่ขออนุญาตใช้พื้นที่
จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจยึด มอบให้นายฉัตรชัย นราวัฒน์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่พช.7 (น้ำร้อน) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ฐานกระทำผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยตั้งฐานขุดเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวนสภ.วิเชียรบุรี
ต่อมานายนาวิน พรรณธรรม ผู้จัดการฝ่ายบริหารและมวลชนสัมพันธ์ และน.ส.กรองกมล สันตจิตร เจ้าหน้าที่กฎหมายที่ดินบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด ได้เข้ายื่นเอกสารแสดงทรัพย์สินของบริษัทกับพนักงานสอบสวน จากนั้นชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ จึงอาศัยพ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่บริษัทได้รับสัมปทานแล้วดำเนินการ
อย่างไรก็ตามเมื่อรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ก็ยินดีจะทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง และเพื่อป้องกันความเสียหาย จึงหยุดการเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบในหลุมเจาะ L44-V ทั้ง 4 หลุมเจาะไว้ก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในข้อกฎหมาย
จากกรณีน.ส.มนสิชา การุณยฐิติ ผู้จัดการฝ่ายบริหารและรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท อีโค่ โอเรียนท์ รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด แถลงว่าบริษัทขุดเจาะ สำรวจและผลิตปิโตรเลียม เฉพาะแปลง L44-V เนื่องจากไม่ได้อยู่เขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ส่วนแปลงอื่นได้หยุดการผลิตตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม 2555 เนื่องจากสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.)จังหวัดเพชรบูรณ์ มีคำสั่งให้บริษัทหยุดตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2555 นั้น
วานนี้(26 มิ.ย.) คณะเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)จังหวัดเพชรบูรณ์ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ และเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บก.ปทส.บช.ก.) เข้าตรวจยึดพื้นที่ฐานการผลิตน้ำมันดิบแปลง L44-V/D1 , D2 , D3 , D4 รวม 4 หลุมเจาะ เนื้อที่ 7 ไร่ 58 ตารางวา ของบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด หมู่ 4 บ้านหนองบัวขาว ต.บ่อรัง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ หลังตรวจสอบพบว่าที่ดินอยู่ในพื้นที่ป่าไม้ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 และยังไม่ขออนุญาตใช้พื้นที่
จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้ทำบันทึกการตรวจยึด มอบให้นายฉัตรชัย นราวัฒน์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่พช.7 (น้ำร้อน) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษบริษัท ฐานกระทำผิดตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยตั้งฐานขุดเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบโดยไม่ได้รับอนุญาต ต่อพนักงานสอบสวนสภ.วิเชียรบุรี
ต่อมานายนาวิน พรรณธรรม ผู้จัดการฝ่ายบริหารและมวลชนสัมพันธ์ และน.ส.กรองกมล สันตจิตร เจ้าหน้าที่กฎหมายที่ดินบริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส(ประเทศไทย )จำกัด ได้เข้ายื่นเอกสารแสดงทรัพย์สินของบริษัทกับพนักงานสอบสวน จากนั้นชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่าเป็นเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำหนังสือสอบถามไปยัง 8 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้รับคำยืนยันว่าที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบ จึงอาศัยพ.ร.บ.ปิโตรเลียม ที่บริษัทได้รับสัมปทานแล้วดำเนินการ
อย่างไรก็ตามเมื่อรับทราบว่าที่ดินแปลงนี้อยู่ในเขตพื้นที่ป่า ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ก็ยินดีจะทำเรื่องขออนุญาตให้ถูกต้อง และเพื่อป้องกันความเสียหาย จึงหยุดการเจาะสำรวจและผลิตน้ำมันดิบในหลุมเจาะ L44-V ทั้ง 4 หลุมเจาะไว้ก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในข้อกฎหมาย