อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ แถไม่มีลักลอบเจาะน้ำมันในพื้นที่ ส.ป.ก. อ้างบริษัทสัญชาติฮ่องกงอยู่นอกเขต มีสิทธิ์ทำตามสัมปทาน เสียค่าภาคหลวงตลอดร้อยละ 12-15 รับมี 5 ฐานอยู่ในพื้นที่ ส.ป.ก. สั่งระงับไปแล้วปี 54 ถ่อมตัวไทยไม่ได้มีพลังงานเยอะเหมือนตะวันออกกลาง ขู่คนให้ข่าวร้อง คสช. เอาผิดหาบิดเบือน
วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายทรงภพ พลจันท์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน กล่าวชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ลักลอบผลิตน้ำมันในพื้นที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ที่ จ.เพชรบูรณ์ ว่าไม่มีการลักลอบผลิตปิโตรเลียมของผู้รับสัมปทาน คือ บริษัท อีโค่ โอเรียน รีซอสเซส (ประเทศไทย) จำกัด สัญชาติฮ่องกงแต่อย่างใด ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีสิทธิในการดำเนินการในพื้นที่สัมปทานและได้ดำเนินการเสียค่าภาคหลวงปิโตรเลียมมาตลอด คิดเป็นร้อยละ 12-15 เป็นเงินจำนวนประมาณ 1,500 ล้านบาท ส่วนประเด็นที่มีการอ้างว่าเกิดการลักลอบผลิต 6 ฐานในพื้นที่ ส.ป.ก.นั้น จากการตรวจสอบ ส.ป.ก.รายงานว่ามีเพียง 5 ฐานที่อยู่ในเขตพื้นที่ซึ่งได้มีการสั่งระงับไปแล้วตั้งแต่ 2554 ส่วนอีก 1 ฐานจากการตรวจสอบอยู่นอกพื้นที่ ส.ป.ก.จะให้ดำเนินการได้ตามปกติ
ทั้งนี้ ยืนยันว่าประเทศไทยไม่ได้มีแหล่งพลังงานมหาศาลเท่ากับประเทศในแถบตะวันออกกลาง หรือประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศในอาเซียน ประเทศไทยต้องใช้น้ำมันประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่กำลังการผลิตน้ำมันดิบภายในประเทศของไทยอยู่ที่อัตราเฉลี่ยประมาณ 1.4 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 15 ขณะที่ต้องนำเข้าน้ำมันดิบ ถึง 8.5 แสนบาร์เรลต่อวัน ขณะเดียวกัน ขอให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำหนดบทลงโทษต่อคนที่ออกมาให้ข้อมูลที่บิดเบือนจากความเป็นจริง