ลือ “คนมีสี” บุกรุกแผ้วถางป่าสงวนแม่ต๋ำ เตรียมสร้างหอหน้า ม.พะเยา

พะเยา - เจ้าหน้าที่ปกครองเมืองพะเยา-ป่าไม้ เข้าตรวจพื้นที่ป่าสงวนแม่ต๋ำ หลังถูกกลุ่มนายทุนมีสีบุกรุก หวังสร้างหอพัก-รีสอร์ต เพราะอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยพะเยา

วันนี้ (28 เม.ย.) นายณรงค์ ถูกอย่าง หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง จ.พะเยา นายวิชาติ ใจสมิง หัวหน้าหน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ (นปม.) จังหวัดพะเยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เมือง และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เข้าตรวจพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋ำ หมู่ 2 บ้านแม่กา-ห้วยเคียน ต.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา ที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง 3 แปลง รวมกว่า 100 ไร่ อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำแม่ต๋ำไม่ถึง 500 เมตร ซึ่งอ่างเก็บน้ำดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำเดียวที่ประชาชนในตำบลนำไปใช้ในการบริโภค และการเกษตร โดยเฉพาะในฤดูแล้ง

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบต้นไม้ถูกตัดโค่นไปไม่นาน เนื่องจากรอยตัดยังสดใหม่ คาดว่ากลุ่มผู้บุกรุกได้เข้ามาตัดโค่นก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาแล้วหลบหนีไป โดยทิ้งท่อนไม้ไว้ในป่าจำนวนมาก นอกจากนี้ยังพบกระท่อมอีก 2 หลังที่สร้างเอาไว้พักขณะเข้ามาบุกรุกป่า และยังพบด้วยว่ามีการสับกานต้นไม้ เจาะต้นไม้ใหญ่แล้วใส่ยาฆ่าหญ้าเข้าไปในลำต้น เพื่อให้ยืนต้นตายง่ายต่อการบุกรุกและครอบครอง

นายณรงค์ ถูกอย่าง หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมือง กล่าวว่า การผสานกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดพื้นที่ป่าครั้งนี้เนื่องจากได้มีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีการบุกรุก ซึ่งหลังจากนี้จะส่งให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ แต่ข้อมูลเชิงลึกพบว่ากลุ่มผู้บุกรุกเป็นกลุ่มนายทุนมีสี แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นสีใด สาเหตุที่บุกรุกคาดว่าน่าจะเตรียมสร้างหอพัก หรือรีสอร์ต เพราะเป็นย่านหน้ามหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพราะเป็นป่าต้นน้ำ

ด้านนายวิชาติ ใจสมิง หัวหน้าหน่วยประสานงานป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้ (นปม.) จังหวัดพะเยา กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งให้เจ้าหน้าที่นำไม้ของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมือง เพื่อประกอบคดี รวมถึงใช้เครื่องจีพีเอสตรวจสอบพิกัดว่าถูกบุกรุกไปมากน้อยเพียงใด ซึ่งจากการดูด้วยตาเปล่าประมาณ 100 ไร่

“ขณะนี้น่าเป็นห่วงป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋ำมาก เพราะถูกบุกรุกอย่างต่อเนื่องแม้เจ้าหน้าที่จะเฝ้าระวัง ประกอบกับเป็นป่าโซน E ที่หากมีการบุกรุกแผ้วถางแล้วสามารถขอออกเป็น ส.ป.ก.ได้ ตรงนี้อาจเป็นสาเหตุหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ต้องทำหนังสือไปยังสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เพื่อให้ระงับการออก ส.ป.ก. 4-01 และต้องกันพื้นที่ป่าทั้งหมดคืนไปให้กรมป่าไม้ต่อไป”