xs
xsm
sm
md
lg

ศาลปค. สูงสุดไม่รับอุทธรณ์ป.ป.ท. คดีเพิ่มค่าตอบแทนให้ตนเองมิชอบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (23 มิ.ย. ) ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ทำการศาลปกครองกลาง ว่า ศาลปกครองกลางได้อ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด คำสั่งที่ 119/2557 เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐออกกฎโดยมิชอบด้วยกฎหมาย (คำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณา) จากกรณีกลุ่มข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ท. สายงานต่างๆ ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองกลาง ตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ.2556 ในคดีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (คณะกรรมการ ป.ป.ท.) ในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ท. ว่าด้วยเงินเพิ่มสำหรับตำแหน่งพนักงาน ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. พ.ศ. 2555 โดยมิชอบด้วยกฎหมาย โดยให้สิทธิการได้รับเงินเพิ่มเฉพาะเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. รองเลขาธิการฯ ผู้อำนวยการด้านคดีและผู้อำนวยการด้านสำนักงานทั่วไปต่างๆ และนักสืบสวนสอบสวน แต่ตัดสิทธิข้าราชการอื่นประมาณครึ่งสำนักงาน ทำให้ไม่ได้รับเงินเพิ่ม ทั้งที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงาน ป.ป.ท.และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. เช่นเดียวกัน จึงเป็นการเลือกปฏิบัติและทำให้ข้าราชการตำแหน่งอื่นเดือดร้อนเสียหาย ส่วนกระทรวงการคลังเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2
ต่อมาศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งลงวันที่ 31 มกราคม 2556 ไม่รับคำฟ้องในส่วนที่ฟ้องกระทรวงการคลังไว้พิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยื่นคำให้การ ลงวันที่ 5 มีนาคม 2556 ต่อศาลปกครองชั้นต้น โดยมีคำขอท้ายคำให้การ มีคำสั่งเรียกกระทรวงการคลังกลับเข้ามาเป็นคู่กรณีในคดี และยื่นคำร้อง ลงวันที่ 11 เมษายน 2556 อุทธรณ์คัดค้านคำสั่งยกคำขอ โดยยกข้อกฎหมายอ้างว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1ไม่มีสิทธิกำหนดให้มีระเบียบดังกล่าวได้โดยอิสระ จึงต้องการให้เรียกกระทรวงการคลังที่กฎหมายบัญญัติให้เป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการออกระเบียบดังกล่าว เข้ามาเป็นคู่กรณีในฐานะผู้ถูกฟ้องคดีอีกครั้ง แต่ศาลปกครองชั้นต้นพิจารณาแล้ว เป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ต้องห้ามตามระเบียบว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง จึงมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงยื่นอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาต่อศาลปกครองสูงสุด ความว่า เนื่องจากกระทรวงการคลังเป็นผู้ให้ความเห็นชอบและเป็นผู้จ่ายเงินเพิ่มดังกล่าว ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับกระทรวงการคลังได้ กรณีการอุทธรณ์คำสั่งที่ให้เรียกกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นคู่กรณี จึงไม่ใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณา ผู้ถกฟ้องคดีที่ 1 จึงสามารถอุทธรณ์ได้
ศาลปกครองสูงสุดพิเคราะห์แล้วเห็นว่า โดยที่ข้อ 49/1 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 กำหนดว่า คำสั่งอื่นใด ซึ่งไม่ต้องห้ามอุทธรณ์ระหว่างพิจารณาตามข้อ 100 วรรคสอง ผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว ต่อศาลปกครองสูงสุดภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นนั้น และข้อ 100 วรรคสองแห่งระเบียบเดียวกัน กำหนดว่า คำสั่งระหว่างพิจารณาที่ระเบียบนี้มิได้กำหนดให้อุทธรณ์ระหว่างพิจารณาได้ ให้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว พร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดจากศาล เห็นว่า คำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่สั่งไม่รับคำขอของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ขอให้เรียกกระทรวงการคลังเข้ามาเป็น ผู้ถูกฟ้องคดี เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เนื่องจากคำสั่งดังกล่าว มิใช่คำสั่งที่ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลแต่ยังมีกระบวนพิจารณาของศาลต่อมาอีก ซึ่งจะต้องอุทธรณ์พร้อมกับการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งที่ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดจากศาลตามข้อ 100 วรรคสอง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุดว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2543 การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ดังกล่าว ว่าคำสั่งไม่รับคำอุทธรณ์ของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ทำให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปบางส่วน เฉพาะในส่วนของกระทรวงการคลัง จึงมิใช่เป็นการอุทธรณ์คำสั่งระหว่างพิจารณานั้น ฟังไม่ขึ้นที่ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 จึงชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ยังเหลือข้อหาสำคัญที่ว่า ระเบียบของคณะกรรมการ ป.ป.ท. ดังกล่าว มิชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ในกระบวนพิจารณาคดีของศาลปกครองกลาง และมีความคืบหน้าเป็นลำดับ
กำลังโหลดความคิดเห็น