วานนี้ (19มี.ค.) นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมสรุปสำนวนถอดถอน นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา กับตนออกจากตำแหน่ง ส่งให้ที่ประชุมใหญ่กรรมการป.ป.ช.พิจารณาลงมติถอดถอน ในวันนี้ (20 มี.ค.) ว่า เร็วหรือไม่ ตนไม่ทราบ แต่ตนได้ร้องขอให้มีไต่สวนพยานทั้งหมด 16 ปาก แต่ขณะนี้ คณะทำงานไต่สวนเพิ่งสอบได้เพียง 3 ปากเท่านั้นเอง ซึ่งทั้ง 16 ปาก ที่ได้ร้องขอไปนั้น เป็นพยานที่ไว้สำหรับการแก้ข้อกล่าวหา เนื่องจากผู้ยื่นคำร้องได้กล่าวหาว่า ตนได้ไปปิดกั้นสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. 57 คน ไม่ให้อภิปรายระหว่างการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นที่มาของ ส.ว. ซึ่งตนมีความจำเป็นที่ต้องแสดงให้เห็น เพื่อเป็นการแก้ไขข้อกล่าวหาดังกล่าว ว่า ตนเป็นคนอนุญาตให้คนทั้ง 57 คน ได้พูดแล้ว ซึ่งในวันนั้นก็พูดไปแล้ว 23 คน ซึ่งใน 23 คนนั้น เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 12 คน ที่ได้อภิปราย จึงได้ร้องขอต่อคณะทำงานไต่สวนของป.ป.ช. เพื่อขอให้ ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 12คน มาเป็นพยานให้ว่า จริงหรือไม่ ที่ตนได้ตัดสิทธิ์การอภิปราย ซึ่งทั้งหมดเป็นกระบวนการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา แต่ในเมื่อคณะทำงานไต่สวนของป.ป.ช.เห็นว่า พยานที่ตนได้ร้องขอ ไม่มีสำคัญ ก็ไม่เป็นไร เพราะตนมั่นใจว่า หลักฐานทั้งหมดที่ได้ชี้แจงไปแล้วมีน้ำหนักเพียงพอที่จะหลักล้างข้อกล่าวหาได้ เพราะเอกสารทั้งหมดเป็นเชาวเลข หรือบันทึกการประชุม ซึ่งไม่ว่าจะพูดอะไร จะกะแอมอย่างไร เจ้าหน้าที่ก็บันทึกไว้หมด อย่างไรก็ตาม หาก ป.ป.ช. จะมีมติออกมาอย่างไร ก็ต้องน้อมรับอยู่แล้ว ไม่มีปัญหา
วานนี้ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลาง ที่ไม่รับคำร้องที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ยื่นฟ้อง รมว.กลาโหม กับพวก รวม 2 คน กรณีขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 488/2555 ลว 8 พ.ย.55 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเป็นนายทหารสัญญาบัตร กระทำการเข้าข่ายผิดวินัย เนื่องจาก พล.อ.เสถียร เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวได้ทำการภายหลังที่ตนเองพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุเกษียณอายุ
ราชการแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเหตุที่ศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ ระบุว่า เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เพราะเป็นการฟ้องเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร ตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง ก็ได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาด้วยเหตุเดียวกัน โดย พล.อ.เสถียร ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูง สุดก็มีคำสั่งยืนยันดังกล่าว
วานนี้ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งยืนตามศาลปกครองกลาง ที่ไม่รับคำร้องที่ พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ยื่นฟ้อง รมว.กลาโหม กับพวก รวม 2 คน กรณีขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหม (เฉพาะ) ที่ 488/2555 ลว 8 พ.ย.55 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีเป็นนายทหารสัญญาบัตร กระทำการเข้าข่ายผิดวินัย เนื่องจาก พล.อ.เสถียร เห็นว่าคำสั่งดังกล่าวได้ทำการภายหลังที่ตนเองพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุเกษียณอายุ
ราชการแล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยเหตุที่ศาลปกครองสูงสุดไม่รับคำฟ้อง และให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบ ระบุว่า เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง เพราะเป็นการฟ้องเกี่ยวกับการดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร ตาม พ.ร.บ.วินัยทหาร พ.ศ. 2476 ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลาง ก็ได้มีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาด้วยเหตุเดียวกัน โดย พล.อ.เสถียร ก็ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูง สุดก็มีคำสั่งยืนยันดังกล่าว
