ASTVผู้จัดการรายวัน - “คอลลิเออร์ส” คาดอสังหาฯทั้งปี 57 โตติดลบ 30% แม้แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังกระเตื้องจากแรงผลักของ คสช. ผ่าน 10 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังต้องลุ้นกำลังซื้อบ้านฟื้นจริงหรือไม่ หากยอดขายดีเชื่อผู้ประกอบการพร้อมลุยเปิดโครงการใหม่ เผยคอนโดฯกทม. 6 เดือนเปิดใหม่ 23,000 ยูนิต อัตราการขาย 40-50% ส่งผลสต๊อกพุ่งกว่า 5 หมื่นยูนิต
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 57 เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตติดลบ 30% แม้ว่าภาพรวมของตลาดจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังก็ตาม แต่เนื่องจากในไตรมาสแรกตลาดชะลอตัวไปมาก ส่วนไตรมาส 2 แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูสถานการณืในช่วงครึ่งปีหลังว่ากำลังซื้อจะมีมากน้อยเพียงใด หากกำลังซื้อกลับเข้าสู่ตลาดมาก เมื่อยอดขายของผู้ประกอบการดีขึ้นก็จะทำให้กล้าลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
“ตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มดีขึ้นหลัง คสช. เข้ามายุติปัญหาความชัดแย้งและเริ่มขับเคลื่อเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้าผ่านมาตรการต่างๆ แม้ว่าต่างชาติหรือคนไทยบางส่วนจะไม่เห็นด้วยเพราะไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าวิธีนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด มิเช่นนั้นแล้วก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้” นายสุรเชษฐ กล่าว
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าปี 2557 มีโครงการเปิดใหม่กว่า 50,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีโครงการเปิดขายใหม่ 23,000 ยูนิต แบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 10,119 ยูนิต อัตราการขายเพียง 30% ส่วนในช่วงไตรมาส 2 เปิดใหม่ 12,800 ยูนิต อัตราการขาย 40-50% ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีคอนโดฯสะสมในตลาดกว่า 50,000 ยูนิต
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 2557 และปี 2558 ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ในประเทศจะเป็นอย่างไร การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วนของ คสช. อาทิ จ่ายเงินจำนำข้าว ,ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน,พัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ,สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่อยู่อาศัย และเอสเอ็มอี ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และกลับมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
ทั้งนี้จะต้องจับตาดูว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคสช.จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้ามาตรการต่างๆ ออกมาเร็ว และมีผลดีต่อส่วนรวมจะทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่น และกลับมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัย ธนาคารต่างๆ จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น โครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ก็จะกลับมาเดินหน้าตามแผนงานต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวมากขึ้น ตลาดพื้นที่ค้าปลีกยังคงเป็นตลาดเดียวที่ยังสามารถขยายตัวได้อยู่แม้ว่าจะปรับลดลงมาบ้านในช่วงเศรษบกิจชะลอตัว แต่ก็ไม่ได้ปรับลดลงมากนัก โดยคาดว่าปีนี้จะมีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการมากถึง 700,000 ตารางเมตร ส่วนตลาดอาคารสำนักงานยังคงมีอัตราการเช่าที่ขยายตัวได้ 2-3% ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ
ด้านนายสัญชัย คูเอกชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่อยู่อาศัยส่วนภูมิภาค บริษัทคอลลิเออร์สฯ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ในหัวเมืองตากอากาศ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 พบว่าชะลอตัวลงอย่างมากโดยเฉพาะเขาใหญ่เนื่องจากผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทยอย่างเดียว ส่วนหัวเมืองอื่นๆ เช่นพัทยา ภูเก็น หัวหิน เชียงใหม่ปรับลดลงเช่นกัน แต่ตลาดที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3-4 ล้านบาทยังขายได้ ส่วนในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้น ในส่วนของผู้ซื้อชาวไทยที่เริ่มมีการเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศมากขึ้น โดยประเมินว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองตากอากาศ โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้งในครึ่งปีหลังเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่งและผู้พัฒนาโครงการจะกลับมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขายใหม่ๆ เพื่อเร่งยอดขาย อย่างต่อเนื่อง
นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 57 เชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตติดลบ 30% แม้ว่าภาพรวมของตลาดจะมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังก็ตาม แต่เนื่องจากในไตรมาสแรกตลาดชะลอตัวไปมาก ส่วนไตรมาส 2 แม้ว่าจะปรับตัวดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากนัก อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูสถานการณืในช่วงครึ่งปีหลังว่ากำลังซื้อจะมีมากน้อยเพียงใด หากกำลังซื้อกลับเข้าสู่ตลาดมาก เมื่อยอดขายของผู้ประกอบการดีขึ้นก็จะทำให้กล้าลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่มากขึ้นเช่นเดียวกัน
“ตลาดที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มดีขึ้นหลัง คสช. เข้ามายุติปัญหาความชัดแย้งและเริ่มขับเคลื่อเศรษฐกิจให้เดินไปข้างหน้าผ่านมาตรการต่างๆ แม้ว่าต่างชาติหรือคนไทยบางส่วนจะไม่เห็นด้วยเพราะไม่เป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย แต่เชื่อว่าวิธีนี้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นมากที่สุด มิเช่นนั้นแล้วก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งได้” นายสุรเชษฐ กล่าว
สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมในเขตกรุงเทพฯ คาดว่าปี 2557 มีโครงการเปิดใหม่กว่า 50,000 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งปีแรกมีโครงการเปิดขายใหม่ 23,000 ยูนิต แบ่งเป็นไตรมาส 1 จำนวน 10,119 ยูนิต อัตราการขายเพียง 30% ส่วนในช่วงไตรมาส 2 เปิดใหม่ 12,800 ยูนิต อัตราการขาย 40-50% ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีคอนโดฯสะสมในตลาดกว่า 50,000 ยูนิต
นายสุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังปี 2557 และปี 2558 ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์ในประเทศจะเป็นอย่างไร การกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน 10 นโยบายเร่งด่วนของ คสช. อาทิ จ่ายเงินจำนำข้าว ,ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน,พัฒนาเศรษฐกิจชายแดน ,สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำที่อยู่อาศัย และเอสเอ็มอี ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และกลับมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัย รวมถึงโครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
ทั้งนี้จะต้องจับตาดูว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคสช.จะได้ผลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้ามาตรการต่างๆ ออกมาเร็ว และมีผลดีต่อส่วนรวมจะทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่น และกลับมาจับจ่ายใช้สอย รวมทั้งซื้อที่อยู่อาศัย ธนาคารต่างๆ จะพิจารณาการปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วขึ้น โครงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ก็จะกลับมาเดินหน้าตามแผนงานต่อไป ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวมากขึ้น ตลาดพื้นที่ค้าปลีกยังคงเป็นตลาดเดียวที่ยังสามารถขยายตัวได้อยู่แม้ว่าจะปรับลดลงมาบ้านในช่วงเศรษบกิจชะลอตัว แต่ก็ไม่ได้ปรับลดลงมากนัก โดยคาดว่าปีนี้จะมีพื้นที่ค้าปลีกเปิดให้บริการมากถึง 700,000 ตารางเมตร ส่วนตลาดอาคารสำนักงานยังคงมีอัตราการเช่าที่ขยายตัวได้ 2-3% ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในประเทศ
ด้านนายสัญชัย คูเอกชัย รองผู้อำนวยการฝ่ายโครงการที่อยู่อาศัยส่วนภูมิภาค บริษัทคอลลิเออร์สฯ กล่าวว่า ตลาดอสังหาฯ ในหัวเมืองตากอากาศ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2557 พบว่าชะลอตัวลงอย่างมากโดยเฉพาะเขาใหญ่เนื่องจากผู้ซื้อหลักเป็นชาวไทยอย่างเดียว ส่วนหัวเมืองอื่นๆ เช่นพัทยา ภูเก็น หัวหิน เชียงใหม่ปรับลดลงเช่นกัน แต่ตลาดที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3-4 ล้านบาทยังขายได้ ส่วนในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณแนวโน้มที่ดีขึ้น ในส่วนของผู้ซื้อชาวไทยที่เริ่มมีการเยี่ยมชมโครงการและตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเมืองตากอากาศมากขึ้น โดยประเมินว่าตลาดที่อยู่อาศัยในเมืองตากอากาศ โดยเฉพาะผู้ซื้อชาวไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้งในครึ่งปีหลังเนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มนิ่งและผู้พัฒนาโครงการจะกลับมาจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและออกโปรโมชั่นกระตุ้นการขายใหม่ๆ เพื่อเร่งยอดขาย อย่างต่อเนื่อง
