พลัสฯ แจงผลสำรวจคอนโดฯ กทม. พบห้องชุดสร้างเสร็จ 52 โครงการ จำนวน12,657 ยูนิต ซึ่งโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ยันอัตราการเข้าพักอาศัยจริงถึง 82% ระบุ 2 ใน 3 เป็นเจ้าของอยู่อาศัยเอง ที่เหลือคือผู้พักอาศัยที่เป็นผู้เช่า ซึ่งระดับการเข้าพักอาศัยจริงนี้ เพิ่มขึ้นจากปี 56 ที่ระดับ 77% สะท้อนถึงซัปพลายถูกจำกัดให้เติบโตน้อยลง ชี้ความต้องการที่อยู่อาศัยยังต่อเนื่อง ส่งผลการอยู่อาศัยมีความหนาแน่นขึ้น
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวว่า จากการศึกษา และเก็บข้อมูลตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ เพื่อนำเสนอในรายงานเรื่อง “การเติบโตอย่างร้อนแรงของตลาดคอนโด ฟองสบู่จริงหรือ” ซึ่งต่อเนื่องจากปีที่ก่อนหน้า โดยล่าสุด ในเดือน พ.ค.57 มีการเก็บข้อมูลตลาดคอนโดฯ สร้างเสร็จในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว จำนวน 52 โครงการ รวม 12,657 ยูนิต
โดยพบว่า ในจำนวนนี้มีการโอนกรรมสิทธิ์ทั้งหมดแล้ว และรับบริหารอยู่หากทำการพิจารณาแยกย่อยไปในส่วนของการเข้าพักอาศัย พบว่า ห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์มีการเข้าพักอาศัยจริงถึง 82% (โดย 2 ใน 3 คือ เจ้าของอาศัยอยู่เอง ที่เหลือคือผู้พักอาศัยที่เป็นผู้เช่า) นอกจากนี้ จำนวนห้องชุดที่โอนกรรมสิทธิ์ที่เหลืออีก 18% ยังไม่มีผู้เข้าอาศัย ซึ่งคาดว่าเป็นห้องที่อยู่ระหว่างการตกแต่ง รอการขายต่อ หรือการเช่า
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปพิจารณาตัวเลขที่พลัสฯ สำรวจเมื่อช่วงเวลาเดียวกันของปี 2556 พบว่าอัตราของผู้เข้าพักอาศัยอยู่ที่ 77% ส่วนตัวเลข ณ พฤษภาคม 2557 ตามที่ระบุด้านบนมีอัตราการเข้าพักอาศัยเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 82% นั้น มาจากการที่เจ้าของต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง รวมถึงซื้อเพื่อปล่อยเช่าให้แก่ชาวต่างประเทศ
การสำรวจยังพบว่า ในโซนพหลโยธิน และรอบนอกอย่างแจ้งวัฒนะ ซึ่งเป็นโซนที่ใกล้สถานที่ทำงาน เช่น กระทรวงการคลัง สำนักงานต่างๆ และศูนย์ราชการ เป็นโซนที่เจ้าของอยู่อาศัยมากที่สุด ในขณะที่โซนสุขุมวิทชั้นใน (ซ.สุขุมวิท 1-71) เป็นโซนที่มีผู้เช่าอยู่อาศัยมากที่สุด โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น ที่เป็นผู้เช่าหลัก เนื่องจากตอบสนองความต้องการได้ตรงตามไลฟ์สไตล์ของครอบครัวชาวญี่ปุ่นที่อยู่อาศัยในรูปแบบของคอนโดฯ พร้อมอยู่ บนทำเลที่สะดวกสบายต่อการเดินทาง ยิ่งมีรถไฟฟ้าผ่านยิ่งได้รับการตอบรับที่ดี
“หากพิจารณาในด้านตัวเลขของการเปิดโครงการใหม่ในเขตกรุงเทพฯ ที่ลดลงจากปีก่อนๆ รวมกับตัวเลขการเข้าพักอาศัยจริงที่มีตัวเลขเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 82% ส่งผลให้เกิดอัตราการดูดซับของตลาดที่อยู่ในระดับที่ดีขึ้น สอดคล้องต่อความต้องการที่อยู่อาศัยในประเภทคอนโดฯ ที่มีอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มว่าจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น และผู้บริโภคคลายกังวลต่อปัจจัยต่างๆ แล้ว ประเมินได้ว่า ความเชื่อมั่น และกำลังซื้อของผู้บริโภคจะกลับมาดีขึ้นตามลำดับ”