ชี้ภาคอสังหาฯ เติบโตในอัตราลดลง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ “อิสระ บุญยัง” คาดยอดเปิดโครงการใหม่ไม่เกินแสนหน่วย ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 160,000 หน่วย ลดลง 10% ระบุภาคสถาบันการเงินเข้มปล่อยกู้เป็นไปตามการชะลอเปิดโครงการใหม่คาดลดลง 30% แต่เป็นเรื่องที่ดี เผยยอดขายของบริษัทกานดาฯ ไม่รับผลกระทบจากปัญหาการเมือง ระบุ มี.ค.ตลาดเริ่มฟื้นตัว ผลักดันยอดขายรวม 3 เดือนแรกทำได้ 485 ล้านบาท สูงเป้าเล็กน้อย คาดทั้งปีตามเป้า 1,500 ล้านบาท
นายอิสระ บุญยัง กรรมการผู้จัดการ บริษัท กานดาพร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ แม้ว่าสถาบันการเงินจะเข้มงวดการพิจารณาปล่อยสินเชื่อเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อยอดการรับโอนกรรมสิทธิ์ของลูกค้ามากอย่างที่หลายๆ ฝ่ายกังวล เนื่องจากการเข้มงวดของสถาบันการเงิน เป็นการดำเนินการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยให้เป็นไปในทิศทางเดียวกับนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ต้องการให้มีการตรวจสอบคุณสมบัติ และความสามารถในการผ่อนของลูกค้าเท่านั้น
“การเข้มงวดปล่อยสินเชื่อเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดโดยรวม แต่ไม่ได้หมายความว่าแบงก์จะลดวงเงินการปล่อยสินเชื่อลง เพราะจะเห็นการจัดแคมเปญ และยังพยายามเข้าถึงกลุ่มลูกค้าซื้อบ้านมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นว่าแบงก์เองยังมีการแข่งขันที่สูงเท่าๆ กับปีก่อนหน้า”
ทั้งนี้ คาดว่าในปีนี้จะมีการปล่อยสินเชื่อของแบงก์จะยังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา โดยในปีที่แล้วมีการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในระบบสูงถึง 500,000 ล้านบาท หรือมีการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยในตลาดรวมกว่า 180,000 ยูนิต ซึ่งเป็นสถิติสูงสูงในรอบ 16 ปี อย่างไรก็ตาม ในปี 57 นี้ คาดว่าจะมียอดโอนกรรมสิทธิ์ หรือยอดการปล่อยสินเชื่อลดลงจากปีก่อนหน้าประมาณ 10% หรือจะมียอดการโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งปีประมาณ 160,000 ยูนิต ซึ่งเกิดจากการชะลอการพัฒนาโครงการใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และผลกระทบจากเศรษฐกิจโดยรวม
ดังนั้น การลดลงของการโอนกรรมสิทธิ์ และมูลค่าของการปล่อยสินเชื่อในปี 57 นี้ จึงไม่ได้เกิดจากการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ หรือการที่แบงก์ต้องการลดพอร์ตสินเชื่อบ้านลงไปอย่างที่หลายคนเข้าใจ
ส่วนการลดปริมาณการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในปีนี้นั้น โดยหลักๆ แล้วเกิดจากภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับในปีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมาก ทำให้ซัปพลายในตลาดยังมีอยู่เยอะ ส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่เพื่อลดความร้อนแรงของตลาดไปด้วยในตัว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเพราะจะทำให้ความกังวงเกี่ยวกับปัญหาฟองสบู่หายไปจากตลาดด้วย
“สภาพตลาดและเศรษฐกิจที่ชะลอตัวของปีนี้ จะทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่ โดยคาดว่าในปีนี้จำนวนโครงการเปิดใหม่จะลดลงจากปีที่แล้วกว่า 30% ซึ่งปีที่แล้วมีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงถึง 130,000 ยูนิต โครงการประเภทคอนโดมิเนียมมากที่สุด คาดทั้งปีจะมีหน่วยขายใหม่ออกสู่ตลาดไม่เกิน 100,000 ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อตลาดรวม”
นายอิสระ กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินงานของกานดาฯ ในไตรมาสแรกนี้ แทบไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยทางการเมืองเลย โดยในส่วนของยอดขายช่วง 3 เดือนแรก ทำได้แล้ว 485 ล้านบาท จากเป้ายอดขายที่วางไว้ทั้งปี 1,500 ล้านบาท เมื่อเฉลี่ยยอดขายต่อไตรมาสแล้วถือว่าสูงกว่าเป้าเล็กน้อย โดยในช่วงเดือน ม.ค.ยอดขายน้อยกว่าเดือนเดียวกันของปี 56 เนื่องจากอยู่ระหว่างรอยต่อของเทศกาลปีใหม่ และการเกิดปัญหาทางการเมือง แต่ในเดือน ก.พ.และมี.ค.ยอดขายกลับฟื้นตัวดีต่อเนื่องโดยเฉพาะในเดือน มี.ค.
ส่วนในด้านของยอดการรับโอนกรรมสิทธิ์ของลูกค้านั้น วางเป้ารวม 1,400 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่รอรับรู้เป็นรายได้ของปี 56 ที่ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้ 800-900 ล้านบาท โดยในไตรมาสแรกวางเป้ายอดโอนที่ 400 ล้านบาท สูงกว่าเป้าเล็กน้อย โดยในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มียอดการโอนที่ต่ำกว่า 2 เดือนหลัง เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง โดยทำได้เพียง 120 ล้านบาท และทยอยเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ.ที่มียอดโอน 130 ล้านบาท แต่ในเดือน มี.ค.กลับมียอดโอนสูงถึง 160-170 ล้านบาท
“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองน้อยมากนั้น คาดว่าน่าจะมาจากการที่กานดาฯ มีสินค้าหลักเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งหมด โดยกว่า 70% ของพอร์ตเป็นทาวน์เฮาส์ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่วนที่เหลือ 30% เป็นบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดระดับราคา 3-8 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์การเมืองไม่เกิดความรุนแรงขึ้นเชื่อว่าในปี 57 นี้บริษัทจะมียอดขาย และรับรู้รายได้เป็นไปตามเป้าแน่นอน”
