ทิพยประกันภัยตั้งเป้าเบี้ยรับรวมโต 15% หลังปี 2556 วืดเป้าโตแค่ 12.24% แต่ยังทำกำไร1,154.63 ล้านบาท ระบุปีนี้ขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น หลังเมกะโปรเจกต์ภาครัฐเลื่อนไม่มีกำหนด
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการขยายตัวเบี้ยประกันภัยรับไว้ที่ 15% โดยยังคงยึดกลยุทธ์เน้นขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งธนาคารและสถาบันการเงิน ในการเพิ่มลูกค้ารายย่อย Bancassurance เพิ่มมากขึ้น
ส่วนผลงานในปีที่ผ่านมาขยายตัวต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยคือ ขยายตัว 12.24% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% แต่ยังสูงกว่าอัตราการขยายตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยที่อยู่ประมาณ 8-9% สืบเนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ โครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลชะลอออกไป
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานประจำปี 2556 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ว่า บริษัทฯมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,154.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.85 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 264.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.88 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 890.00 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 336.32%
ขณะที่ฐานะการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2556 มีสินทรัพย์รวม 74,450.95 ล้านบาท หนี้สินรวม 69,886.98 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 4,563.97 ล้านบาท
“ผลงานในปีที่ผ่านมาของทิพยประกันภัย ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 24,157.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2,634.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.24%” นายสมพร กล่าว
จากเบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯมีกำไรจากการรับประกันภัย 1,149.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,552.39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 385.35% เนื่องจากปี 2556 ไม่มีผลกระทบจากค่าสินไหมของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2554 ที่ บริษัทฯได้ประมาณการค่าสินไหมดังกล่าวในงบการเงิน ปี 2555 จำนวน 1,148.64 ล้านบาท
นายสมพร สืบถวิลกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าอัตราการขยายตัวเบี้ยประกันภัยรับไว้ที่ 15% โดยยังคงยึดกลยุทธ์เน้นขยายกลุ่มลูกค้ารายย่อยมากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งธนาคารและสถาบันการเงิน ในการเพิ่มลูกค้ารายย่อย Bancassurance เพิ่มมากขึ้น
ส่วนผลงานในปีที่ผ่านมาขยายตัวต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยคือ ขยายตัว 12.24% จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15% แต่ยังสูงกว่าอัตราการขยายตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยที่อยู่ประมาณ 8-9% สืบเนื่องจากหลายปัจจัย อาทิ โครงการเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลชะลอออกไป
อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานประจำปี 2556 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2556 ว่า บริษัทฯมีผลการดำเนินงานอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิรวมทั้งสิ้น 1,154.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 3.85 บาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 264.63 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.88 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 890.00 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วน 336.32%
ขณะที่ฐานะการดำเนินงานของบริษัทฯ ยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น โดย ณ สิ้นปี 2556 มีสินทรัพย์รวม 74,450.95 ล้านบาท หนี้สินรวม 69,886.98 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 4,563.97 ล้านบาท
“ผลงานในปีที่ผ่านมาของทิพยประกันภัย ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงถึง 24,157.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 2,634.74 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 12.24%” นายสมพร กล่าว
จากเบี้ยประกันภัยรับรวมที่เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯมีกำไรจากการรับประกันภัย 1,149.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1,552.39 ล้านบาท หรือคิดเป็น 385.35% เนื่องจากปี 2556 ไม่มีผลกระทบจากค่าสินไหมของมหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2554 ที่ บริษัทฯได้ประมาณการค่าสินไหมดังกล่าวในงบการเงิน ปี 2555 จำนวน 1,148.64 ล้านบาท
