ASTVผู้จัดการรายวัน – ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนหืดขึ้นคอ ทั้งปีคาดทำได้แค่ทรงตัว หลัง6-7เดือนแรกตกลง20% “ซัมซุง” รื้อแผนธุรกิจจัดทัพให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ชูพรีเมี่ยมโปรดักส์หัวหอกสร้างรายได้หลัก ใช้งบการตลาดแบบรัดกุม พร้อมปรับเป้ารายได้ใหม่หวังเติบโตมากกว่าตลาดรวม ล่าสุดชูตู้เย็น-เครื่องซักผ้าราคาแพงแตะตลาดบน หวังทำยอดขายได้ดี
นายอาณัติ จ่างตระกูล รองประธานองค์กร ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนตลอด6-7 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายตกลง 10-20% อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช เข้ามาบริหารประเทศ พบว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาณจุดขายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 20% ในช่วง1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มั่นใจว่าหลังจากเดือนมิ.ย.เป็นต้นไปยอดขายจะกลับมาทรงตัวและจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือทั้งปีมองว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจะทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมาได้
ในส่วนของซัมซุง ยอมรับว่าปีนี้ต้องมีการปรับแผนธุรกิจใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของแผนการตลาดและรายได้ โดยในแง่ของแผนการตลาดนั้น จากเดิมที่จะต้องมีการเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทีเดียวทั้งหมดพร้อมกัน ได้มีการชะลอแผนเปิดตัวในบางกลุ่มออกมาก่อน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ในภาพรวมปีนี้ยังคงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 76 รายการ ตามแผนเดิมที่วางไว้ ส่วนในแง่รายได้นั้นปีนี้ได้มีการปรับเป้าหมายลดลงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยังคงเป็นรายได้ที่ต้องเติบโตมากกว่าตลาดรวม
“แผนปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเน้น 4 เรื่องหลัก คือ 1.เป้าหมายรายได้ที่ปรับลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ 2.การลงทุนเปิดตัวสินค้าใหม่ตามสถานการณ์ 3.การทำกิจกรรมทางการตลาดภายใต้งบการตลาดที่ระมัดระวังมากขึ้น เซฟคอสให้ลดลง และ4.ช่องทางการจัดจำหน่าย ให้มีสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ซึ่งแผนการเปิดตัวสินค้าพรีเมี่ยมถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จากเดิมที่จะเปิดตัวเครื่องซักผ้าและตู้เย็น ไปพร้อมกับเครื่องปรับอากาศในช่วงที่ผ่านมา แต่เลื่อนมาเปิดตัวในช่วงเวลานี้แทน”
นายอาณัติ กล่าวต่อด้วยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก คือ 1.ผู้บริโภคจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงความต้องการในระบบการสั่งงานแบบดิจิตอล 2.มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีรูปแบบที่สวยงาม มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร มองเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ทางซัมซุงทั่วโลกจึงใช้งบราว 6-7% ของยอดขายไปกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตามแนวคิด “Creating Happier Homes” เน้นดีไซน์ และใช้งานง่าย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่
ด้านนางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวต่อว่า และหลังจากที่ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศระดับพรีเมี่ยมไปเมื่อช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา ล่าสุดทางบริษัทพร้อมนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมี่ยมอีก 2 ตัว คือ 1.ตู้เย็น ฟู้ดโชว์เคส ราคาสูงสุด 199,000 บาท และ2.เครื่องซักผ้าฝาหน้า รุ่น WW9000 ราคาสูงสุดที่ 59,990 บาท โดยหวังว่าจากเดิมยอดขายตู้เย็นในกลุ่มพรีเมี่ยมที่มีสัดส่วนการขายที่ 10-15% จะเพิ่มเป็น 20-25% ได้ ส่วนเครื่องซักผ้าจากเดิมมีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มพรีเมี่ยมอยู่ 15% จะเพิ่มเป็น 25% ได้เช่นเดียวกัน โดยทั้ง2กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ซัมซุงเป็นผู้นำในตลาดรวมอยู่แล้ว
นายอาณัติ จ่างตระกูล รองประธานองค์กร ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนตลอด6-7 เดือนที่ผ่านมา มียอดขายตกลง 10-20% อย่างต่อเนื่อง แต่หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช เข้ามาบริหารประเทศ พบว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาณจุดขายเพิ่มขึ้นกว่าเดิม 20% ในช่วง1-2 อาทิตย์ที่ผ่านมา มั่นใจว่าหลังจากเดือนมิ.ย.เป็นต้นไปยอดขายจะกลับมาทรงตัวและจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือทั้งปีมองว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนจะทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมาได้
ในส่วนของซัมซุง ยอมรับว่าปีนี้ต้องมีการปรับแผนธุรกิจใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งในแง่ของแผนการตลาดและรายได้ โดยในแง่ของแผนการตลาดนั้น จากเดิมที่จะต้องมีการเปิดตัวเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนทีเดียวทั้งหมดพร้อมกัน ได้มีการชะลอแผนเปิดตัวในบางกลุ่มออกมาก่อน ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แต่ในภาพรวมปีนี้ยังคงมีการเปิดตัวสินค้าใหม่กว่า 76 รายการ ตามแผนเดิมที่วางไว้ ส่วนในแง่รายได้นั้นปีนี้ได้มีการปรับเป้าหมายลดลงตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยเช่นกัน โดยยังคงเป็นรายได้ที่ต้องเติบโตมากกว่าตลาดรวม
“แผนปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเน้น 4 เรื่องหลัก คือ 1.เป้าหมายรายได้ที่ปรับลดลงตามสภาพเศรษฐกิจ 2.การลงทุนเปิดตัวสินค้าใหม่ตามสถานการณ์ 3.การทำกิจกรรมทางการตลาดภายใต้งบการตลาดที่ระมัดระวังมากขึ้น เซฟคอสให้ลดลง และ4.ช่องทางการจัดจำหน่าย ให้มีสินค้าคงคลังที่เหมาะสม ซึ่งแผนการเปิดตัวสินค้าพรีเมี่ยมถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ปรับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เชื่อว่าจะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้รายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ จากเดิมที่จะเปิดตัวเครื่องซักผ้าและตู้เย็น ไปพร้อมกับเครื่องปรับอากาศในช่วงที่ผ่านมา แต่เลื่อนมาเปิดตัวในช่วงเวลานี้แทน”
นายอาณัติ กล่าวต่อด้วยว่า ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคในการเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมาก คือ 1.ผู้บริโภคจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมถึงความต้องการในระบบการสั่งงานแบบดิจิตอล 2.มองหาเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านที่มีรูปแบบที่สวยงาม มีสไตล์ไม่ซ้ำใคร มองเป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน ทางซัมซุงทั่วโลกจึงใช้งบราว 6-7% ของยอดขายไปกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ตามแนวคิด “Creating Happier Homes” เน้นดีไซน์ และใช้งานง่าย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่
ด้านนางสาวเสาวณีย์ สิราริยกุล ผู้อำนวยการธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวต่อว่า และหลังจากที่ได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศระดับพรีเมี่ยมไปเมื่อช่วงไตรมาสสองที่ผ่านมา ล่าสุดทางบริษัทพร้อมนำเสนอเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านระดับพรีเมี่ยมอีก 2 ตัว คือ 1.ตู้เย็น ฟู้ดโชว์เคส ราคาสูงสุด 199,000 บาท และ2.เครื่องซักผ้าฝาหน้า รุ่น WW9000 ราคาสูงสุดที่ 59,990 บาท โดยหวังว่าจากเดิมยอดขายตู้เย็นในกลุ่มพรีเมี่ยมที่มีสัดส่วนการขายที่ 10-15% จะเพิ่มเป็น 20-25% ได้ ส่วนเครื่องซักผ้าจากเดิมมีสัดส่วนยอดขายในกลุ่มพรีเมี่ยมอยู่ 15% จะเพิ่มเป็น 25% ได้เช่นเดียวกัน โดยทั้ง2กลุ่มผลิตภัณฑ์นี้ ซัมซุงเป็นผู้นำในตลาดรวมอยู่แล้ว