ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เรียกว่าเป็น “พ่อหนุ่มเนื้อหอม” แห่งวงการโทรทัศน์ไม่แพ้ใครเลยทีเดียวสำหรับ “ภิญโญ ไตรสุริยธรรมมา” อดีตพิธีกรชื่อดังแห่งรายการตอบโจทย์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ยิ่งในยามที่ “ดิจิตอลทีวี” โผล่ขึ้นมาเป็นดอกเห็ดด้วยแล้ว ชื่อของภิญโญจึงได้รับการทาบทามให้ไปร่วมงานชนิดหัวบันไดไม่แห้งเลยทีเดียว
แรกเริ่มมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีการทาบทามของ “อากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม” แห่งค่ายแกรมมี่ แต่ในที่สุดภิญโญก็ตอบรับคำเชิญของ “ค่ายอัมรินทร์ทีวี” ซึ่งสามารถประมูลทีวีดิจิตอลมาได้สำเร็จ โดยภิญโญรับหน้าที่เป็นพิธีกรรายการที่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า AMARIN NEWSNIGHT
ทันทีที่มีคำยืนยันว่าภิญโญตัดสินใจไปร่วมงานกับค่ายอัมรินทร์ รายการนี้ก็เป็นที่จับตามองในฉับพลันทันทีว่าจะมีรูปแบบเป็นเช่นไร เพราะทุกคนยังจำได้ดีกับผลงานของภิญโญที่ฝากเอาไว้ลือลั่นที่ไทยพีบีเอสกับรายการ “ตอบโจทย์ประเทศไทย” ได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากหลังประกาศยุติรายการตอบโจทย์ประเทศไทย ภิญโญก็ไม่ให้สัมภาษณ์ ไม่รับเชิญออกรายการโทรทัศน์ ไม่จัดรายการเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม
แต่แล้วในที่สุดหลังรายการดังกล่าวออกอากาศได้แค่เพียง 1 สัปดาห์(ออกอากาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 จันทร์-ศุกร์ 18.30-20.00 น.ก่อนที่จะมีการปรับเวลาเป็น 19.00-20.00 น.)ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ภิญโญก็โพสต์ข้อความที่สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งวงการในเฟซบุ๊กของตัวเองเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2557 ที่ผ่านมา โดยประกาศขอยุติการทำหน้าที่พิธีกรรายการดังกล่าวร่วมกับอัมรินทร์ทีวีแล้ว
ที่สำคัญภิญโญยังได้อธิบายเหตุผลเอาไว้เสร็จสรรพว่า ต้นเหตุของการลาออกเป็นเพราะอะไร
“จากการรัฐประหาร ทำให้สถานการณ์ภายนอกและภายในสถานีเปลี่ยนไปเพื่อรักษาจุดยืนและหลักการแห่งวิชาชีพไว้ผมจึงขอยุติการทำรายการ AMARIN NEWSNIGHT ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“จากเวลาเตรียมการแรมเดือน แม้จะออกอากาศได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ แต่ผมและทีมงานทุกคนก็ภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์รูปแบบรายการข่าวภาคค่ำมิติใหม่ ให้ออกอากาศได้อย่างสง่างามภายใต้สถานการณ์ปฏิวัติ แม้วันนี้เมฆหมอกจะยังปกคลุมท้องฟ้า แต่ผมเชื่อมั่นว่า ทีมงานหนุ่ม-สาวทุกคนจะเป็นดาวที่สุกสกาว เมื่อถึงเวลาฟ้าเปิดจนกว่าจะพบกันใหม่”
นี่นับเป็นข่าวใหญ่ข่าวโตในวงการทีวีดิจิตอลข่าวที่สองถัดจากข่าว “เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” ที่ประกาศแยกทางกับบริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด(มหาชน) ของค่ายบางกอกโพสต์ที่มีสัญญาในการผลิตข่าวทั่วไปให้กับ “ช่องไทยทีวี” ของเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล
ข้อความดังกล่าวในเฟซบุ๊กก็ได้กลายเป็นประเด็นในการวิพากษ์วิจารณ์ทันที เนื่องเพราะภิญโญระบุชัดว่ามีที่มาจากการทำรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
และในวันเดียวกันนั้นเอง แฟนเพจ AMARIN NEWSNIGHT กับภิญโญ ไตรสุริยธรรมาก็ได้โพสต์ข้อความพร้อมวิดีโอคลิปสั้นๆโดยตั้งชื่อว่า “Till We Meet Again” พร้อมอธิบายเพิ่มอีก 6 บรรทัดว่า
แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
แต่ก็เป็นเวลาที่ล้ำค่า
นี่คือทีมข่าวที่เข้มแข็งที่สุด
ที่ผมมีโอกาสได้ร่วมงานมา
ขอทุกท่านก้าวต่อไปข้างหน้า
จนกว่าจะพบกันใหม่
ภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
10 มิถุนายน 2557
นอกจากนี้ ยังมีการเปลี่ยนภาพหน้าปกโดยใช้ชื่อว่า “Till We Meet Again” และคลิปวิดีโอสั้นๆซึ่งเป็นรูปของทีมงานของภิญโญ
แน่นอน แม้จะมิได้อธิบายลงลึกลงไปในรายละเอียด แต่ก็สามารถทำความเข้าใจว่า ทางค่ายอัมรินทร์น่าจะมีคำร้องขอบางประการและคำขอนั้นจะเป็นเรื่องอะไรไม่ได้นอกเสียจากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ คสช.จนภิญโญอึดอัดและตัดสินใจลาออกเพื่อรักษาจุดยืนและหลักการแห่งวิชาชีพดังที่เขากล่าวอ้างเอาไว้ในเฟซบุ๊ก
และผู้ที่ตกเป็นจำเลยโดยตรงก็ย่อมหนีไม่พ้น “เครืออัมรินทร์”
ด้วยเหตุดังกล่าว จึงเป็นที่มาซึ่งทำให้ “เมตตา อุทกะพันธุ์”ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) นายหญิงของค่ายได้ออกมาเปิดเผยกับทางโพสต์ทูเดย์ออนไลน์ด้วยการยืนยันว่าการเลิกจัดรายการของนายภิญโญนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) เผยว่าสาเหตุที่แท้จริงของการเลิกจัดรายการนั้นเป็นเพราะความคิดของนายภิญโญเองกับทีมผู้บริหารสถานีนั้นไม่ตรงกันต่างหาก พร้อมกับยืนยันว่าที่ผ่านมาเรื่องนี้ทางทหารเองไม่เคยเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแต่อย่างใด...
“คุณภิญโญเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ต่างคนมีจุดยืน ซึ่งไม่ตรงกัน”นายหญิงแห่งเครืออัมรินทร์ที่รับช่วงการทำธุรกิจสืบต่อจากชูเกียรติ อุทกะพันธุ์ผู้เป็นสามีอธิบายเหตุผล
คำถามที่จะต้องแสวงหาคำตอบต่อไปก็คือ จุดยืนที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายตามที่เมตตาแจกแจงเอาไว้อยู่ที่ตรงไหน
จุดยืนของภิญโญคืออะไร
จุดยืนของเครืออัมรินทร์ที่เป็นเจ้าของทีวีช่อง 34 ที่มีคำขวัญประจำช่องว่า “เติมความคิด เต็มจินตนาการ” คืออะไร
แน่นอน จุดยืนของเครืออัมรินทร์อาจไม่กระจ่างแจ้งนัก แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ก็น่าจะพอเข้าใจได้ ซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าจะแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ เท่าใดนัก เพราะประเทศไทยไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ปกติ
ขณะที่จุดยืนของภิญโญก็น่าจะเป็นที่ชัดเจนว่าเป็นเพราะอะไรตามที่เขาได้อธิบายเอาไว้ผ่านเฟซบุ๊ก
ภิญโญไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร
ภิญโญไม่อาจทำรายการตามที่เขาตั้งใจเอาไว้ และเขาต้องการให้เมฆหมอกที่ปกคลุมท้องฟ้าผ่านไป รอวันให้ฟ้าเปิดก่อนที่จะกลับมาพบกันใหม่
สำหรับรายการ AMARIN NEWSNIGHT ของภิญโญนั้น แฟนเพจรายการได้เขียนคำจำกัดความเอาไว้ว่า “มิติใหม่ของรายการข่าวภาคค่ำ ลึกถึงเนื้อใน เรื่องไทย เชื่อมโลก” พร้อมอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมด้วยว่า “ชั่วโมงครึ่งกับหนึ่งในผู้ดำเนินรายการที่แหลมคมที่สุดของประเทศไทย ชั่วโมงครึ่งกับข่าวและบทวิเคราะห์เชิงลึกที่เข้มข้นเร้าใจ ชั่วโมงครึ่งกับบทสัมภาษณ์ที่กล้าถามทุกคำถามที่คุณสงสัยชั่วโมงครึ่งที่จะเชื่อมโยงไทยไปกับบริบทโลก”
ที่น่าสนใจคือการออกอากาศของรายการนี้เกิดขึ้นภายหลังการทำรัฐประหารเพียงแค่ 1 วันคือวันที่ 23 พฤษภาคม 2557 ซึ่งภิญโญได้เขียนข้อความเอาไว้ในแฟนเพจว่า “เปิดตัวสถานีโทรทัศน์ภายใต้กฎอัยการศึกท่านห้ามเราออกอากาศได้ แต่ท่านห้ามเราทำหน้าที่สื่อสารมวลชนมิได้ Amarin Newsnight กับ ภิญโญไตรสุริยธรรมา ถ่ายทำจริง นำเสนอข่าวจริง และถูกบันทึกเข้าสู่ระบบการออกอากาศจริง นี่คือการยืนยันสิทธิเสรีภาพของสื่อมวลชนภายใต้กฎอัยการศึก นี่คืออีกหนึ่งบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ของทีมงานทุกคน แม้ท่านจะยังมิอาจรับชมรายการในเวลาจริงได้ แต่เมื่อวงล้อประวัติศาสตร์เคลื่อนไป เราจะกลับมาชมรายการเทปนี้อีกครั้งในอนาคต เมื่อสังคมไทยมีประชาธิปไตยเต็มใบ และสื่อมวลชนทำหน้าที่ได้อย่างเต็มภาคภูมิ”
นี่กระมังคือปัญหาเรื่องจุดยืนไม่ตรงกันระหว่างอัมรินทร์ทีวีกับภิญโญ
เพราะหลังจากนั้นภิญโญได้จัดทำรายการอีกหลายช่วงหลายตอนที่หมิ่นเหม่ต่อประกาศของ คสช. ซึ่งสามารถเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่ https://www.facebook.com/ANewsNight
แน่นอน ถึงตรงนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่า พ่อหนุ่มเนื้อทองภิญโญ ไตรสุริยธรรมาจะกำหนดเส้นทางชีวิตของตนเองในวงการสื่อสารมวลชนอย่างไร จะกลับไปทำมาหากินกับ open ที่ปั้นมากับมือ หรือย้ายไปอยู่กับช่องทีวีดิจิตอลอื่นอีกหรือไม่