“ติ๋ม ทีวีพูล” ไม่หวั่น “โพสต์” ถอนตัว ลั่น “สู้ตาย”
“ติ๋ม ทีวีพูล -พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย” จัดงานแถลงข่าว กรณี “บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง” ถอนตัวไม่ผลิตข่าวให้กับ ช่อง”ไทยทีวี” หลังจากร่วมงาน 2 เดือน ในงานมี “นรินทร ณ บางช้าง” ผู้อำนวยการไทยทีวี และ “ปรีชา วศะกุลพนิต” บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว เข้าร่วมพูดคุยด้วย
ผู้อำนวยการไทยทีวี “นรินทร ณ บางช้าง” พูดถึงเรื่องนี้ว่า
“ไทยทีวีกับโพสต์ แต่แรกเป็นการร่วมมือกัน พูดคุยกันว่าจะทดลองทำงานร่วมกัน ในช่วงทดลองออกอากาศตั้งแต่เมษาเป็นต้นมา ระหว่างนั้นก็ทดลองทำข่าว คิดรูปแบบรายการ หานโยบายที่จะผลิตข่าว เพื่อปรับรูปแบบให้สอดคล้องกันจนกระทั่งวันที่ 30 พฤษภาคม โพสต์ได้บอกยกเลิกการผลิตรายการให้เราโดยกะทันหัน ซึ่งจริงๆ แล้วเรากับโพสต์ยังไม่เคยเซ็นสัญญาใดๆ โพสต์ขอยกเลิกเป็นอีเมลมา เพราะว่าไม่ได้ทำสัญญา ยังไม่ได้มีการลงนาม เซ็นสัญญาไทยทีวีกับโพสต์
เราก็ได้เชิญ “พี่ออม” (ปรีชา วศะกุลพนิต) เคยทำงานกับ TNN และ ITV มาเป็นบก.สายข่าวให้ เพราะไม่อยากให้เกิดจอดำขึ้น เมื่อโพสต์ไม่อยู่แล้ว สัดส่วนของข่าว เราทำเกินไว้แล้วคือ 58.03 ถ้ารวมข่าวกับสาระจะเป็น 63.98 ถูกต้องตามกฎ กสทช. แต่ถ้าจะเอาให้ครบ 100 จริงๆ จะเริ่มวันที่ 16 ที่จะถึงนี้ ซึ่งเราผลิตเองทั้งหมด เรามีความพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์”
“ปรีชา วศะกุลพนิต” บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว พูดถึงรายละเอียด
“ส่วนใหญ่จะเป็นข่าวทั่วไป เช่น ข่าวการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ต่างประเทศ ส่วนการนำเสนออยู่ที่การคิดการสร้างสรรค์ของแต่ละสถานี ทีวีพูลอาจจะนำเสนอรูปแบบที่ไม่เหมือนกับที่เขาทำกันมา สัดส่วนและการนำเสนอก็แล้วแต่ละสถานี ในด้านเนื้อหาเราก็ไม่ต่างจากที่อื่น ระยะเวลาที่ทำงานกับโพสต์ก็ไม่นาน แค่เมษาถึงพฤษภา มันสั้นมาก ผมว่ามันสามารถปรับเปลี่ยนได้ และที่โพสต์ทำแค่ 5 ชั่วโมงครึ่งไม่ใช่ทั้งหมด ซึ่งเราก็ทำข่าวประกบกับโพสต์อยู่ เมื่อโพสต์ไป ผมไม่ได้เพิ่งมา ผมมาตั้งแต่ทำประกบกับโพสต์อยู่แล้วครับ มีการเซ็ทอัพทีมข่าวไว้แล้ว พอโพสต์ไป ความพร้อมมีอยู่แล้ว เพราะเราทำคู่ขนานกันไปอยู่แล้วครับ เรามีนักข่าวบันเทิงมากมาย โดยเบสแล้วทุกคนเป็นคนข่าว สามารถทำได้”
“ติ๋ม ทีวีพูล” พูดถึงทีวีพูลก่อนที่จะมาทำทีวีดิจิตอล
“ความเป็นทีวีพูลเราเก่งเรื่องทำละคร ข่าวบันเทิง เรามีสายสัมพันธ์ที่ดี แน่นหนา แต่เรามีไฮไลท์ มีข่าวเป็นสาระ คำว่าหมวดข่าว คือ ข่าวและสาระรวมแล้ว 50 เปอร์เซ็นต์แต่ตอนนี้เราทำเกิน 63 กว่าด้วย ตอนนี้พี่ก็ลงมาเล่นข่าวทั่วไปแล้ว เล่นบันเทิงน้อยลง มีความฝันอย่างหนึ่งคือ อยากทำหนังสือการเมือง เพราะสนใจเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจอย่างมาก
ในด้านความสัมพันธ์กับคุณสุทธิเกียรติ เจอกันก็คงพูดคุยกัน แต่ตอนนี้ยุ่งกับการทำงานข้างในเพราะเขาบอกเลิกเราไปอย่างกระทันหัน วันศุกร์เย็น วันเสาร์เราก็ไม่มีข่าวแล้ว ต้องวิ่งไปเอา”ย้อนรอยมังกร”มาช่วยชีพเรา วันจันทร์เช้าเราก็ขึ้นรายการเลยค่ะ ไม่ใช่ช่วงฮันมีมูนพีเรียดแล้ว กสทช.ให้เราสตาร์ทวันที่ 2 มิถุนายน เราก็ต้องเซ็ทกัน บอกกับออมคืนนั้น แล้วยังมีพี่”สุภาพ คลี่ขจาย”อีกคน จะมาลงช่วงเย็น 4 โมงเย็นถึง 6 โมงเย็นทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ กับสองปู ปูนวลผ่อง แล้วก็ปู โลกเบี้ยว มีหมอกฤตอีกคนมาสลับกับปู เป็นการคุยข่าววันต่อวัน คิดว่าเราได้ตลาดแมสแน่ค่ะ
คุณสุภาพตอนนี้เป็นประธานที่ปรึกษาดูแลทั้งสองช่อง มีเอ๋ นรินทร ณ บางช้าง ดูเรื่องรายการและเรียลลิตี้ มีออมปรีชาดูแลเรื่องข่าว ตื่นตอนเช้าพี่ก็ลงมาทำข่าว มี “อ.สุขุม เฉลยทรัพย์” นำทีม ตอนนี้ข่าวไม่ใช่แค่ 6 มันมี 24 ช่องแล้วต้องทำให้แตกต่าง ทำสไตล์ทีวีพูล ย่อยง่ายๆ ที่ชาวบ้านคนธรรมดาฟังแล้วเข้าใจ เหมือนเล่าให้เพื่อนเราฟังว่ารู้สึกยังไงกับประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นในรอบวัน รายการพี่ที่รับผิดชอบมี 2 ชั่วโมง ทำด้วยความมุ่งมั่น สู้ตาย มีเท่าไร เราก็ลงเต็มร้อย
เงิน 7 หมื่นล้านแบ่งไปอยู่ช่อง 3, ช่อง 7 แล้ว 80 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ช่อง 5, ช่อง 9 อีก 20 เปอร์เซ็นต์ ด้วยกฎหมาย”ฟรีทีวีอนาล็อก”จะต้องหายไป ช่อง 5 มีมีสัญญาถึงปี 60 ช่อง 3 กับ ช่อง 7 เหลืออีก 5 ปี เมื่อถึงตอนนั้น เงิน 7 หมื่นล้านจะไหลมาอยู่กับ 24 ช่อง เป้าหมายเราคือต้องเป็นหนึ่งให้ได้ ภายใน 3-5 ปีนี้จะมีผู้ที่ไปไม่ไหว ปีนี้เราอาจจะเหนื่อยเพราะอนาล็อกยังอยู่
ถ้ามีใครอยากมาทำข่าวด้วยตอนนี้ ถ้าเป็นแบบเก่าไม่เอาแล้วค่ะ เราเจ็บปวดนะ เรื่องฟ้องร้องเราไม่เคยคิด เจอกันก็ทักกัน ตอนนี้เราก็เดินหน้าลูกเดียว เราเข้มแข็ง พี่มั่นใจจากเดิม 5 ปี ตอนนี้คิดว่า 3 ปี เราจะขึ้นเบอร์หนึ่งให้ได้
ในส่วนของละครเรามีเรื่อง ”สัญญาเมื่อสายัณห์” มี”วัยฟิน” เรามั่นใจว่าเราสู้ได้ เรามีความพร้อม ละครก็ผลิตเองนะคะ จ้างผลิต มั่นใจในทีมงาน โปรดักชั่นเราก็หรูขึ้น เดี๋ยวไฟเรากำลังจะมา แล้วก็มีเรียลลิตี้”เบสท์เทย”
“นรินทร” ผู้ดูแลรับผิดชอบรายการเรียลลิตี้โดยตรง เสริมว่า
“ในแง่ผังละครเราค่อนข้างแข็งแรง ที่แตกต่างคือเรามีเรียลลิตี้ เรามีพันธมิตรที่ดีกับจานส้ม ออน 24 ชั่วโมง หลังจากเปิดบ้าน”เบสท์เทย” จะมีเรียลลิตี้ทุกวันทางช่อง 49 ออน 24 ชั่วโมง ไฮไลท์ครึ่งชั่วโมงแรก ครึ่งชั่วโมงหลังยิงสัญญาณสดจากเดอะบูม เขาใหญ่ จบจาก”กระเทย” ก็มาเป็น”กระทะ”(เชฟแบทเทิล) แนวใหม่ ไม่เหมือนที่เคยเห็นมา เราเป็นเรียลลิตี้”กระเทย”ที่แรกของโลก เราได้พาร์ทเนอร์มาสร้างสตูดิโอประหยัดพลังงานที่แรกของโลกให้ที่เดอะบูมมูลค่าหลายสิบล้าน
นี่คือความแตกต่าง ทำไมต้องเป็นกระเทย เพราะช่องอื่นไม่กล้าเล่นไงคะ เรากล้า เรามองเห็นคุณค่าของความเป็นคน สิทธิในความเป็นมนุษย์มันเท่าเทียมกัน ต้องยอมรับว่าบนโลกนี้มีเพศนี้อยู่จริง ถ้าคุณอยากดูพระเอกนางเอกคุณที่ไหนก็ได้แต่ถ้าคุณอยากดูความสนุกแบบนี้มืช่องเราช่องเดียว แล้วข้างในก็เป็นเรื่องสร้างสรรค์เอาเขามาพัฒนาให้เป็นเบสท์เทยให้ได้ ไม่แน่เราอาจจะมีผู้ประกาศข่าวที่เป็นกระเทยคนแรกของประเทศไทยนั่งอยู่ ที่มีความรู้ระดับดอกเตอร์
กับการทำงานช่องดิจิตอล ผ่านไปสองเดือน "ติ๋ม ทีวีพูล” เปิดใจให้ฟังว่า
“ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ไหนจะต้องดิวกับหน่วยงานราชการ หลายคนกลายเป็นศัตรู เพราะก่อนหน้าเราเป็นสื่อซัพพอร์ททุกวงการ แต่วันนี้ความรู้สึกเปลี่ยนไป เรื่องการแจกกล่องนึกว่าเขาแจก 1 เมษา แต่นี่ยังไม่แจก ถ้าเราไม่เตรียมเงินไว้มากพอ ป่านนี้เราจะลำบากมาก ยิ่งแจกช้ายิ่งแย่เข้าไปใหญ่ เงินทั้งหมดที่มีเรามาทุ่มตรงนี้หมดเลย ถ้าเราเป็นสื่อดีๆ ไม่แบ่งค่ายได้ เราจะใช้”ไทยทีวี”ทำสื่อให้เราเป็นกลางให้ได้ ตอนนี้เราเล่นเรื่องใหญ่กว่าบันเทิงมากแล้ว
ทำไมถึงเปลี่ยนชื่อมาเป็น “ไทยทีวี”
“ตอนแรกเราอยากเป็นไฮโซ ก็ใช้ว่า THV พอทำรีเสิร์ชมา คนพูดไม่ได้ ทีแฮ้ดอะไรไม่รู้ ก็ไม่เหมาะแล้ว เลยเปลี่ยนเป็นภาษาไทย “ไทยทีวี” แม้ประเทศจะเข้าสู่ AEC เราก็จะใช้ภาษาไทยอย่างนี้ โลโกรูปนกเพราะนามสกุล สกุลแปลว่านก ชัยคือชัยชนะ แล้วมีสามปีกเพราะมีลูกสามคน ลูกพี่ต้องมาทำธุรกิจตรงนี้ต่อ
ในเรื่องของละคร “ไทยทีวี” มีจุดเด่นอย่างไร ที่จะไปต่อสู้กับละครช่องอื่นๆ
“เราพยายามทำละครที่มีกลุ่มทาร์เก็ตชัดเจน อย่างไชยาก็มีแฟนคลับ เรื่องวัยฟินก็เป็นเรื่องของสก๊อยแม้จะแรงมาก แต่บอกปัญหาให้กับสังคมว่าทำไมถึงเกิดขึ้นอย่างนี้ ตอนนี้เปิดกล้องไป 10 เรื่องแล้วถ่ายทำอยู่ ล็อตหน้ามี “นางโชว์”, สวยประหาร” “2499”
เรามั่นใจละครของเรามาก คนที่มาดูตรงนี้มาจากเอ็กแซกท์ ดูตั้งแต่บท ดูตั้งแต่ตัดสายสะดือเลย ส่วนล็อตที่กำลังออนแอร์นั้นเป็นล็อตที่พี่เป็นคนดู พี่ก็ให้นโยบายว่า ละครของเราจะต้องมีความแรง ไม่เอาละครแบบสบายๆ ถ้าคุณอยากจะดูอะไรสีขาวๆ คุณไปดู LOCA เลย พ่อแม่ควรจะอยู่กับลูกจับมือลูกแล้วก็ดูด้วยกัน ถ้าดูช่องพี่ เรื่องละคร ต้องแรงมาก อย่าง”ผัวพาร์ทไทม์” “วัยฟิน” นี่แซ่บมากนะคะ ผู้หญิงขายตัว วัยรุ่น จับกลุ่มตลาดวัยรุ่นตรงนั้นเลยค่ะ แต่”ผัวพาร์ทไทม์”จะเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่ง แต่ว่าเรื่องแรงมาก ถ้าไม่แรง ก็จะขายเพลง มีดราม่าด้วย ได้”แคทรียา อิงลิช” ได้”ไชยา มิตรชัย” ก็จะเล่นเพลงอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ขายเพลงด้วย ขายดาวน์โหลดด้วย
ก็เลยต้องสร้างนักแสดงให้ช่องของตััวเองด้วย
“ตอนนี้เซ็นเข้ามา 20 กว่าคนแล้ว แผนคือเด็กพวกนี้จะต้องมาเป็นพิธีกรด้วยคือทำ 2 อย่าง ต้องฉีดยาให้โตเร็วกว่าปกติ ช่อง 3 ช่อง 7 เขาเกิดก่อนเราตั้ง 40 กว่าปี เพราะฉะนั้นเราไม่เร่งไม่ได้เราต้องเร่งเลย เชื่อว่าเดี๋ยวนี้สื่อไปเร็วมาก ไม่จำเป็นต้องอาศัยสื่อหลักมาก เพราะว่ามันมีช่องทางในการโปรโมทด้วยโซเชียล ด้วยแอปปริเคชั่น ด้วยมือถือ มือถือเป็นเรื่องสำคัญมากเพราะมันอยู่ติดกับตัว คนบางคนมี 2 พี่มี 3 เครื่องติดกับตัว
แผนสร้างนักแสดงของเราคือเป็นดาราแล้วเป็นพิธีกรด้วย สมัครเข้ามาแล้วมีแคสติ้ง แล้วก็เรียนการแสดงที่นี่ มีเรียนทุกวันตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม มีคนมาสมัคร 500-6000 คน คัดมา 20 เริ่มต้นเรียนกันแล้วตอนนี้ ที่เด่นๆ ก็มี “นุ้ย รองมิสไทยแลนด์เวิร์ล”, “นุช ลูกจันทร์” เล่นวัยฟิน, นางเอก”ดั่งไฟใต้น้ำ”คู่กับพีททองเจือ, ยีน-คิวบิค ช่อง 3 เรามีนักแสดงของเรา มีละครของเรา มีเรียลลิตี้ของเอ๋ นรินทร
“ไทยทีวี”เป็นช่องที่เราหมายมั่นมาก หลายคนบอกว่าทำไมไม่ใช่ชื่อทีวีพูล เราคิดว่าทีวีพูลคือบันเทิง แต่”ไทยทีวี”จะทุกอย่าง เราต้องการเป็นหนึ่งในเรื่องข่าว ทุกๆ ประเภท บ้านเราจะใหญ่ขึ้น อยากให้มาดูงานของเราเพราะเราทุ่มทั้งหัวใจทุ่มทั้งแรงกาย ทุกอย่างเราทุ่มกันหมดที่นี่ ดูผลงานเราอาจจะไม่ว้าวมากแต่อีกไม่ช้ามันจะพัฒนาอย่างเร็วมาก เพียงแค่ 2 เดือนที่เราเปิดมา ตอนนี้เราก็ไม่แพ้ใครแล้ว แล้วดูเดือนที่ 3 เราต้องเหนือคนอื่นเขา”
การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ว่าจะรับมืออย่างไรให้มันเดินหน้าต่อไปให้ได้ สงครามทีวีดิจิตอลเริ่มต้นขึ้นแล้ว คนที่แข็งแกร่ง สายป่านยาว มีทุนหนา และสู้ไม่ถอยเท่านั้นที่จะอยู่ได้ในทุกสถานการณ์