xs
xsm
sm
md
lg

“ติ๋ม ทีวีพูล” มั่นใจช่อง 3, 5, 7, 9 เจ๊งแน่ ตั้งเป้าดัน “ไทยทีวี” เป็นอันดับที่ 1 ฟันเงินหมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล” เปิดแถลงข่าวกรณียกเลิกข่าวของ “โพสต์ ทีวี” แจงโพสต์ทีวีขอยกเลิกเอง และตนก็ไม่ได้เซ็นสัญญากับโพสต์ทีวี เผยที่ผ่านมาดึงคนข่าว TNN มาทำงานข่าวประกบโพสต์ ทีวีอยู่แล้ว ลั่นถึงไม่มีโพสต์ทีวีก็ออกอากาศได้ มั่นใจแจกกล่องดิจิตอลฟรีเมื่อไหร่ระบบอนาล็อกช่อง 3, 5, 7, 9 เจ๊งแน่ เตรียมให้นักข่าวบันเทิงทีวีพูลไปทำข่าวการเมือง เศรษฐกิจ ฯลฯ ประกาศจะขึ้นเป็นทีวีอันดับ 1 ภายใน 3 ปี ฝันฟันกำไรหมื่นล้าน โวกำไรเยอะแยะจะเปิดบริษัทลูกให้เจ๊งอีกกี่บริษัทก็ได้


ช่องไทยทีวี ของ “ติ๋ม ทีวีพูล” พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย ออกอากาศไปได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเรื่องซะแล้ว เมื่อ “บริษัท โพสต์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน)” ในเครือบางกอกโพสต์ ซึ่งรับหน้าที่ผลิตรายการข่าวป้อนให้กับช่องไทยทีวี ประกาศยุติการร่วมงานกับช่องไทยทีวี ท่ามกลางกระแสข่าวว่า บริษัทโพสต์ไม่พอใจที่ช่องไทยทีวีผิดข้อตกลง และบีบให้โพสต์เช่าเวลา หลังเห็นว่าโฆษณาวิ่งเข้ามาทางบริษัทโพสต์มากกว่าช่องไทยทีวี ทั้งที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะเป็นระบบไทม์แชร์ริง และอีกกระแสข่าวก็บอกว่า ไทยทีวีได้ดึง TNN มาเป็นผู้ผลิตรายการจึงเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญากับบริษัทโพสต์

งานนี้ ติ๋ม ทีวีพูล ก็เลยขอเปิดใจถึงกรณีดังกล่าว ร่วมกับ “เอ๋ นรินทร ณ บางช้าง” ผู้อำนวยการไทยทีวี และ “ออม ปรีชา วศะกุลพนิต” บรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว อดีตคนข่าวของ “ทีเอ็นเอ็น” โดยเอ๋ได้ชี้แจงว่า ไม่ได้ดึง TNN มาร่วมงาน และเอาบริษัทโพสต์ออก แต่เป็นการดึงผู้บริหารที่เคยทำงานกับ TNN มาดูแลด้านข่าวให้เท่านั้น และไม่ได้มีการเซ็นสัญญากับบริษัทโพสต์แต่อย่างใด

“กรณีของทางไทยทีวี กับ โพสต์ ทีวี ตั้งแต่แรกเป็นการร่วมมือกัน พูดคุยกันว่าจะทดลองทำงานร่วมกัน เป็นช่วงทดลองออกอากาศตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ระหว่างนั้นการทำงานก็ต้องทดลองทำรูปแบบรายการข่าวกันออกไป ทำไปก็พูดคุยหาแนวร่วม หานโยบายในการผลิตข่าวเพื่อทำงานร่วมกันเพื่อออกอากาศทางช่องไทยทีวี ก็มีการทำงานร่วมกันโดยการทดลองออกอากาศกันไปเรื่อยๆ แต่เรื่องของการเซ็นสัญญาจริงๆ มันยังไม่เคยเกิดขึ้น เพราะทุกอย่างจะต้องคุยกันไปทำงานกันไป เพื่อปรับรูปแบบให้มันสอดคล้องกันจริงๆ กับทางเราที่ต้องการ และทางเขาที่ผลิตให้ได้”

“จนกระทั่งถึงวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทางโพสต์ได้บอกยกเลิกการผลิตรายการให้เราโดยกะทันหัน ทางเราเองไม่ได้ทราบล่วงหน้ามาก่อน โดยบอกกับเราผ่านทางอีเมล ทางเราเองก็ต้องตั้งหลัก เพราะเราเป็นสถานี เราก็ไม่สามารถจะปล่อยให้เกิดจอดำขึ้นมาได้ ฉะนั้นเราก็ต้องรีบตั้งหลักโดยทันที ก็รีบทำงานขึ้นมาให้ทางสถานีได้มีข่าวออกอากาศ ซึ่งในแง่ของข่าว เราก็มีสายข่าวของเราที่ค่อนข้างแข็งแรงมากๆ ก็คือ คุณออม ปรีชา วศะกุลพนิต ก็กลายเป็นกรณีเข้าใจผิดอีกว่า TNN มาทำงานร่วมกับเรา ซึ่งต้องอธิบายว่าไม่ใช่นะคะ”

“คุณออมเคยทำงานอยู่ที่ TNN และเคยทำงานอยู่ที่ ITV สรุปแล้วคุณออมเป็น บก.บห. ของทางโน้นด้วย ทางนี้ด้วย ทำงานมาหลายๆ ที่ และทางเราได้เชิญคุณออมมานั่งเป็น บก.บห. สายข่าวของเรา ซึ่งทำให้เราแข็งแรงมากตรงนี้ ก็เลยกลายเป็นกระแสข่าวที่เข้าใจผิดไปว่า TNN มาทำงานกับเรา แล้วเราไปเอาโพสต์ออก ซึ่งจริงๆ แล้วทางโพสต์เป็นคนแจ้งยกเลิกการผลิตรายการ โดยทางเราเองก็ไม่ทราบล่วงหน้า ที่สำคัญที่สุดตั้งแต่เริ่มต้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทางเรายังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาใดๆ กับโพสต์ทั้งสิ้น แต่จะบอกว่าจบไม่สวยหรือเปล่า คงเป็นเรื่องของนโยบายมากกว่าที่มันลงตัวกันไม่ได้”

“ยืนยันว่ารายการข่าวยังมีครบนะคะ เพราะเราตั้งใจทำเกินไว้แล้วด้วยซ้ำไป สัดส่วนของข่าวจะอยู่ที่ 55.64% และถ้าร่วมกับสัดส่วนข่าวและสาระก็จะรวมเป็น 61.59% ดังนั้นตรงนี้ถูกต้องตามกฎกสทช. อย่างแน่นอน ก็ถ้าจะให้ในส่วนเรื่องของข่าวให้ครบ 100% ตามที่วางไว้ สัดส่วนที่จะได้จริงๆ จะเริ่มวันที่ 16 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งตอนนี้ก็เกือบ 100% แล้ว มันขาดบางช่วงเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง หลังจากนี้เราผลิตเองทั้งหมดค่ะ ซึ่งอยากจะพูดถึงงานที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนะคะว่าความพร้อมของเรามี 100%”

ชูจุดเด่นออนแอร์เรียลิตีตลอดทั้งปี
“ความแตกต่างของช่องเรากับช่องอื่นๆ ก็คือของเราจะมีเรียลลิตี้ทั้งปี อันแรกก็คือ เทยไทยแลนด์ ซึ่งเราออดิชันกันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้เราก็ออนแอร์อยู่ทางช่อง 77 ของไทยทีวีสนุกมาก คนดูก็แฮปปี้มาก พอจบเราก็จะมีเรียลิตี Chef Battle ต่อเลย จะคนละแบบกันที่เราเห็นกันนะคะจะเป็นแบบใหม่เลย”

ฝ่าย “ออม ปรีชา วศะกุลพนิต” ในฐานะบรรณาธิการบริหารฝ่ายข่าว ได้กล่าวเสริมว่าแม้ทุกอย่างค่อนข้างฉุกละหุก แต่ก็ไร้ปัญหาเพราะมีทีมงานคุณภาพรออยู่แล้ว
“จริงๆ เรามีข่าวที่ทำประกบกับโพสต์มาตลอดนะครับ ซึ่งผมเองก็ทำประกบคู่กับโพสต์มาตลอดนี่แหละ เรามีการเซ็ตทีมข่าวไว้แล้ว แต่เซ็ตไว้แค่ตามความจำเป็นเพราะทุกอย่างก็เป็นรายจ่าย ความพร้อมที่เรามีประมาณ 50% อยู่แล้ว ถ้าเราไม่รับคนเลย แล้วมาทำช่วงข่าวที่หายไปได้ไหม ผมเชื่อว่าทำได้ ผมเชื่อว่าบุคคลากรของทีวีพูลที่มีอยู่ถึงแม้จะเป็นข่าวบันเทิง แต่คนข่าวก็คือคนข่าว ซึ่งแต่ละคนจะย้ายสายงานข่าวหนึ่งไปอยู่อีกสายงานข่าวหนึ่ง โดยฐานแล้วก็ทำได้"

“ช่วงที่โพสต์ไปเราก็เสริมทีมเข้ามาตามความจำเป็นอีกเหมือนกัน ก็ไม่ถึงกับเร่งระดมพลอะไรมาก ก็แค่เสริมเข้ามาเพราะมันต้องใช้เวลา และตอนนี้เรามีคนอยู่แล้วประมาณ 30 คน มันก็ยังไม่เต็มพอที่จะขยาย และสร้างคุณภาพ ซึ่งถ้าไปเปรียบเทียบกับช่องอื่นๆ เขาก็ต้องใช้เวลาทั้งนั้น แต่ตอนนี้พูดได้เลยว่าไม่ต้องให้ถึงวันที่ 16 มิถุนายนหรอก พรุ่งนี้เราก็สามารถขึ้นข่าวได้เลยเรียบร้อย ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะเราทำคู่ขนานกันมาอยู่แล้วครับ”

“ติ๋ม พันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย” บอกไม่เคยคิดแตกหักกับโพสต์ ดึง “สุภาพ คลี่ขจาย” มาจัดรายการจันทร์ - ศุกร์ เวลา 16.00 - 18.00 น.
“แตกหักกับโพสต์เลยไหมก็คงไม่ ถ้าเจอกันก็คงคุยกัน แต่ช่วงนี้พอดีเรายังยุ่งๆ กับงานของเรา เพราะเขาบอกเลิกเราไปอย่างกะทันหัน วันนั้นเป็นวันศุกร์ตอนเย็น ซึ่งพอวันเสาร์เราก็ไม่มีรายการจะออกอากาศ เราก็ต้องให้เลขาไปเอารายการต่างๆ มาออกไปก่อน ก็ใช้เวลาแค่เสาร์ อาทิตย์ พอวันจันทร์ตอนเช้าเราก็ขึ้นรายการใหม่เลย เพราะกลัวว่าเดี๋ยวจะไม่ได้เปอร์เซ็นต์ของความเป็นข่าว ก็คุยกับออมว่าเราต้องเอาประสบการณ์ที่เราสะสมไว้ออกมาแล้วล่ะ และยังมีคุณสุภาพ คลี่ขจาย อีกคนที่จะมาลงช่วงเย็น 16.00 - 18.00 น. ทุกวันจันทร์-ศุกร์ ก็จะเป็นรายการคุยข่าวในกระแสที่เกิดขึ้นวันต่อวัน”

“ด้วยความที่คุณสุภาพเป็นประธานชมรมดิจิตอลแห่งประเทศไทย เขามีหน้าที่ที่จะต้องเป็นตัวแทนของทั้ง 24 ช่อง ไปประชุมโน่นประชุมนี่ ก็เลยคิดว่าต้องหาใครคนหนึ่งที่จะมาดูแล ซึ่งตอนนี้พี่สุภาพเป็นประธานที่ปรึกษาของเราอยู่ คือดูแลทั้งสองช่อง ก็เลยจะมี เอ๋ นรินทร ณ บางช้าง ซึ่งมีประสบการณ์ตรงนี้เยอะ และมาแล้วถูกแนวกับความเป็นทีวีพูลของเรา เพราะเรื่องละครเขาก็รู้ เรื่องรายการเขาก็รู้ จะเอาเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับบันเทิงเขารู้หมด และเราก็ได้ทีมของออมมาอีก ซึ่งทีมเขาอยู่ในวงการข่าวมานาน รู้หมดว่าใครเป็นตัวจริง ตัวปลอมในวงการนี้ ตอนนี้เขาก็ยังรับคนเข้ามาอีกเยอะ เป็นเหมือนอะคาเดมี่เลยค่ะ เอาเข้ามาเทรนด์กันใหญ่ ก็คิดว่าจะแข็งขึ้นเรื่อยๆ”

“ก็มาคุยกับออมว่า เรามาทำข่าวที่แตกต่างไปจากคนอื่น เอาให้เป็นสไตล์ทีวีพูลได้ไหม เอาให้ชาวบ้านธรรมดาๆ ฟังแล้วเข้าใจ ก็ยังเป็นข่าวในกระแสนี่แหละ แต่เราเอามาแตกย่อยให้รู้สึกว่ามันง่ายในการฟัง ไม่ต้องพูดอะไรเยอะ เอาที่เป็นไฮไลต์เลย ซึ่งหลังจากที่ออกอากาศไปก็ได้ผลนะคะ ทุกอย่างเราไม่มีสคริปต์ เพียงแต่เรามีหัวข้อที่จะมาพูดเท่านั้นเอง เราใช้ความเป็นเรา จะพูดถึงอะไรที่มันฉีกออกไป โดยที่ยังอิงกับข่าวกระแส”

ข้องใจการจัดอันดับเรตติ้งของเอซีเนลสัน เพราะตนเองมีเรตติ้งต่ำ ถึงจะผลิตละครและดึงเอาดาราอย่าง “ไชยา มิตรชัย” ที่เคยฉายในช่องฟรีทีวีได้เรตติ้งถึง 10 แต่พอมาฉายช่องทีวีดิจิตอลอย่าง ไทยทีวี กลับมีเรตติ้งแค่ .2 เท่านั้น
“เรตติ้งของเราตอนนี้ถ้าดูจาก PSI ดีมากเลย อยู่ประมาณอันดับที่ 5-6 ของเดือนนี้ ของเดือนที่แล้วเราอยู่ประมาณที่ 10 แต่เดือนนี้ตั้งแต่เรามีละครเรื่อง สัญญาเมื่อสายันห์ และ วัยฟิน ของ PSI อันดับเราเลยขึ้นมา ก็ยังไม่ดีเท่าที่ควรที่เราคิดไว้นะคะ แต่ถ้าวัดเรตติ้งจากเอซีเนลสัน ของเราไม่ดีเลย เพราะเราไม่รู้ว่าวิธีการจัดเรตติ้งของเขาเป็นยังไง ซึ่งก็เป็นปัญหาของทั้ง 24 ช่องดิจิตอลนะคะ เพราะว่าคนที่สูงที่สุดได้แค่ .2 ซึ่งก็คือเวิร์คพ้อยท์ เขาได้เรตติ้งสูงสุดในหมู่ของช่องดิจิตอลด้วยกัน ก็ยังเพิ่งได้ประมาณ .2 ซึ่งในขณะที่พวกทีวีปกติเขายังได้ 10 กว่า มันต่างกันเยอะมาก”

“เราก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่ามันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง ในเมื่อคนทำคนเดียวกัน และเราทำใหญ่กว่าด้วย เพราะเราทุ่มกันหมดตัว ซึ่งของเราเองก็มีรายการเดิมอยู่ และทำเข้มข้นกว่าเดิมเยอะในช่องของเรา ทุกอย่างมีความพร้อมมากกว่าเดิม แต่เรตติ้งไม่ได้เลย ซึ่งเมื่อก่อนเรตติ้งเราอยู่ที่ 2-3 แต่ตอนนี้เรตติ้งเราเหลือแค่เป็นจุด ก็ยังมีความเคลือบแคลงกันอยู่ เพราะอย่าง ไชยา มิตรชัย ไปเล่นช่อง 7 ได้เรตติ้ง 10 กว่า แต่พอมาของเราเหลือแค่ .1 มันเป็นไปได้ยังไง และเราก็ได้เข้าไปในทุกกล่องเลย ยกเว้นกล่องของทรูกับ CTH แต่เราก็ยังไม่รู้ ยังไม่มีหลักฐานว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ก็ต้องสืบกันต่อไป แต่เชื่อว่าเดี๋ยวคงมีการปรับตัวกัน”

เผยอีกไม่นานสัญญาณอนาล็อกฟรีทีวี ช่อง 3 ช่อง 5 ช่อง 9 จะต้องปิดตัวลง
“และในส่วนของทีวีปกติหรืออนาล็อคเองก็คงจะต้องจากไป ก็เป็นสัจธรรม ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้าได้ ด้วยกฎหมายด้วย รู้สึกว่าช่อง 5 ก็มีสัญญาถึงแค่ปี 60 ช่อง 3 กับ 7 เหลืออีก 5 ปี แต่เชื่อว่าเมื่อมีการแจกกล่องดิจิตอลแล้ว ระบบอนาล็อคจะดูไม่ได้ อนาล็อคจะหายไปจำนวนมากๆ เลย ฉะนั้นเขาเองนั่นแหละจะต้องขอปิดตัว แต่กล่องดิจิตอลก็ยังไม่ได้แจกสักที เป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกระตุ้นให้แจกให้เร็วที่สุด ซึ่งควรจะแจกตั้งแต่เมษายนแล้ว ซึ่งถ้าแจกแล้วคนที่รับสัญญาณจากอนาล็อค จะไม่สามารถดูดิจิตอลได้เลย เพราะมันคนละระบบกัน ลูกค้าก็จะหายไปจำนวนมาก เพราะการแจกครั้งนี้จะประมาณ 22 ล้านครัวเรือน 22 ล้านกล่อง”

ฟุ้งมีเงินเยอะไม่เดือดร้อน เตรียมให้นักข่าวบันเทิงทีวีพูลเปลี่ยนสายงานมาทำข่าวการเมือง เศรษฐกิจ และข่าวอื่นๆ ดูบ้าง อย่ายึดติดแต่กับ “อั้ม พัชราภา”
“จะปรับกลยุทธ์ไหม คงไม่ปรับเพราะเราเตรียมเงินไว้เยอะ เรายังไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน และเราระวังทุกฝีก้าวอยู่แล้ว ต้นทุนการผลิตเราอาจจะถูกกว่าที่อื่นเยอะ เพราะเรามีคนของเราอยู่ แต่ก็ยังเป็นปัญหา เพราะคนข่าวของเราที่มีเยอะก็จะเป็นข่าวบันเทิงทั้งนั้น ตอนนี้เราก็ต้องขอให้เขาลองคิดใหม่ว่ามันน่าสนุกนะ ลองไปทำข่าวการเมือง ข่าวเศรษฐกิจ ข่าวทั่วไปดูบ้างมั้ย ทำไมชีวิตเราต้องอยู่กับ อั้ม (พัชราภา ไชยเชื้อ) หรือ เจมส์ (จิรายุ ตั้งศรีสุข) เท่านั้น เราลองไปดูอย่างอื่นบ้างมั้ย ตอนนี้คนของเราหลายคนก็ยอมเปลี่ยนแล้วเพราะพวกนี้เขามีเซ้นส์ข่าวอยู่แล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเพราะชีวิตเขาชอบแต่บันเทิง ก็ไม่รู้จะทำยังไงแต่ถ้าเปลี่ยนก็คงเป็นอีกแบบหนึ่ง เราก็พยายามกล่อมให้เขาเปลี่ยนกันอยู่เพราะคนเราเยอะจริงๆ เพียงแต่อยู่บันเทิงกันเท่านั้นเอง ซึ่งตอนนี้คนที่ออมรับมาก็ประมาณ 30 คนแล้ว แต่ก็ไม่ใช่คนที่เป็นเลยซะทีเดียว ก็ต้องมาเรียนรู้กันอีก มีที่เป็นงานจริงๆ ยังไม่ถึงสิบคนเลยมั้ง ก็เลยต้องดึงนักข่าวบันเทิงลงมาช่วยเพราะทีมข่าวของเราเยอะมากจะร้อยคนได้ เพราะเมื่อก่อนเราทำเคเบิ้ลสองช่อง ทุกคนเป็นนักข่าวหมด แล้วก็มาเป็นพิธีกรด้วย ตัดต่อด้วย ทุกคนทำทุกอย่างเลย”

หลายคนทักว่าโง่ที่ประมูลทีวีดิจิตอล แต่มั่นใจช่อง 3 กับช่อง 7 จะต้องจบลงเร็วๆ นี้ เม็ดเงินโฆษณาในตลาด 7 หมื่นล้านจะต้องมาตกที่ทีวีดิจิตอล และ “ช่องไทยทีวี” จะต้องขึ้นเป็นอันดับ 1 ภายใน 3 ปี และจะมีเงินเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ 1 หมื่นล้าน โวกำไรเยอะแยะเปิดบริษัทลูกให้เจ๊งเท่าไหร่ยังได้เลย
“ตอนแรกเราตั้งเป้าไว้ที่ 5 ปีเราจะต้องเป็นอันดับ 1 ของช่องดิจิตอล แต่ตอนนี้ขอแค่ 3 ปีพอ ได้กำไรแน่นอน มั่นใจว่าสู้ได้เรามีความพร้อมอยู่แล้ว ตอนที่ประมูลทีวีดิจิตอลทุกคนรอบข้างถามว่าเราโง่หรือเปล่า มีเงินสดๆ เก็บไว้ 2-3 พันล้านจะเอาไปลงทุนขนาดนั้นทำไม แต่เราคิดว่าเงิน 7 หมื่นล้านที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด และยังขึ้นอยู่ทุกปี แต่ไปอยู่ที่ช่อง 3 และช่อง 7 ซะ 80% แล้ว ช่อง 5 กับช่อง 9 อีก 20% อนาล็อกต้องจบลงแน่ในเร็วๆ วันนี้ และถ้าเขาจบลงเมื่อไหร่ วันนั้นงบ 7 หมื่นล้านจะไปอยู่กับ 24 ช่องดิจิตอล และหารกันก็ตกช่องละ 2900 ล้านต่อช่องต่อปี เดือนหนึ่งก็ตกประมาณ 200 กว่าล้าน ทำงานสบายๆ กำไรเยอะมาก จะเปิดบริษัทลูกให้มันเจ๊งเท่าไหร่ยังได้เลยเพราะกำไรเยอะมาก และคิดว่าจะมีเงินเข้าตลาดหลักทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านภายใน 3 ปีนี้แหละ ซึ่งเป้าหมายของเราคือต้องเป็นที่ 1 ให้ได้ เป็นที่ 1 ของดิจิตอลทั้ง 24 ช่องให้ได้ภายใน 3 ปี ตอนแรกเราตั้งไว้ 5 ปีนะ แต่ตอนนี้เรามีทั้ง เอ๋ นรินทร มีทั้ง ออม ปรีชา ก็เลยมั่นใจว่าเราทำได้”

“ตอนนี้ต้องการทำรายการข่าวทั้งหมดเองแล้วค่ะ แต่ถ้าใครจะมาก็คงจะให้เป็นผู้ร่วม แบ่งไปเป็นชั่วโมง แต่คงไม่ให้ใครมาทำเต็มๆ แล้ว พอแล้ว (หัวเราะ) เราเจ็บปวดนะ ไม่ใช่ไม่เจ็บปวด แต่ไม่เคยคิดเรื่องฟ้องร้องเลย เพราะเจอกันก็จะทักกัน เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้ออกไปเจอใครเท่านั้นเอง ทางเขาก็ยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าค่าอะไรเลย ยังไม่ได้ตกลงอะไร คือคุยกันไปคุยกันมาก็ยังไม่จบสักทีหนึ่ง ก็ทำไปเรื่อยๆ”
กำลังโหลดความคิดเห็น