ASTV ผู้จัดการรายวัน - รอง ผบ.ตร.เสนอขออนุมัติหมายจับ 7 ผู้ต้องหาปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ตราดจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมเร่งรวบรวมหลักฐานเพื่อขอหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย บช.น.แถลงจับหนุ่มโรงแรม “ติ๊ก โกมัยพันธุ์” สนุกมือปล่อยลมยางรถฮัมวีทหาร ระหว่างการชุมนุมต้านรัฐประหาร อนุสาวรีย์ชัยฯ ตร.ส่งตัวขึ้นศาลทหาร กองปราบฯยังกักตัว 9 ผู้ต้องหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. รอผลสอบทหาร ด้าน "จาตุรนต์ -ภิญโญภาพ" อ่วมยังถูกคุมตัวขึ้นศาลทหารไม่มีวี่แววได้รับอิสรภาพ ตร.ทหาร จับหนุ่มวิน จยย.รับจ้าง แจกใบปลิวต้านรัฐประหาร ซ.สวนพลู ถูกทำทะเบียนประวัติคาดโทษ หากทำผิดซ้ำอีกจับส่ง คสช.กักตัว
วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ในพื้นที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด ว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว 7 ราย จากทั้งหมด 9 ราย ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์, นายบุญจิต สุดคำภา, นายวัชระ กระจ่างกลาง, นายนวม อำไพ, นายจักรพงษ์ กระจ่างกลาง, จ.ส.อ.วิโรจน์ กระจ่างกลาง และนายณรงค์ กระจ่างกลาง พร้อมยืนยันว่าพยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ขณะเดียวกันได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุม และออกกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่าการออกหมายจับดังกล่าวสืบเนื่องมาจากทหารชุด มทบ.14 และนาวิกโยธิน ชค.1 เข้าตรวจค้นบ้านนายณรงค์ กระจ่างกลาง ม.3 ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด จนเกิดการประทะกับคนร้าย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย ขณะเกิดเหตุนายณรงค์ได้วิ่งหลบหนี ต่อมาชุดปฏิบัติการได้จับกุมตัวนายจรูญ ศรศักดิ์ และอีกรายไม่ทราบชื่อ ยึดรถกระบะโตโยต้าสีบรอนซ์ ทะเบียน บร 946 จันทบุรี ซึ่งตรงกับรถยนต์ก่อเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 57 จึงนำกระสุนปืนพร้อมปลอกกระสุนส่งตรวจสอบ จนขยายผลการจับกุมนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
***จับขึ้นศาลทหารมือปล่อมยางรถฮัมวี
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการรอง ผบช.น. แถลงข่าวจับกุม นายสมบัติ หรือติ๊ก โกมัยพันธุ์ ผู้ต้องหากระทำผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ห้ามมิให้มั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฏหมายในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ร่วมกับกลุ่มคนต่อต้านการทำรัฐประหาร ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา และนายสมบัติ ผู้ต้องหาได้เข้าไปปล่อยลมยางรถยนต์ฮัมวีของทางทหารที่จอดอยู่ จากนั้นมีคนได้ถ่ายภาพนายสมบัติขณะทำความผิดเอาไว้ได้ หลังจากนั้นทหารได้นำหลักฐานภาพถ่ายของนายสมบัติไปแจ้งความที่ สน.พญาไทเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้สืบสวนกระทั่งทราบว่านายสมบัติ ผู้ต้องหาทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณแยกราชประสงค์ จึงเรียกตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า นายสมบัติให้การว่าได้ร่วมกับผู้ชุมนุมออกมาต่อต้าน คสช.จริง และนึกสนุกพร้อมกับมีอารมณ์ร่วมกับผู้ชุมนุมจึงแกล้งทำทีนำมือไปกดลมยาง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปล่อยลมยาง อย่างไรก็ตาม ทหารได้ตรวจสอบพบว่าลมยางของรถยนต์ฮัมวีถูกปล่อยจริงทำให้ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จึงต้องแจ้งความให้เอาผิดดำเนินคดี
ผู้ช่วยราชการรอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า แม้ดูเหมือนว่าพฤติกรรมจะไม่รุนแรง แต่คำสั่ง คสช.ก็เหมือนกฎหมาย หากฝ่าฝืนก็ต้องมีความผิด จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีรวมทั้งข้อหาดังกล่าวต้องนำตัวผู้ต้องหาไปขึ้นศาลทหารให้มีการตัดสิน โดยมีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี
*** "จาตุรนต์ " อ่วมขังลืมขึ้นศาลทหาร
ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารฯ ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ แยกอโศก แยกราชประสงค์ ก่อนส่งมากักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป. ว่าจนถึงขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกกักตัวรวม 9 ราย ประกอบด้วย 1.น.ส.สุนันทา ห่วงศิริ อายุ 50 ปี ซึ่งถูกตำรวจ สน.ลุมพินี ควบคุมตัวขึ้นรถแท็กซี่ไปสอบสวนดำเนินคดี 2.น.ส.วาริน ทินกร อายุ 71 ปี ซึ่งมีพฤติการณ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีข้อความว่า “People” มาปิดปากเอาไว้ 3.น.ส.นุชรา สุขแสวงบุญ อายุ 48 ปี 4.นายมงคล แสงสุดา อายุ 43 ปี 5.น.ส.จิราพร วราพิศิษฐ์ อายุ 53 ปี 6.นายสุเมศ วิโรจน์ชัยยันต์ อายุ 40 ปี 7.นายพีรวัส บุญจรัส 8.นางยุพา นุชทองม่วง อายุ 68 ปี และ 9.น.ส.คมคาย อ่อนหลำ อายุ 50 ปี โดยทั้งหมดจะถูกพิจารณาดำเนินคดีตามความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 8 และ 11 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งจะพิจารณาคดีที่ศาลทหาร อย่างไรก็ดี ในส่วนของการกักตัวไว้ระหว่างสอบสวนจะมีกำหนด 7 วัน ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 15 ทวิ หากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายใดมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว ก็จะมีการมอบอำนาจให้นายทหารท่านใดท่านหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยจะมีหนังสือร้องทุกข์ส่งมาภายใน 7 วัน เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานดังกล่าว ขณะเดียวกัน หากผู้ต้องหาที่สอบสวนแล้วไม่เข้าข่ายถูกพิจารณาดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 นั้น ทางทหารก็จะมีหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวนเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหาไป โดยจะดำเนินการภายใน 7 วัน เช่นเดียวกัน แต่จะมีขั้นตอนอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการบันทึกถ้อยคำ ว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่อต้าน คสช.อีก ฯลฯ อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ต้องหาทุกราย ทหารมีการสอบสวนเป็นการภายใน และตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้วว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มขบวนการใดๆ หรือไม่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อปล่อยผู้ที่ถูกกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.6 ราย ทำให้ขณะนี้คงเหลือเพียงแค่ นายสุเมธ วิโรจน์ชัยยันต์ , นายวราภพ วิชชาสุทธิ์ และนายณัฐวุฒิ นุชนาท รวม 3 ราย ที่ยังคงถูกกักตัวอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายสุเมธ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมดำเนินคดีในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 8 และ 11 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะคุมตัวส่งศาลทหาร เพื่อพิจารณาคดีต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่า ที่ผ่านมา มีเพียง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายภิญโญภาพ บำรุงธรรม เพียง 2 รายเท่านั้น ที่ถูกคุมตัวขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลทหารในข้อหาปลุกปั่นยั่วยุประชาชนให้รวมตัวกันประท้วงก่อเหตุวุ่นวาย ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำสืบพยานหลักฐาน โดยยังไม่มีการปล่อยตัวแต่อย่างใด
***หนุ่มวินจยย.ลองของแจกใบปลิว
ตร.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมกับทหารเชิญตัวนายดำริห์ รินวงษ์ อาชีพขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างมาสอบถาม หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบนายดำริห์แจกใบปลิวที่มีข้อความปลุกระดมต่อต้านรัฐประหาร โดยสามารถควบคุมตัวนายดำริห์ได้ที่ซอยสวนพลู 8 ขณะกำลังแจกเอกสารให้ประชาชนที่เดินผ่านไปมา
พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่านายดำริห์นำใบปลิวที่มีข้อความปลุกระดมต้านรัฐประหารแจกให้ผู้โดยสาร และประชาชนตามแยกไฟแดง จึงนำเจ้าหน้าที่ไปเชิญตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การยอมรับว่าแจกใบปลิวจริงเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อนปล่อยตัวกลับไป โดยหากพบว่ายังฝ่าฝืนกระทำอีก จะนำตัวส่งไปให้ คสช.ควบคุมตัว 7 วัน
วานนี้ (3 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุคนร้ายปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ในพื้นที่ อ.เขาสมิง จ.ตราด ว่าเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาได้แล้ว 7 ราย จากทั้งหมด 9 ราย ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ พูลสวัสดิ์, นายบุญจิต สุดคำภา, นายวัชระ กระจ่างกลาง, นายนวม อำไพ, นายจักรพงษ์ กระจ่างกลาง, จ.ส.อ.วิโรจน์ กระจ่างกลาง และนายณรงค์ กระจ่างกลาง พร้อมยืนยันว่าพยานหลักฐานมีน้ำหนักเพียงพอ ขณะเดียวกันได้กำชับให้ฝ่ายสืบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามจับกุม และออกกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานว่าการออกหมายจับดังกล่าวสืบเนื่องมาจากทหารชุด มทบ.14 และนาวิกโยธิน ชค.1 เข้าตรวจค้นบ้านนายณรงค์ กระจ่างกลาง ม.3 ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด จนเกิดการประทะกับคนร้าย ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย ขณะเกิดเหตุนายณรงค์ได้วิ่งหลบหนี ต่อมาชุดปฏิบัติการได้จับกุมตัวนายจรูญ ศรศักดิ์ และอีกรายไม่ทราบชื่อ ยึดรถกระบะโตโยต้าสีบรอนซ์ ทะเบียน บร 946 จันทบุรี ซึ่งตรงกับรถยนต์ก่อเหตุปาระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.ที่ จ.ตราด เมื่อวันที่ 26 ก.พ. 57 จึงนำกระสุนปืนพร้อมปลอกกระสุนส่งตรวจสอบ จนขยายผลการจับกุมนำไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาดังกล่าว
***จับขึ้นศาลทหารมือปล่อมยางรถฮัมวี
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.ศ. ช่วยราชการรอง ผบช.น. แถลงข่าวจับกุม นายสมบัติ หรือติ๊ก โกมัยพันธุ์ ผู้ต้องหากระทำผิดฐานร่วมกันฝ่าฝืนประกาศคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ฉบับที่ 7/2557 ห้ามมิให้มั่วสุม หรือชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป และต่อสู้ หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน หรือผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตามกฏหมายในการปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญ ว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย จนเป็นเหตุให้เจ้าพนักงานได้รับอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ทำให้เสียหาย ทำลาย หรือทำให้เสื่อมค่า
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ร่วมกับกลุ่มคนต่อต้านการทำรัฐประหาร ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา และนายสมบัติ ผู้ต้องหาได้เข้าไปปล่อยลมยางรถยนต์ฮัมวีของทางทหารที่จอดอยู่ จากนั้นมีคนได้ถ่ายภาพนายสมบัติขณะทำความผิดเอาไว้ได้ หลังจากนั้นทหารได้นำหลักฐานภาพถ่ายของนายสมบัติไปแจ้งความที่ สน.พญาไทเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้สืบสวนกระทั่งทราบว่านายสมบัติ ผู้ต้องหาทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณแยกราชประสงค์ จึงเรียกตัวมาสอบสวน
พล.ต.ต.อำนวยกล่าวอีกว่า นายสมบัติให้การว่าได้ร่วมกับผู้ชุมนุมออกมาต่อต้าน คสช.จริง และนึกสนุกพร้อมกับมีอารมณ์ร่วมกับผู้ชุมนุมจึงแกล้งทำทีนำมือไปกดลมยาง แต่ยืนยันว่าไม่ได้ปล่อยลมยาง อย่างไรก็ตาม ทหารได้ตรวจสอบพบว่าลมยางของรถยนต์ฮัมวีถูกปล่อยจริงทำให้ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ จึงต้องแจ้งความให้เอาผิดดำเนินคดี
ผู้ช่วยราชการรอง ผบช.น.กล่าวอีกว่า แม้ดูเหมือนว่าพฤติกรรมจะไม่รุนแรง แต่คำสั่ง คสช.ก็เหมือนกฎหมาย หากฝ่าฝืนก็ต้องมีความผิด จะติดตามจับกุมมาดำเนินคดีรวมทั้งข้อหาดังกล่าวต้องนำตัวผู้ต้องหาไปขึ้นศาลทหารให้มีการตัดสิน โดยมีอัตราโทษสูงสุดคือจำคุก 3 ปี
*** "จาตุรนต์ " อ่วมขังลืมขึ้นศาลทหาร
ที่ กองปราบปราม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่ชุมนุมต่อต้านรัฐประหารฯ ตามสถานที่ต่างๆ อาทิ แยกอโศก แยกราชประสงค์ ก่อนส่งมากักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป. ว่าจนถึงขณะนี้มีผู้ต้องหาที่ถูกกักตัวรวม 9 ราย ประกอบด้วย 1.น.ส.สุนันทา ห่วงศิริ อายุ 50 ปี ซึ่งถูกตำรวจ สน.ลุมพินี ควบคุมตัวขึ้นรถแท็กซี่ไปสอบสวนดำเนินคดี 2.น.ส.วาริน ทินกร อายุ 71 ปี ซึ่งมีพฤติการณ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่มีข้อความว่า “People” มาปิดปากเอาไว้ 3.น.ส.นุชรา สุขแสวงบุญ อายุ 48 ปี 4.นายมงคล แสงสุดา อายุ 43 ปี 5.น.ส.จิราพร วราพิศิษฐ์ อายุ 53 ปี 6.นายสุเมศ วิโรจน์ชัยยันต์ อายุ 40 ปี 7.นายพีรวัส บุญจรัส 8.นางยุพา นุชทองม่วง อายุ 68 ปี และ 9.น.ส.คมคาย อ่อนหลำ อายุ 50 ปี โดยทั้งหมดจะถูกพิจารณาดำเนินคดีตามความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 8 และ 11 ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการดำเนินการกับผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ในอำนาจของเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งจะพิจารณาคดีที่ศาลทหาร อย่างไรก็ดี ในส่วนของการกักตัวไว้ระหว่างสอบสวนจะมีกำหนด 7 วัน ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 15 ทวิ หากการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายใดมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายกระทำผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับดังกล่าว ก็จะมีการมอบอำนาจให้นายทหารท่านใดท่านหนึ่ง เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.โดยจะมีหนังสือร้องทุกข์ส่งมาภายใน 7 วัน เพื่อดำเนินคดีในความผิดฐานดังกล่าว ขณะเดียวกัน หากผู้ต้องหาที่สอบสวนแล้วไม่เข้าข่ายถูกพิจารณาดำเนินคดีฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 นั้น ทางทหารก็จะมีหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวนเพื่อปล่อยตัวผู้ต้องหาไป โดยจะดำเนินการภายใน 7 วัน เช่นเดียวกัน แต่จะมีขั้นตอนอีกเล็กน้อยเกี่ยวกับการบันทึกถ้อยคำ ว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการชุมนุมต่อต้าน คสช.อีก ฯลฯ อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ต้องหาทุกราย ทหารมีการสอบสวนเป็นการภายใน และตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดแล้วว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มขบวนการใดๆ หรือไม่
ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำหนังสือแจ้งมายังพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อปล่อยผู้ที่ถูกกักตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.6 ราย ทำให้ขณะนี้คงเหลือเพียงแค่ นายสุเมธ วิโรจน์ชัยยันต์ , นายวราภพ วิชชาสุทธิ์ และนายณัฐวุฒิ นุชนาท รวม 3 ราย ที่ยังคงถูกกักตัวอยู่
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับนายสุเมธ นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้เตรียมดำเนินคดีในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ คสช.ฉบับที่ 7/2557 เรื่อง ห้ามชุมนุมทางการเมือง ณ ที่ใดๆ ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ตาม พ.ร.บ.กฎอัยการศึก มาตรา 8 และ 11 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยจะคุมตัวส่งศาลทหาร เพื่อพิจารณาคดีต่อไป
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวจากพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่า ที่ผ่านมา มีเพียง นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และนายภิญโญภาพ บำรุงธรรม เพียง 2 รายเท่านั้น ที่ถูกคุมตัวขึ้นพิจารณาคดีที่ศาลทหารในข้อหาปลุกปั่นยั่วยุประชาชนให้รวมตัวกันประท้วงก่อเหตุวุ่นวาย ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนการนำสืบพยานหลักฐาน โดยยังไม่มีการปล่อยตัวแต่อย่างใด
***หนุ่มวินจยย.ลองของแจกใบปลิว
ตร.ทุ่งมหาเมฆ ร่วมกับทหารเชิญตัวนายดำริห์ รินวงษ์ อาชีพขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างมาสอบถาม หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าพบนายดำริห์แจกใบปลิวที่มีข้อความปลุกระดมต่อต้านรัฐประหาร โดยสามารถควบคุมตัวนายดำริห์ได้ที่ซอยสวนพลู 8 ขณะกำลังแจกเอกสารให้ประชาชนที่เดินผ่านไปมา
พ.ต.ท.ศยาม อินทร์สุวรรณโณ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งมหาเมฆ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากประชาชนว่านายดำริห์นำใบปลิวที่มีข้อความปลุกระดมต้านรัฐประหารแจกให้ผู้โดยสาร และประชาชนตามแยกไฟแดง จึงนำเจ้าหน้าที่ไปเชิญตัวมาสอบปากคำ เบื้องต้นให้การยอมรับว่าแจกใบปลิวจริงเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร เจ้าหน้าที่จึงได้ตักเตือนและลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานก่อนปล่อยตัวกลับไป โดยหากพบว่ายังฝ่าฝืนกระทำอีก จะนำตัวส่งไปให้ คสช.ควบคุมตัว 7 วัน