xs
xsm
sm
md
lg

ดีเก่งกล้าโรจน์

เผยแพร่:   โดย: ไพรัตน์ แย้มโกสุม

ช่วงนี้สังคมกำลังพูดถึงคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีที่ดีเป็นอย่างไร ประมาณว่าความคิดเห็นส่วนใหญ่จะไปทางสามต้อง คือ ต้องดี ต้องเก่ง ต้องกล้า ผมขอต่อเติมอีกหนึ่งคือ ต้องโรจน์เลยกลายเป็นสี่ต้อง

“ดี-เก่ง-กล้า-โรจน์” คือสี่องค์คุณของนายกรัฐมนตรี

ไม่เพียงแต่นายกรัฐมนตรีหรอก สี่องค์คุณนี้ยังนำไปใช้ได้กับตำแหน่งนายกฯ ต่างๆ บรรดามีหัวหน้าหน่วยงานต่างๆ แม้กระทั่งโรงเรียน วิทยาลัย มหาวิทยาลัย ฯลฯ

โดยเฉพาะ “ตัวเอง” ดีที่สุด จะทำให้เป็นตัวของตัวเอง พึ่งตัวเองได้ “ตนแลเป็นที่พึ่งของตน”

“ดีเก่งกล้าโรจน์” คือภาวะผู้นำที่จะนำตนเองและสังคมประเทศชาติไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง และสันติสุข

หนึ่ง-ดี หากจะหาคำตอบว่าดีคืออะไร คงไม่มีวันจบ ถ้าดูที่การกระทำหรือกรรมอย่างนี้จบได้ “คนจะดีหรือชั่วอยู่ที่ตัวทำ”

กรรม คือการกระทำด้วยเจตนา ทั้งทางกาย วาจา และใจมี 2 อย่าง

1. อกุศลกรรม คือกรรมชั่ว เป็นการกระทำที่ไม่ดี ไม่ฉลาด ไม่เกิดจากปัญญา ทำให้เสื่อมเสียคุณภาพชีวิต เช่น โลภ โกรธ หลง

2. กุศลกรรม คือกรรมดี เป็นการกระทำที่ดี ฉลาด เกิดจากปัญญา ส่งเสริมคุณภาพชีวิตจิตใจ เช่น ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง

ที่กล่าวมาดูพื้นๆ แต่ลึกซึ้งและซาบซึ้งนะ ปฏิบัติได้วิเศษ ดูคนขี้โกงและโกงทั้งโคตร รวมทั้งขี้ข้าและสมุนรับใช้เพราะกรรมชั่วแท้ๆ บ้านเมืองจึงฉิบหายสุดวิกฤต ทหารจึงประกาศกฎอัยการศึก (20 พ.ค. 2557) เพื่อหยุดกรรมชั่วของนักการเมืองโกงเหล่านั้น

การทำกุศลกรรม หรือการทำความดีทำได้หลายอย่าง เช่น เว้นฆ่าสัตว์ เว้นลักขโมย เว้นประพฤติผิดในกาม เว้นพูดเท็จ เว้นพูดส่อเสียด เว้นคำพูดหยาบ เว้นพูดเพ้อเจ้อ ไม่คิดเพ่งเล็งอยากได้ของเขา ไม่คิดร้ายผู้อื่น มีความเห็นชอบถูกต้องตามคลองธรรม ฯลฯ

พุทธคุณเก้าตอนหนึ่ง ประทับใจมากคือ วิชฺชา จรณ สมฺปนฺโน เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชา (ความรู้) และจรณะ (ความประพฤติ) เป็นเอกลักษณ์ของคนดีได้อย่างงดงาม

ต้องมีเครื่องมือวัดคนดีคนชั่ว คือ “องค์กรตรวจสอบอิสระ” ที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพเชื่อถือได้ คนดีหรือของแท้ ไม่กลัวการตรวจสอบ ส่วนคนชั่ว หรือของปลอมจะกลัวการตรวจสอบที่สุด ปานผีกลัวแสงสว่าง

สอง-เก่ง คนเก่งมองเห็นง่าย เพราะตรงกันข้ามกับคนโง่ ผู้นำไม่ว่าระดับไหน ถ้าได้คนโง่เป็นหัวหน้าแล้ว สิ่งที่ตามมาก็คือ “ของโหล” ที่ด้อยคุณภาพ และมีความอับอายขายหน้าเป็นของชำร่วยที่ไม่มีใครอยากได้ (นอกจากพันธุ์โง่เหมือนกัน)

ผู้นำหรือหัวหน้าที่เก่ง ย่อมรู้ทันลูกน้อง ถ้าโง่ไม่รู้ทัน ก็จะถูกลูกน้องหลอกต้มตุ๋นหรือตีกินเอาง่ายๆ

สาม-กล้า ถ้ามีผู้นำดีผู้นำเก่ง แต่ขาดความกล้าที่จะทำสิ่งถูกต้องดีงาม ไม่กล้าที่จะต่อต้านคนชั่วคนโกง คนคอร์รัปชันก็ไม่มีประโยชน์อะไร คนดีคนเก่งจึงมีค่าเท่ากับคนชั่วคนโกง

บางครั้งผู้นำแม้จะไม่ค่อยดีค่อยเก่ง แต่มีความกล้าหาญชาญชัยเด็ดขาด ก็สามารถแก้ปัญหาเน่าๆ ของประเทศชาติได้ เช่น...

จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีคนที่ 11 ของไทยที่ทำรัฐประหาร ปราบคนชั่วคนพาลครองเมืองในยุคนั้นจนสำเร็จ

นักวิชาการและนักการเมืองส่วนหนึ่งชอบประณามรัฐประหาร หาว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ประชาธิปไตยที่เขาอ้างสร้างความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมืองอย่างไรนั้น เขาเลี่ยงที่จะกล่าวถึง เขาจะตอกย้ำอยู่กับวลีเก่าๆ ที่ว่า “ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง และการเลือกตั้งคือประชาธิปไตย” เท่านั้น การทุจริตเลือกตั้งอย่างไรไม่สน

การรัฐประหาร ถ้าสามารถแก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้อย่างจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็น่ายกย่องและสนับสนุน

ความชั่วบางสายพันธุ์ กฎหมายปกติธรรมดาตามมันไม่ทันหรอก ดี ไม่ดีตกเป็นเหยื่อของมันเข้าไปอีก เงินร้อยล้านพันล้าน อาจจะยังไม่สามารถง้างเหล็กให้งอได้ หากเจอใหม่เป็นหมื่นล้านแสนล้านเหล็กที่เคยโคตรแข็ง อาจจะอ่อนปวกเปียกก็ได้ มีใครคอนเฟิร์มรึเปล่า?

คนกล้าทำความดีความถูกต้องอย่างมีอุดมการณ์ จึงเป็นองค์คุณที่สำคัญยิ่ง แต่จะเป็นจริงได้จะต้องมีฐานอำนาจที่แข็งแกร่ง ที่ผู้กล้าผู้นำสามารถสั่งการได้

สี่-โรจน์ องค์คุณข้อนี้หมายถึง เจริญรุ่งเรือง สว่าง สุกใส อาจจะเป็น “ผล” จาก “เหตุ” (ดี-เก่ง-กล้า) หรือเป็น “หนึ่งองค์คุณเฉพาะ” ก็ได้ แล้วแต่จะคิดกัน

ความเจริญรุ่งเรืองแบบสว่างสุกใส หากใช้เป็นแบบปัจจุบันก็คือ “โปร่งใส” ทำอะไรให้โปร่งใส ผลก็จะโปร่งใส

ผู้รักธรรม คือผู้เจริญ

ผู้ชังธรรม คือผู้เสื่อม

ผู้เจริญ มักทำในที่แจ้ง หรือโปร่งใส

ผู้เสื่อม มักทำในที่มืด หรือมัวๆ มั่วๆ ไม่ชัดเจน ตามสไตล์ของผู้ไม่ชอบแสงสว่าง

ประโยชน์อย่างยิ่ง ประโยชน์หรือผลที่มุ่งหมาย ก็มีประโยชน์ปัจจุบัน หรือประโยชน์ในโลกนี้เป็นประโยชน์ขั้นต้น

ประโยชน์ลำดับที่สอง เป็นประโยชน์เบื้องหน้า หรือประโยชน์ในภพหน้า เป็นประโยชน์ขั้นสูงขึ้นไป

ประโยชน์ลำดับที่สาม เป็นประโยชน์สูงสุก หรือจุดหมายสูงสุดคือ พระนิพพาน

การทำประโยชน์ทุกลำดับขั้น ไม่ว่าโลกนี้ โลกหน้า หรือพระนิพพาน ก็มีต่างๆ นานาตามความคิดของตน และสังคมที่ดำรงอยู่ มีข้อสังเกตที่นิยมกันของคนดีมีอุดมการณ์ทั้งหลาย ท่านมักยึดหลัก “ประโยชน์ส่วนรวมเป็นลำดับต้น ประโยชน์ส่วนตนเป็นลำดับรอง” ช่วยลดการเห็นแก่ตัวน้อยลงได้เป็นอย่างดี

อยู่กับความจริง ความจริงมี 2 อย่างคือ จริงโดยสมมติ คือความจริงที่ขึ้นต่อการยอมรับของคน ตามข้อตกลงกันไว้ของชาวโลก เช่น คน สัตว์ โต๊ะ หนังสือ เป็นต้น

กับความจริงโดยปรมัตถ์ คือความจริงที่อยู่ในธรรมชาติ โดยไม่ขึ้นต่อการยอมรับของคน หรือความจริงตามความหมายขั้นสุดท้ายที่ตรงตามสภาวะ และเท่าที่จะกล่าวถึงได้ เช่น รูป นาม เวทนา จิต เจตสิก เป็น
ต้น

สมมติสัจจะกับปรมัตถสัจจะ จึงเป็นสองด้านของชีวิต จะคิด จะพูด จะทำ ต้องคำนึงถึงสองด้านเสมอ รู้ทันตามทันสองด้านเป็นนิจ ชีวิตจึงจะสงบเย็น

ทุกสิ่งเบิกบาน ความจริงทุกสิ่งก็เบิกบานอยู่แล้ว ที่ไม่เบิกบานเพราะเราสร้างสิ่งสมมติขึ้นมามากมาย จนบดบังสิ่งเบิกบานไม่ให้เปล่งรัศมีหรือฉายแสงได้เต็มที่

ดอกไม้ ก่อนจะผลิบานและเบิกบาน ให้สรรพสิ่งได้ชื่นชม ก็เจริญงอกงามมาจากศูนย์กลางซึ่งอยู่ภายใน ต่างจากรถยนต์กว่าจะเป็นรถยนต์คันหรูของคุณหนู ก็ต้องผ่านการต่อเติมเสริมแต่งจากภายนอก ตรงไหนชำรุดก็ซ่อมแซมได้ เปลี่ยนได้

ระหว่างดอกไม้กับรถยนต์ มันต่างกันตรงที่ถิ่นกำเนิด สิ่งหนึ่งมาจากภายใน สิ่งหนึ่งมาจากภายนอกมันมีคุณค่า มีจิตวิญญาณ และความลี้ลับ อันยากจะเข้าใจ นอกเสียจาก “จิตลุจิต” หรือ “ใจถึงใจ”

...ดีเก่งกล้าโรจน์

ประโยชน์อย่างยิ่ง

อยู่กับความจริง

ทุกสิ่งเบิกบาน...

การแก้ปัญหาระดับสมมติสัจจะ ไม่ได้ยากอะไรเลย ไม่ต่างอะไรกับการซ่อมรถ เจ้าของอู่หรือเด็กประจำอู่ก็ซ่อมได้ แต่การแก้ปัญหาระดับปรมัตถสัจจะนี่ซิ “ดี-เก่ง-กล้า” ขนาดไหน ก็ยากจะเข้าใจและแก้ไข เพราะคนส่วนมากต่างก็อยากดูใจ จึงหาใจกับวุ่น และก็ไม่เคยพบสักที เพราะ “ใจไม่มี” รูปลักษณ์ให้สัมผัสจับต้องได้อย่างวัตถุภายนอก

การแก้ปัญหา-หานายกฯ คนใหม่ เถียงกันไม่รู้จบ ปล่อยไว้นานจะเสียหายแก่ชาติบ้านเมือง ทหารโดยการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เลยทำรัฐประหารเมื่อเวลา 16.30 น. วันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม 2557

คุณสมบัติของนายกรัฐมนตรีก็เหมือนเดิม คือ “ดี-เก่ง-กล้า-โรจน์” ที่มีฐานอำนาจมั่นคงและเกรียงไกร รัฐบาลใหม่จึงจะทำงานไปได้ด้วยดีมีคุณภาพ “นี่เป็นเพียงความคิดเห็นของประชาชน จริงๆ แล้ว แล้วแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)”

โลกแห่งความคิด ก็วุ่นวายอย่างนี้แหละ คนเราส่วนมากจึงนอนไม่หลับ (ยานอนหลับเลยขายดี กินยามากไตก็วายอีก)

อยากนอนหลับสบาย ฟังทางนี้

ก่อนคุณเข้านอนให้ทำสิ่งนี้ นอนบนเตียงแล้วหลับตาลง นึกถึงกระดานดำ ซึ่งดำที่สุดเท่าที่คุณจินตนาการได้ จากนั้นให้นึกภาพในใจถึงเลข 3 บนกระดานดำนั้นสามครั้ง

ก่อนอื่นให้นึกภาพเลข 3 บนนั้นก่อน แล้วลบออก นึกภาพแบบเดิมแล้วลบออกอีก นึกภาพเก่าแล้วลบอีกครั้ง

เสร็จแล้วให้นึกภาพเลข 2 สามครั้ง แล้วลบออกแบบเดิม เลข 1 สามครั้ง เลข 0 สามครั้ง

เมื่อมาถึงเลข 0 ครั้งที่สาม คุณจะรู้สึกสงบยาวนานอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

สักวันหนึ่ง คุณจะเริ่มเข้าสู่สภาวะที่สงบเต็มที่ ประหนึ่งว่าการดำรงอยู่ทั้งมวลหายไปในฉับพลัน และไม่มีอะไรอยู่เลย นั่นเป็นช่วงสำคัญที่แวบผ่านเข้ามา

ดังนั้น ในระหว่างที่คุณเข้านอนตอนกลางคืน ให้ทำกระบวนการง่ายๆ นี้ แค่ทำตอนนอนบนเตียง แต่จำไว้ว่าต้องทำให้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์ เพราะกระบวนการนั้นทำให้เกิดความสงบอย่างยิ่งเป็นขั้นตอนง่ายๆ ที่ต้องใช้เวลาไม่เกิน 2 หรือ 3 นาทีเป็นอย่างมาก แต่คุณอาจหลับไปก่อนทำจนจบ พยายามปฏิบัติทุกขั้นตอนให้เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์อย่าเพิ่งหลับ เลข 0 ครั้งที่สามต้องมาก่อน แล้วอย่าทำไปอย่างเร่งรีบ ทำไปช้าๆ ด้วยความรัก

ช้าๆ...รักๆ

ช้าๆ...รักๆ

ช้าๆ...รักๆ

ราตรีสวัสดิ์ ครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น