xs
xsm
sm
md
lg

ปุจฉา - วิสัชนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ถอดจิตออกจากกายเนื้อ
ถอดจิตออกจากกายเนื้อ

ปุจฉา : กราบนมัสการหลวงปู่ที่เคารพ

1. ทำอย่างไรจึงจะสามารถค้นหาตัวเองที่แท้ๆ ให้พบด้วยการใช้ปัญญา เพราะเป็นผู้ด้อยหรือไม่มีปัญญา (บางเรื่องรู้ผิดชอบชั่วดี แต่ฝืนทำ) แต่มีความจริงใจและจริงจังที่จะทำต่ออุดมการณ์ที่ได้ตัดสินใจ

2. ท่านเมตตาสอนเรื่องพลังจิตเกิดขึ้นได้จากความสงบสันติ สมดุลแห่งอารมณ์ สมดุลแห่งจิต สามารถถ่ายทอดสู่กันได้ทั้งผู้รับและผู้ส่งในการฝึกสติ เจริญสมาธิ ในความเงียบสงบ และมีสติเป็นตัวรู้ในสภาวะต่างๆ ที่ได้ฝึกปฏิบัติที่ผ่านมาหลายปี จะแน่ใจหรือรู้ได้อย่างไรว่า กระแสจิตที่ส่งไปถึงผู้รับนั้น กระแสจิตที่ส่งเป็นคลื่นออกไปมีพลังเพียงพอ และผู้รับได้รับรู้ว่าเป็นเรา

3. วิปัสสนากับการฝึกสติ ควบคุมสมาธิให้เกิดปัญญาเห็นกฎแห่งไตรลักษณ์ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป กราบเรียนถามว่า ในการฝึกเช่นนี้ และในความสงบ ไล่จากญาณ 1 2 3 และ 4 ก็ไม่สามารถถอดจิตออกจากกายเนื้อได้ ขอความเมตตาชี้แนะคำตอบในข้อนี้ด้วย

วิสัชนา :

1. การจะมีปัญญารู้เท่าทันธรรมชาติที่มีอยู่ในตนเอง เริ่มแรกต้องฝึกสติ มีสติมั่นคง เพราะสติเป็นเครื่องตั้งแห่งปัญญา พร้อมทั้งต้องประกอบไปด้วยศรัทธา ศรัทธาเป็นเครื่องปรุงใจให้ชุ่มฉ่ำ

2. เป็นธรรมชาติของปุถุชน ที่มักจะเล็งผลเลิศในการกระทำเสมอ โดยไม่ค่อยสนใจถึงวิถีของการกระทำนั้นๆ คุณลองหันกลับมาให้ความสำคัญ สนใจ ใส่ใจ อย่างจริงจัง แล้วคุณจะทราบคำตอบด้วยตัวคุณเอง ซึ่งดีกว่าจะให้ผู้อื่นเขาช่วยตอบให้ และถึงเขาตอบคุณ คุณรู้ความ มันยิ่งมิใช่ความรู้ของคุณอยู่ดี

3. วิปัสสนา แปลว่า อุบายที่ทำให้เกิดปัญญา สติ หมายถึง การเฝ้าดูสิ่งที่ปรากฏขึ้น สมาธิ หมายถึง ความตั้งมั่นของอารมณ์ การเข้าฌาณ 1-4 จัดเป็นกระบวนการของสมาธิ การที่คุณจะสามารถถอดจิตออกจากกายเนื้อได้ คุณต้องเข้าฌาณ 1-4 แล้วถอยกลับมาอยู่ที่ฌาณ 1 พร้อมกับตั้งคำอธิฐานว่า จะถอดจิตออกจากร่าง แล้วจึงเข้าฌาณที่ 2-4 พอถึงฌาณ 4 จิตของคุณก็จะออกจากร่างเองแหละ


ความสืบเนื่องของตัวตน

ปุจฉา : กราบเรียนหลวงปู่ครับ

1. ผมจำได้ว่า หลวงปู่บอกว่าเซลล์แต่ละเซลล์ในร่างกายคนเรานั้น เกิดดับอยู่ทุกขณะ ดังนั้น ตัวเราที่เป็นไปในทุกขณะก็มีความเกิดดับอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ความเป็นตัวตนจึงเป็นสิ่งที่ไม่จริง แต่คนไปยึดมั่นว่านั้นคือตัวเรา แต่สิ่งที่สืบเนื่องนี้กลับมีความจำได้หมายรู้บันทึกเอาไว้ เราเรียกความสืบเนื่องนี้ว่าอย่างไรครับ

2. ถ้ามีร่างกาย ความสืบเนื่องนี้ก็ยังอยู่ แต่ถ้าไม่มีร่างกายแล้ว(คือตาย) ความสืบเนื่องก็น่าจะยังอยู่อีกเช่นกันในกรณีที่ยังมีความยึดถือตัวตนอยู่ แต่ถ้าผู้ที่สลัดคืนความถือมั่นตัวตนได้แล้ว ความสืบเนื่องเช่นนี้ เช่น การจำได้หมายรู้ จะยังมีอยู่หรือไม่ คือมีแต่รู้ว่ามันไม่ใช่ตัวเราของเรา หรือว่ามันหายไปเลย ไม่มีสืบต่อไปอีก

วิสัชนา :

1. สันตติ คือความสืบเนื่อง

2. นอกจากร่างกายแล้ว ผลของกรรมเป็นเหตุให้เกิดความสืบเนื่องได้ด้วย เช่น การกระทำในภพชาติปัจจุบัน เป็นเหตุให้ส่งผลสืบเนื่องไปในอนาคตด้วย ผู้ที่หลุดพ้นจากความยึดมั่นถือมั่นแล้ว ย่อมตัดเหตุปัจจัยของความสืบเนื่องได้เด็ดขาดหมดสิ้น

ความจำได้หมายรู้เรียกว่าสัญญา ดับได้ด้วยนิพพาน


ขอวิธีสร้างความกล้า

ปุจฉา : อยากเรียนถามหลวงปู่ว่า การจะสร้างความกล้าให้กับตนเองควรทำอย่างไร เพราะรู้สึกว่า เราเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความกล้าหาญในการตัดสินใจ หรือกระทำการใดๆ เนื่องเพราะเกรงกลัวสายตาและคำตำหนิจากผู้อื่น ทั้งที่บางครั้งเราค่อนข้างแน่ใจว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ เลยไม่ได้แสดงออกไป

วิสัชนา :

หัดทำอะไรด้วยใจ ตั้งใจ เต็มใจ จริงใจ แม้เรื่องเล็กๆน้อยๆ เมื่องานนั้นๆสำเร็จ คุณก็จะรู้สึกภาคภูมิยินดีในใจ ความภาคภูมิยินดี เมื่อเกิดขึ้นแก่คุณบ่อยๆ คุณก็จะเชื่อมั่นตัวคุณเองมากขึ้น

อีกวิธีหนึ่ง คือ การฝึกสติ อาจจะฝึกการรับรู้ลมหายใจ ที่เข้าและออกภายในกายคุณก็ได้ หรือไม่ก็จะมีสติรู้ว่า คุณกำลังทำอะไรอยู่ เช่น ยืนก็รู้ว่ายืนอยู่ เดินก็รู้ว่าเดินอยู่ นั่งก็รู้ว่านั่งอยู่ นอนก็รู้ว่านอนอยู่ รู้ให้ชัดเช่นนี้ ก็เป็นการฝึกให้เกิดความมั่นใจได้เหมือนกัน


(จาก นิตยสารธรรมลีลา ฉบับที่ 162 มิถุนายน 2557 โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม)
ความสืบเนื่องของตัวตน
ขอวิธีสร้างความกล้า
กำลังโหลดความคิดเห็น