มวลชนนาม กปปส.ซึ่งนำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์อีก 8 คนได้ออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งเป็นนายกฯ นอมินีคนที่ 3 ของระบอบทักษิณ และทั้ง 3 นอมินีจบลงด้วยคำสั่งของศาลเนื่องจากมีพฤติกรรมทำผิดกฎหมายเหมือนกันแต่ต่างกันในลักษณะของความผิด ดังนั้นจึงพูดได้ว่าจุดจบทางการเมืองของ 3 นอมินีแห่งระบอบทักษิณต่างกันในแง่ของเหตุ แต่เหมือนกันในแง่ของผลคือ สิ้นสภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคำสั่งของศาล ซึ่งเป็นหนึ่งในสามขององค์ประกอบหลักในระบอบประชาธิปไตย
ถึงแม้ว่า 3 นอมินีจบลงตามคำสั่งของศาลเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลตามมาต่างกัน สรุปได้ดังนี้
1. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 1 จบลงด้วยคำพิพากษาของศาลในข้อหาเป็นลูกจ้างเอกชน และได้รับผลตอบแทนจากการทำรายการชิมไป บ่นไป ยกโขยงหกโมงเช้า
สภาผู้แทนฯ ได้ประชุมคัดเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีความวุ่นวายทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้น
2. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 2 จบลงด้วยคำพิพากษาของศาล เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนคนที่หนึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และศาลได้พิพากษาให้ยุบพรรค และให้กรรมการบริหารพรรคทุกคน รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ด้วย ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี จึงมีผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องสิ้นสุดลงด้วย และสภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมกันคัดเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี มวลชนคนเสื้อแดงในนาม นปช.ซึ่งนำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และเพื่อนร่วมการต่อสู้อีกหลายคนได้ชุมนุมก่อกวนและได้ก่อความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนายถึงขั้นเรียกได้ว่าก่อการร้าย
ในที่สุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2554
จากผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะได้เสียงข้างมากในสภาฯ และได้คัดเลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีสถานภาพเป็นน้องสาวของอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 3
ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศได้มีเหตุการณ์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ และประชาชนโดยรวม และเหตุการณ์ที่ว่านี้มีทั้งที่เป็นภัยธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ ที่เกิดจากภัยธรรมชาติครั้งสำคัญ และเป็นที่จดจำและโจษขานกันไปอีกนานเห็นจะได้แก่
1. น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งไม่เคยท่วมเช่นนี้มาก่อน และน้ำท่วมในครั้งนี้ได้ทำความเสียหายแก่บ้านเรือน และพื้นที่ทำการเกษตรอย่างกว้างขวางชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น ดอนเมืองซึ่งเป็นที่สูง เป็นต้น
2. แผ่นดินไหวซึ่งมีความรุนแรงวัดความสั่นสะเทือนได้ 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งไม่เคยมีความรุนแรงในระดับนี้มาก่อน และมีจุดศูนย์กลางอยู่ในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนและวัดวาอารามหลายแห่ง
ภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงและก่อความเสียหายในระดับนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่คนที่มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และโชคลางว่าทั้ง 2 เหตุการณ์นี้เป็นผลของการที่ประเทศมีผู้นำที่ขาดจริยธรรม จึงทำให้ธรรมชาติลงโทษ
อีกประการหนึ่ง ถ้าเชื่อในเรื่องผู้นำขาดจริยธรรม ก็จะนำไปเชื่อมโยงกับการเกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองท่องเที่ยวทางด้านฝั่งทะเลไทยคือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ในยุคของรัฐบาลทักษิณ และก่อความเสียหายครั้งมโหฬารเป็นจำนวนมาก และหวาดกลัวจนกระทั่งบัดนี้
ดังนั้นความเชื่อของคนโบราณถึงแม้จะไม่มีเหตุผลวัดได้ในแง่ของวิทยาศาสตร์ แต่ในทางจิตวิทยามีผลค่อนข้างมาก
นอกจากภัยธรรมชาติแล้ว ประเทศไทยภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ มีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นมากมาย และหลากหลายรูปแบบมีทั้งที่เกิดจากพฤติกรรมอันเป็นปัจเจกของบุคคล ที่มีโอกาสโกงกิน และมีทั้งพฤติกรรมในระดับองค์กรที่ผู้นำองค์กรใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ เช่น โครงการจำนำข้าวที่ทำกันเป็นทีม และรั่วไหลทุกขั้นตอนตั้งแต่โกงจำนวนที่นำมาจำนำไปจนถึงการระบายข้าวก่อความเสียหายแก่ประเทศหลายแสนล้านบาท
นอกจากแสวงหาประโยชน์อันเป็นวัตถุแล้ว ยังมีการใช้อำนาจทางการเมืองกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่ผู้คนในประเทศส่วนหนึ่ง และน่าจะเป็นส่วนใหญ่ของประเทศรับไม่ได้ เช่น การเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างความผิดให้คนโกง คนเผาบ้านเผาเมือง และคนฆ่าเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง รวมไปถึงการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง เพื่อเปิดทางไปสู่การได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง และการได้มาซึ่งผลประโยชน์ในทางธุรกิจอันได้แก่ การเสนอแก้ที่มาของ ส.ว.และการทำสัญญากับต่างประเทศก็ไม่ต้องนำมาผ่านสภาฯ ตามมาตรา 190
ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ประชาชนกลุ่มหนึ่งในนาม กปปส.ได้ลุกฮือขึ้นชุมนุมประท้วงและขับไล่รัฐบาลในระบอบทักษิณ และเมื่อเวลาผ่านไปได้มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นและมากขึ้น จึงเป็นเหตุกดดันให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และประกาศจะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
แต่ปรากฏว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ล้มเหลว และเป็นโมฆะตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การเมืองที่จะเดินไปบนเส้นทางเลือกตั้งถึงทางตัน และมีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีอีก 9 คนต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีในกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ขัดต่อรัฐธรรมนูญและต่อมา ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ในกรณีของการรับจำนำข้าว และส่งให้ ส.ว.ถอดถอน
จากผลของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และการชี้มูลของ ป.ป.ช.ทำให้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรี และมีเพียงรัฐบาลที่มีความพิการทางการเมืองอยู่ในภาวะเรียกได้ว่าเป็นภาวะไร้ผู้นำ จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายรักษาความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารจะต้องแสดงบทบาทปกป้องประเทศ และประชาชนให้พ้นจากความหายนะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยรับลูกจากศาลซึ่งได้ทำหน้าที่ไปแล้วก่อนหน้านี้
ถึงแม้ว่า 3 นอมินีจบลงตามคำสั่งของศาลเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลตามมาต่างกัน สรุปได้ดังนี้
1. นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 1 จบลงด้วยคำพิพากษาของศาลในข้อหาเป็นลูกจ้างเอกชน และได้รับผลตอบแทนจากการทำรายการชิมไป บ่นไป ยกโขยงหกโมงเช้า
สภาผู้แทนฯ ได้ประชุมคัดเลือกนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของอดีตนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และไม่มีความวุ่นวายทางการเมืองใดๆ เกิดขึ้น
2. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 2 จบลงด้วยคำพิพากษาของศาล เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชนคนที่หนึ่งทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง และศาลได้พิพากษาให้ยุบพรรค และให้กรรมการบริหารพรรคทุกคน รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ด้วย ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี จึงมีผลให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ต้องสิ้นสุดลงด้วย และสภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมกันคัดเลือกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี
แต่หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี มวลชนคนเสื้อแดงในนาม นปช.ซึ่งนำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และเพื่อนร่วมการต่อสู้อีกหลายคนได้ชุมนุมก่อกวนและได้ก่อความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง ทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บและเสียชีวิตหลายนายถึงขั้นเรียกได้ว่าก่อการร้าย
ในที่สุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ประกาศยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2554
จากผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น พรรคเพื่อไทยได้รับชัยชนะได้เสียงข้างมากในสภาฯ และได้คัดเลือกนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งมีสถานภาพเป็นน้องสาวของอดีตนายกฯ ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีนอมินีคนที่ 3
ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศได้มีเหตุการณ์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ และประชาชนโดยรวม และเหตุการณ์ที่ว่านี้มีทั้งที่เป็นภัยธรรมชาติ และการกระทำของมนุษย์ ที่เกิดจากภัยธรรมชาติครั้งสำคัญ และเป็นที่จดจำและโจษขานกันไปอีกนานเห็นจะได้แก่
1. น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด รวมทั้งกรุงเทพฯ ซึ่งไม่เคยท่วมเช่นนี้มาก่อน และน้ำท่วมในครั้งนี้ได้ทำความเสียหายแก่บ้านเรือน และพื้นที่ทำการเกษตรอย่างกว้างขวางชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เช่น ดอนเมืองซึ่งเป็นที่สูง เป็นต้น
2. แผ่นดินไหวซึ่งมีความรุนแรงวัดความสั่นสะเทือนได้ 6.3 ริกเตอร์ ซึ่งไม่เคยมีความรุนแรงในระดับนี้มาก่อน และมีจุดศูนย์กลางอยู่ในอำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ก่อความเสียหายแก่บ้านเรือนและวัดวาอารามหลายแห่ง
ภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงและก่อความเสียหายในระดับนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จึงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในหมู่คนที่มีความเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ และโชคลางว่าทั้ง 2 เหตุการณ์นี้เป็นผลของการที่ประเทศมีผู้นำที่ขาดจริยธรรม จึงทำให้ธรรมชาติลงโทษ
อีกประการหนึ่ง ถ้าเชื่อในเรื่องผู้นำขาดจริยธรรม ก็จะนำไปเชื่อมโยงกับการเกิดคลื่นยักษ์ถล่มเมืองท่องเที่ยวทางด้านฝั่งทะเลไทยคือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ในยุคของรัฐบาลทักษิณ และก่อความเสียหายครั้งมโหฬารเป็นจำนวนมาก และหวาดกลัวจนกระทั่งบัดนี้
ดังนั้นความเชื่อของคนโบราณถึงแม้จะไม่มีเหตุผลวัดได้ในแง่ของวิทยาศาสตร์ แต่ในทางจิตวิทยามีผลค่อนข้างมาก
นอกจากภัยธรรมชาติแล้ว ประเทศไทยภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ มีปัญหาทุจริตเกิดขึ้นมากมาย และหลากหลายรูปแบบมีทั้งที่เกิดจากพฤติกรรมอันเป็นปัจเจกของบุคคล ที่มีโอกาสโกงกิน และมีทั้งพฤติกรรมในระดับองค์กรที่ผู้นำองค์กรใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ เช่น โครงการจำนำข้าวที่ทำกันเป็นทีม และรั่วไหลทุกขั้นตอนตั้งแต่โกงจำนวนที่นำมาจำนำไปจนถึงการระบายข้าวก่อความเสียหายแก่ประเทศหลายแสนล้านบาท
นอกจากแสวงหาประโยชน์อันเป็นวัตถุแล้ว ยังมีการใช้อำนาจทางการเมืองกระทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้องที่ผู้คนในประเทศส่วนหนึ่ง และน่าจะเป็นส่วนใหญ่ของประเทศรับไม่ได้ เช่น การเสนอออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างความผิดให้คนโกง คนเผาบ้านเผาเมือง และคนฆ่าเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง รวมไปถึงการแก้กฎหมายเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง เพื่อเปิดทางไปสู่การได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง และการได้มาซึ่งผลประโยชน์ในทางธุรกิจอันได้แก่ การเสนอแก้ที่มาของ ส.ว.และการทำสัญญากับต่างประเทศก็ไม่ต้องนำมาผ่านสภาฯ ตามมาตรา 190
ในที่สุดเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2556 ประชาชนกลุ่มหนึ่งในนาม กปปส.ได้ลุกฮือขึ้นชุมนุมประท้วงและขับไล่รัฐบาลในระบอบทักษิณ และเมื่อเวลาผ่านไปได้มีประชาชนเข้าร่วมชุมนุมมากขึ้นและมากขึ้น จึงเป็นเหตุกดดันให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ประกาศยุบสภาเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 และประกาศจะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557
แต่ปรากฏว่าการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ล้มเหลว และเป็นโมฆะตามคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การเมืองที่จะเดินไปบนเส้นทางเลือกตั้งถึงทางตัน และมีแนวโน้มว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายยิ่งขึ้นเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีอีก 9 คนต้องพ้นสภาพความเป็นรัฐมนตรีในกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ขัดต่อรัฐธรรมนูญและต่อมา ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดของนางสาวยิ่งลักษณ์ในกรณีของการรับจำนำข้าว และส่งให้ ส.ว.ถอดถอน
จากผลของการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ และการชี้มูลของ ป.ป.ช.ทำให้ประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรี และมีเพียงรัฐบาลที่มีความพิการทางการเมืองอยู่ในภาวะเรียกได้ว่าเป็นภาวะไร้ผู้นำ จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายรักษาความมั่นคงโดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารจะต้องแสดงบทบาทปกป้องประเทศ และประชาชนให้พ้นจากความหายนะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยรับลูกจากศาลซึ่งได้ทำหน้าที่ไปแล้วก่อนหน้านี้
