xs
xsm
sm
md
lg

ตอบคำถามยอดฮิตติดสงสัยในน้ำมันมะพร้าว (ตอนที่ 3)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

คำถามที่ 21: บางคนทำไมกินน้ำมันมะพร้าวแล้วอ้วนขึ้น?
คำตอบที่ 21 :
คนส่วนใหญ่ที่กินน้ำมันมะพร้าวแล้วจะให้พลังงานการเผาผลาญแก่ตับอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง จึงทำให้อิ่มง่าย เมื่อบริโภคก่อนอาหารสัก 1 ชั่วโมง จะมีความรู้สึกอยากอาหารน้อยลง และถ้างดแป้งและน้ำตาลร่วมด้วยแล้วรับรองว่าน้ำหนักจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ดังนั้นคนที่อ้วนขึ้นก็มี 2 สาเหตุสำคัญ

ประการที่หนึ่ง รีบดื่มน้ำมันมะพร้าวแล้วตามด้วยอาหารทันทีโดยความคุ้นชินในปริมาณที่เคยบริโภค หรือบางคนดื่มน้ำมันมะพร้าวหลังอาหารที่เราอิ่มแล้ว จึงทำให้รับปริมาณแคลอรี่ในอาหารมากเกินความต้องการดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงควรบริโภคน้ำมันมะพร้าวก่อนอาหารสัก 1 ชั่วโมง

ประการที่สอง บางคงมีความอิ่มแล้วแต่ยังฝืนกินเพราะเคยบริโภคอาหารในปริมาณที่ตัวเองตัก จึงทำให้ได้รับปริมาณเกินความต้องการ ดังนั้นจึงควรต้องลดปริมาณอาหารลงด้วยตามความรู้สึกที่แท้จริง อย่ากินอาหารด้วยความคุ้นชินในปริมาณที่เคยบริโภค

ข้อสำคัญเทคนิกการบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพื่อให้ผอมลงอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องควบคู่ไปกับการลด/งด แป้งและน้ำตาลด้วย

คำถามที่ 22 : น้ำมันมะพร้าวกินเพื่อป้องกันโรคสมองเสื่อม หรือฟื้นฟูผู้ป่วยสมองเสื่อม ได้อย่างไร? และจะต้องกินปริมาณเท่าไหร่?
คำตอบที่ 22 :
แนะนำให้ดื่มในปริมาณ 7 ช้อนชา (ประมาณ 34.5 ซีซี) ก่อนมื้ออาหารแต่ละมื้อ โดยให้ดื่มก่อนมื้ออาหารทั้ง 3 มื้อ และจะให้ดีก็ควรงดแป้งและน้ำตาลไปด้วย จะทำให้ได้สารคีโตนจากน้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารชั้นเลิศไปเลี้ยงเซลล์สมองได้ โดยไม่ต้องพึ่งอินซูลิน

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ที่มีอาการดังกล่าวและต้องการดื่มน้ำมันมะพร้าว จะต้องดูปริมาณที่ตัวเองรับได้ด้วย เช่น ต้องไม่ทำให้ถ่ายท้องมากเกินกว่าที่ตัวเองจะรับได้ ดังนั้นจึงสามารถปรับปริมาณให้เริ่มจากน้อยๆ ไต่ระดับไปปริมาณมากขึ้นตามความสามารถของร่างกายที่จะรับได้

คำถามที่ 23 : เป็นไข้หวัดกินน้ำมันมะพร้าวได้หรือไม่? และกินอย่างไร?
คำตอบที่ 23 :
มีงานวิจัยหลายชิ้นระบุถึงคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวว่า มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อก่อโรค ซึ่งรวมถึง ไวรัส แบคทีเรีย ยีสต์ เชื้อรา โปรโตซัว อีกทั้งยังมีงานวิจัยระบุด้วยว่าน้ำมันมะพร้าวจะมีความสามารถในการกระตุ้นภูมิต้านทานให้ดีและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้นจะสังเกตได้ว่าคนที่ดื่มน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำทุกวัน และทำออยล์พูลลิ่งสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จะมีความน่าประหลาดใจว่าแทบจะไม่เป็นหวัดเลย และหากเป็นหวัดก็จะหายได้เร็วมากโดยไม่ต้องพึ่งยาเคมีใดๆเลย ดังนั้นคนที่เป็นไข้หวัดบ่อยจึงควรจะดื่มน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ

คำถามที่ 24 : น้ำมันมะพร้าวช่วยเรื่องโรคผิวหนัง และโรคสะเก็ดเงินได้หรือไม่ และทำอย่างไร?
คำตอบที่ 24 :
โรคสะเก็ดเงินนั้นมีหลายสาเหตุ เช่น ความเครียด, การเสียดสีบ่อยครั้ง, การติดเชื้อ, เกิดภาวะลำไส้รั่วจากการมีปริมาณยีสต์บางชนิดในลำไส้มากเกินไป แต่ที่เป็นสะเก็ดเงินมากในยุคนี้เพราะเดิมอาจะเป็นผื่นธรรมดา แต่ต่อมาใช้ยาครีมทาผิวที่ผสมสเตียรอยด์เป็นประจำ ทำให้ผิวบางและเส้นเลือดยืดตัวขยายตัวออกทำให้เม็ดเลือดขาวหลุดรอดมา กลายเป็นโรคยอดฮิตเพราะเป็นสะเก็ดเงินอันเนื่องมาจากใช้ยาสเตียรอยด์เป็นประจำ

ในการรักษาสะเก็ดเงินนั้น จึงใช้หลักการคือแก้ไขที่ต้นเหตุ ลดปริมาณยีสต์ในลำไส้ให้ลดลงด้วยการดื่มน้ำมันมะพร้าวที่มีฤทธิ์ฆ่ายีสต์ชนิดนี้ด้วย พร้อมๆกับการงดแป้งและน้ำตาลขาดเพื่อไม่ให้ยีสต์เจริญเติบโตขึ้น เพิ่มปริมาณแบคทีเรียชนิดดีด้วยการกินผักใบเขียวและผลไม้(ห้ามหวาน)ให้มากขึ้น จากนั้นก็ให้หมักด้วยการทาน้ำเอนไซม์ทุกเช้าเย็นครั้งละ 1 ชั่วโมงเพื่อให้เนื้อเยื่อที่ตายแล้วทยอยถูกย่อยสลายหลุดลอกออก หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำแล้วทาผิวบริเวณที่เป็นด้วยน้ำมันมะพร้าว พร้อมๆกับการนวดให้กล้ามเนื้อคลายตัวและทำให้เส้นเลือดที่ยืดตัวออกจนเม็ดเลือดขาวรั่วหดตัวลง ทำได้อย่างนี้จะเห็นผลดีได้อย่างชัดเจนภายในระยะเวลา 1 เดือน ข้อสำคัญเป็นโรคนี้อย่าเกาให้ผิวหนังเสียหายและลุกลามทำให้เครียดหนักขึ้น เมื่อเครียดมาขึ้นผื่นก็จะขยายตัวมากขึ้น ดังนั้นให้ใช้การทาด้วยน้ำมันมะพร้าวแล้วนวดเป็นหลักจะดีกว่า

คำถามที่ 25 : น้ำมันมะพร้าวจะช่วย ผู้ป่วยมะเร็ง ได้หรือไม่ และทำอย่างไรบ้าง?
คำตอบที่ 25 :
จากงานวิจัยพบว่าบทบาทของน้ำมันมะพร้าวคือเป็นน้ำมันที่ไม่ได้ทำให้มะเร็งเติบโตขึ้น เมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่นๆ (แม้แต่น้ำมันมะกอก) แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมากจะมีอัตราการเผาผลาญที่ต่ำลง ความสามารถในการสังเคราะห์ฮอร์โมน น้ำดี เยื่อหุ้มเซลล์ และฉนวนหุ้มปลายประสาทก็จะลดลงด้วย ดังนั้นน้ำมันมะพร้าวจะเพิ่มความสามารถในการเผาผลาญให้สูงขึ้น

ประการต่อมามีงานวิจัยพบอีกด้วยว่าน้ำมันมะพร้าวมีส่วนสำคัญในการเพิ่มปริมาณเม็ดเลือดขาวให้มากขึ้น ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งแล้วสูญเสียเม็ดเลือดขาวและอ่อนแอลงจากการฉายแสงและคีโมบำบัด ก็ควรจะดื่มน้ำมันมะพร้าวด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เป็นที่น่ายินดียิ่งกว่านั้นมีงานวิจัยของมหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์พบว่า การนวดไทยมีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกายสำหรับผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการคีโมบำบัดด้วย ดังนั้นหากใช้การนวดที่ผสมผสานกับน้ำมันก็จะทำให้กล้ามเนื้อมีการผ่อนคลายและฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น

คำถามที่ 26 : น้ำมันมะพร้าวช่วยลดเชื้อ HIV ได้หรือไม่ และบริโภคอย่างไร?
คำตอบที่ 26 :
นายแพทย์เดริท Conrado S. Dayrit ชาวฟิลิปปินส์ ได้สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างชาวอินเดียที่ติดเชื้อไวรัส HIV จำนวน 14 ราย ที่ไม่สามารถเข้าถึงการบำบัดจากแพทย์แผนปัจจุบัน โดยให้บริโภคน้ำมันมะพร้าวติดต่อกัน 6 เดือนพบว่า มีผู้ป่วยมีไวรัส HIV จำนวนลดลง 9 ราย และเพิ่มขึ้น 5 ราย โดยไม่ได้รับการรักษาแนวทางอื่นเลย โดยปริมาณที่ดื่มคือประมาณ 15 ซีซีต่อมื้อ และดื่มก่อนอาหารทั้ง 3 มื้อ

คำถามที่ 27 : น้ำมันมะพร้าวฆ่าทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ โปรโตซัว แล้วมันจะไปฆ่าแบคทีเรียชนิดดีในร่างกายหรือไม่ แล้วเราควรจะทำอย่างไร?
คำตอบที่ 27:
โมโนลอรินน้ำมันมะพร้าวไม่ได้ฆ่าแบคทีเรียชนิดดี โดย JJ. Kabara และคณะในหัวข้อ “The Anti-Carogenic Activity of a Food-Grade Lipid Lauricidin”ระบุว่า: “โมโนลอรินที่ได้จากกรดลอริกในน้ำมันมะพร้าวไม่ได้มีผลต่อปริมาณแลคโตบัลซิลลัส” จุดนี้เองจึงเป็นความโดดเด่นของน้ำมันมะพร้าวที่ดีกว่ายาปฏิชีวนะในยุคปัจจุบัน

คำถามที่ 28: น้ำมันมะพร้าวจะช่วยลดความดันโลหิตสูงได้หรือไม่ อย่างไร?
คำตอบที่ 28 :
ความดันโลหิตสูงมีหลายสาเหตุมาก เช่น เครียด การบริโภคที่ไม่ถูกต้องทำให้หลอดเลือดอักเสบหรือตีบตัน เลือดมีความข้นสูง แต่ที่เป็นกันมากโดยส่วนใหญ่เพราะเราอ้วนมากเกินไปจึงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดด้วยแรงดันสูงเพื่อนำเลือดไปเลี้ยงพื้นที่ที่อ้วน ดังนั้นเมื่อดื่มน้ำมันมะพร้าวแล้วทำให้อัตราการเผาผลาญสูงขึ้น ร่างกายจะผอมลง (โดยเฉพาะถ้างดแป้งและน้ำตาลร่วมด้วย)หัวใจก็จะทำงานน้อยลงในการสูบฉีดร่างกายเพื่อเลี้ยงเซลล์ในพื้นที่ร่างกายที่ลดน้อยลง และเพิ่ม HDL (ไขมันตัวดี) ก็จะกวาดเอา LDL ไปส่งที่ตับเพื่อสังเคราะห์ เป็นน้ำดี ฮอร์โมน เยื่อหุ้มเซลล์ ฉนวนหุ้มประสาท ได้มากขึ้น ความดันจึงสามารถลดลงได้ด้วยเหตุนี้

คำถามที่ 29 : คนตั้งครรภ์ดื่มน้ำมันมะพร้าวได้หรือไม่ เด็กดื่มน้ำมันมะพร้าวได้หรือไม่?
คำตอบที่ 29 :
คนตั้งครรภ์ดื่มได้ เด็กก็ดื่มได้เช่นกัน (ในปริมาณที่น้อยกว่าผู้ใหญ่) เพราะช่วยเรื่องการเพิ่มภูมิต้านทาน น้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันที่มีโมเลกุลสั้นมากเมื่อเทียบกับไขมันชนิดอื่น จึงย่อยใช้เป็นพลังงานได้ง่าย ในสมัยก่อนชาวยุโรปและอเมริกาใช้น้ำมันมะพร้าวในการเลี้ยงทารกที่ย่อยไขมันได้ยาก

คำถามที่ 30 : น้ำมันมะพร้าว กับน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าวอะไรดีกว่ากัน
คำตอบที่ 30 :
น้ำมันทุกชนิดมีจุดเด่นและข้อดีในตัวมันเองคนละแบบ เช่น น้ำมันมะกอกมีกรดโอเลอิกซึ่งมีประโยชน์กับหลอดเลือด รวมถึงน้ำมันรำข้าวก็มีสารแกรมม่าโอรีซานอล (Oryzanol) ซึ่งสามารถต้านอนุมูลอิสระได้สูงเช่นกัน แต่ทั้งหมดต้องดื่มแบบสกัดเย็นเท่านั้น ไม่สามารถโดนความร้อนสูงได้ เพราะน้ำมันเหล่านี้เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเมื่อโดนความร้อนสูงจึงทำให้เกิดกลายเป็นไขมันทรานส์ที่เป็นโทษต่อร่างกายได้ อีกทั้งน้ำมันมะกอกและน้ำมันมะรำข้าวต่างก็เป็นเป็นกรดไขมันสายยาวซึ่งดูดซึมเป็นพลังงานแก่ตับได้ไม่เท่าน้ำมันมะพร้าว ในขณะที่น้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันอิ่มตัว และตัวมันเองก็มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะผ่านความร้อนหรือไม่ก็ตาม และองค์ประกอบของน้ำมันมะพร้าวส่วนใหญ่ก็เป็นกรดไขมันสายปานกลางที่ดูดซึมเป็นพลังงานแก่ตับได้ดีกว่าน้ำมันรำข้าวและน้ำมันมะกอก ดังนั้นถ้าพิจารณาความเป็นกรดไขมันสายปานกลางและผลดีต่อสุขภาพเมื่อโดนความร้อนแล้ว น้ำมันมะพร้าวจึงย่อมดีกว่าน้ำมันมะกอกและน้ำมันรำข้าว


กำลังโหลดความคิดเห็น