ทั้งสองฝ่ายอ้างแต่ประชาธิปไตยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ลอยๆ โดยพวกเขาเข้าใจว่า “กฎหมายรัฐธรรมนูญคือระบอบประชาธิปไตย” จะเห็นได้จากวาทกรรม นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ “ดิฉันขอตายคาสนามประชาธิปไตย” “สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย” “ตำรวจบ้านปกป้องประชาธิปไตย” “กองกำลังปกป้องประชาธิปไตย” เหล่านี้ ทั้ง นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ล้วนเป็นบุคคลองค์กรที่เห็นผิดอย่างร้ายแรงในเรื่องระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น แท้จริงพวกเขากำลังปกป้องระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ เพื่อให้การเมืองยังคงเป็นการเมืองของนักการเมือง และยังให้ประชาชนตกเป็นทาสทางการเมืองต่อไปให้ยาวนานที่สุด
กับระบอบประชาธิปไตย ที่เสนอ โชว์ แสดง ให้เห็นว่า ว่านี่ คือระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงอันเป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปวงชนแตกต่างหลากหลายก้าวหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกันคือ หลักการปกครองโดยธรรม “หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9” ของจริง ของแท้ ที่ไม่โกหกจอมปลอมเรื่องระบอบประชาธิปไตย ไม่ทำร้ายประชาชน
องค์ความรู้เรื่องระบอบ จำเป็นมากๆ ที่จะต้องพูด เสนอกันบ่อยๆ เพราะนักการไม่รู้เรื่องระบอบกันเลย จึงได้เสนอไว้ในลักษณะต่างๆ ดังนี้
ระบอบ คืออะไร ระบอบคือหลักการปกครองโดยธรรม ซึ่งเป็นแก่นแท้ของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหลักธรรมอื่นที่ไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง
ระบอบ คือศูนย์กลางหรือเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดภายในชาติ
ระบอบ คือเอกภาพของปวงชน
ระบอบ คือกฎหมายความมั่นคงสูงสุดแห่งชาติ (Supreme Law)
ระบอบ คือหลักการปกครองโดยธรรม เป็นสิ่งที่เกิดก่อนวิธีการปกครองหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ระบอบ คือเหตุของกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายใดๆ ทั้งปวง
ระบอบ คือหลักนิติธรรมแห่งชาติ (Rule of Law)
ระบอบ คือเหตุแห่งความเป็นธรรมของปวงชนโดยไม่แบ่งชนชั้น
ระบอบ ในเชิงอุปมาดวงอาทิตย์ ย่อมเป็นเอกภาพของระบบสุริยจักรวาล นิวเครียส ย่อมเป็นเอกภาพของเซลล์ทั้งปวง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ วัดพระแก้ว ฯลฯ ย่อมเป็นเอกภาพของวิธีการไปวัดพระแก้ว และผู้คนผู้เดินทางไปวัดพระแก้วอันแตกต่างหลากหลาย
ระบอบโดยธรรมคือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้เอาชนะระบอบเผด็จการทุกชนิด
คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เจริญรอยตามพระเจ้าแผ่นดิน รักระบอบประชาธิปไตย คือคนที่ต้องเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
รูปการปกครอง ระบบรัฐสภา (Parliamentary System)
การขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง ใช้วิธีการสรรหาและวิธีการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งแบบเผด็จการ เมื่อระบอบเป็นเผด็จการ การเลือกตั้งใดๆ ก็เป็นเผด็จการ
ระบอบหรือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 มีองค์ประกอบ ดังนี้
พี่น้องเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายโปรดทราบ ขอให้มีปัญญารู้ว่า ระบอบเผด็จการทุกชนิด ไม่สามารถเปิดเผยหลักการปกครองได้ พวกเขาจงใจเพื่อทำให้บ้านเมืองนี้ปั่นป่วน ทั้งนี้จุดสูงสุดก็คือการทำลายรากฐานของชาติ คือทำลายสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นเอง
ท่านทั้งหลาย พิจารณาเถิด นับแต่การเปลี่ยนการปกครองโดยคณะรัฐประหาร (คณะราษฎร) ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ถึงปัจจุบันมันเป็นกระบวนการวิวัฒนาการของระบอบเผด็จการทั้งสิ้น สลับสับเปลี่ยนกัน 2 ลักษณะ คือ
1. ระบอบเผด็จการคณะรัฐประหาร โดยใช้ธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราวเป็นวิธีการการปกครอง
2. ระบอบเผด็จการโดยเลือกตั้ง (ซื้อเสียงเข้ามา) โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร เป็นวิธีการปกครองกดขี่ ปล้นชาติ
ระบอบเผด็จการทั้งสองขั้วนี้ได้ครอบงำประเทศไทย มันได้ครอบงำประชาชนไทยนับแต่ผู้นำสูงสุดซึ่งไม่ได้เฉลียวใจ นักวิชาการที่ศรัทธาคณะราษฎรโดยขาดการฉุกคิด ต่างก็เข้าใจว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่ามันล้มเหลวมาตลอด ล้มเหลวอย่างซ้ำซากผ่านมากว่า 81 ปีที่ผ่านมา มีรัฐธรรมนูญมากถึง 18 ฉบับ จนบ้านเมืองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังมีหน้าพูดหลอกๆ พูดบิดเบือนประจานความโง่ของตนๆ ออกมา ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย “เห็นกงจักร เป็นดอกบัว”
แค่คิดง่ายๆ เราจะเข้าถึงสิ่งใด สิ่งนั้นต้องมีอยู่ก่อน หากไม่มีวัดพระแก้ว เราทั้งหลายจะเข้าได้เหรอจุดหมายต้องมาก่อน เกิดก่อนวิธีการเข้าถึงเสมอไป
แต่แนวคิดจัญไร .....เอาวิธีการ (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) มาก่อน 81 ปีแล้วก็มีคนเชื่อตามมากมาย ตามแรงโฆษณาชวนเชื่อ (โดยไม่ได้ยั้งคิด ฉุกคิดกันแม้แต่น้อยเชื่อตามโดยไม่ต้องคิดอะไร)
มีข้อถกเถียงทางวิชาการฝ่ายประชาชนปฏิวัติประชาธิปไตยว่า ฝ่ายหนึ่งบอกว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา อีกฝ่ายกล่าวอย่างสัจธรรมว่า “มันคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ”อย่างไหนคือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง อย่างไหน อะไร คือเงาของเหตุวิกฤตชาติ เพื่อจะได้เล็งเป้าให้ถูกต้อง
นี่คือเหตุผลทางปัญญาที่แท้จริงมันเป็นเผด็จการ.....อะไร มันเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือเผด็จการทักษิณ หรือเผด็จการรัฐธรรมนูญ ละท่านทั้งหลาย
นับแต่คณะรัฐประหาร คณะแรก 24 มิถุนายน 2475 แล้วสร้างธรรมนูญการปกครอง ซึ่งเป็น “ความมุ่งมาดปรารถนาอันสูงสุดของคณะราษฎร” (แต่ตั้ง “คณะราษฎร” เพื่อหลอกประชาชน) น่าจะเรียกว่าคณะข้าราชการมากกว่ารายชื่อคณะผู้ก่อการเต็มไปด้วยข้าราชการนักเรียนนอก)ธรรมนูญการปกครอง เป็นกฎหมายเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของคณะราษฎรนั่นเอง
กฎหมายไม่ใช่ระบอบ (ไม่ใช่หลักการปกครอง) แต่เป็นวิธีการปกครอง เพราะคณะราษฎร หรือคณะรัฐประหาร เริ่มต้นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ ด้วยธรรมนูญการปกครองมันจึงผิดเรื่อยมา นับแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับมันผิดซ้ำซาก กลายเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญที่คนทั่วไปมองไม่เห็น รู้ได้ยาก (ต้องเห็นด้วยปัญญา) ซึ่งเป็นเหตุแห่งความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไร-หายนะต่อชาติและประชาชนยาวนานกว่า 81 ปีแล้วมันเป็นบ่อแห่งความเลวร้าย กล่าวโดยดังนี้
- เป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งทางการเมือง
- เป็นบ่อเกิดแห่งการทำลายล้างระหว่างผู้ปกครองกันเอง
- เป็นบ่อเกิดแห่งการคอร์รัปชันที่มากขึ้นๆ จากร้อยบาท เป็นแสนล้านในปัจจุบัน
- เป็นบ่อเกิดของการสร้างการเมืองผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
- เป็นบ่อเกิดของการอ้างผู้ปกครองว่านี่คือ ระบอบประชาธิปไตย
- เป็นบ่อเกิดที่ทำให้ประชาชนตกเป็นทาสทางการเมืองอันยาวนานที่สุด
- เป็นบ่อเกิดของความเห็นผิดและหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอันยาวนานที่สุด
- เป็นกระบวนการ “เอากระดุมเม็ดที่สอง มาใส่ในรางดุมเม็ดแรก” หรือเป็น “กระบวนการเอาลูกมาก่อนพ่อแม่” หรือ “เอากายเป็นนาย” หรือ “เอาหัวเดินต่างเท้า” หรือนำเอาวิธีการมาก่อนจุดหมายหรือเป้าหมาย
- เป็นลักษณที่มีแต่ดาวเคราะห์เพียงด้านเดียว มันจึงตั้งอยู่ ดำรงอยู่ไม่ได้
- เป็นบ่อเกิด “ระบอบเผด็จการรัฐสภา” “พวกมาก ลากไป พาไปพินาศ”
- เป็นบ่อเกิด “ระบอบเผด็จการทักษิณ”
ส่วนเผด็จการรัฐสภา, ระบอบทักษิณ คือผล หรือเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ (ที่เห็นได้ด้วยตา)
แนวทางใหม่ สมมติ รัฐประหารอีกครั้งแล้วสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก็จะกลายเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยธรรม ที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก เพราะเจริญทั้งทางจิตใจและทางการเมือง การปกครองกลายเป็นเหตุแห่งความดีของชาติ ระบอบดี รัฐบาลดี กระทรวงดี กรมดี ฯลฯ แผ่ความดีออกไปสู่ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด พิจารณาอย่างแยบคายเถิด ผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย นี่คือแนวการเมืองฝ่ายราชอาณาจักร
กับระบอบประชาธิปไตย ที่เสนอ โชว์ แสดง ให้เห็นว่า ว่านี่ คือระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงอันเป็นหนึ่งเดียวกับอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ปวงชนแตกต่างหลากหลายก้าวหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกันคือ หลักการปกครองโดยธรรม “หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9” ของจริง ของแท้ ที่ไม่โกหกจอมปลอมเรื่องระบอบประชาธิปไตย ไม่ทำร้ายประชาชน
องค์ความรู้เรื่องระบอบ จำเป็นมากๆ ที่จะต้องพูด เสนอกันบ่อยๆ เพราะนักการไม่รู้เรื่องระบอบกันเลย จึงได้เสนอไว้ในลักษณะต่างๆ ดังนี้
ระบอบ คืออะไร ระบอบคือหลักการปกครองโดยธรรม ซึ่งเป็นแก่นแท้ของชาติ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และหลักธรรมอื่นที่ไม่ตาย ไม่เปลี่ยนแปลง
ระบอบ คือศูนย์กลางหรือเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมดภายในชาติ
ระบอบ คือเอกภาพของปวงชน
ระบอบ คือกฎหมายความมั่นคงสูงสุดแห่งชาติ (Supreme Law)
ระบอบ คือหลักการปกครองโดยธรรม เป็นสิ่งที่เกิดก่อนวิธีการปกครองหรือกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ระบอบ คือเหตุของกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายใดๆ ทั้งปวง
ระบอบ คือหลักนิติธรรมแห่งชาติ (Rule of Law)
ระบอบ คือเหตุแห่งความเป็นธรรมของปวงชนโดยไม่แบ่งชนชั้น
ระบอบ ในเชิงอุปมาดวงอาทิตย์ ย่อมเป็นเอกภาพของระบบสุริยจักรวาล นิวเครียส ย่อมเป็นเอกภาพของเซลล์ทั้งปวง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพของปวงชนในชาติ วัดพระแก้ว ฯลฯ ย่อมเป็นเอกภาพของวิธีการไปวัดพระแก้ว และผู้คนผู้เดินทางไปวัดพระแก้วอันแตกต่างหลากหลาย
ระบอบโดยธรรมคือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นยุทธศาสตร์และยุทธวิธีในการต่อสู้เอาชนะระบอบเผด็จการทุกชนิด
คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เจริญรอยตามพระเจ้าแผ่นดิน รักระบอบประชาธิปไตย คือคนที่ต้องเชิดชูหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
รูปการปกครอง ระบบรัฐสภา (Parliamentary System)
การขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง ใช้วิธีการสรรหาและวิธีการเลือกตั้ง แต่เป็นการเลือกตั้งแบบเผด็จการ เมื่อระบอบเป็นเผด็จการ การเลือกตั้งใดๆ ก็เป็นเผด็จการ
ระบอบหรือหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 มีองค์ประกอบ ดังนี้
พี่น้องเพื่อนร่วมชาติทั้งหลายโปรดทราบ ขอให้มีปัญญารู้ว่า ระบอบเผด็จการทุกชนิด ไม่สามารถเปิดเผยหลักการปกครองได้ พวกเขาจงใจเพื่อทำให้บ้านเมืองนี้ปั่นป่วน ทั้งนี้จุดสูงสุดก็คือการทำลายรากฐานของชาติ คือทำลายสถาบันหลักของชาติ คือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นั่นเอง
ท่านทั้งหลาย พิจารณาเถิด นับแต่การเปลี่ยนการปกครองโดยคณะรัฐประหาร (คณะราษฎร) ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ถึงปัจจุบันมันเป็นกระบวนการวิวัฒนาการของระบอบเผด็จการทั้งสิ้น สลับสับเปลี่ยนกัน 2 ลักษณะ คือ
1. ระบอบเผด็จการคณะรัฐประหาร โดยใช้ธรรมนูญการปกครองฉบับชั่วคราวเป็นวิธีการการปกครอง
2. ระบอบเผด็จการโดยเลือกตั้ง (ซื้อเสียงเข้ามา) โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวร เป็นวิธีการปกครองกดขี่ ปล้นชาติ
ระบอบเผด็จการทั้งสองขั้วนี้ได้ครอบงำประเทศไทย มันได้ครอบงำประชาชนไทยนับแต่ผู้นำสูงสุดซึ่งไม่ได้เฉลียวใจ นักวิชาการที่ศรัทธาคณะราษฎรโดยขาดการฉุกคิด ต่างก็เข้าใจว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย แต่ปรากฏว่ามันล้มเหลวมาตลอด ล้มเหลวอย่างซ้ำซากผ่านมากว่า 81 ปีที่ผ่านมา มีรัฐธรรมนูญมากถึง 18 ฉบับ จนบ้านเมืองแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็ยังมีหน้าพูดหลอกๆ พูดบิดเบือนประจานความโง่ของตนๆ ออกมา ว่าเป็นระบอบประชาธิปไตย “เห็นกงจักร เป็นดอกบัว”
แค่คิดง่ายๆ เราจะเข้าถึงสิ่งใด สิ่งนั้นต้องมีอยู่ก่อน หากไม่มีวัดพระแก้ว เราทั้งหลายจะเข้าได้เหรอจุดหมายต้องมาก่อน เกิดก่อนวิธีการเข้าถึงเสมอไป
แต่แนวคิดจัญไร .....เอาวิธีการ (กฎหมายรัฐธรรมนูญ) มาก่อน 81 ปีแล้วก็มีคนเชื่อตามมากมาย ตามแรงโฆษณาชวนเชื่อ (โดยไม่ได้ยั้งคิด ฉุกคิดกันแม้แต่น้อยเชื่อตามโดยไม่ต้องคิดอะไร)
มีข้อถกเถียงทางวิชาการฝ่ายประชาชนปฏิวัติประชาธิปไตยว่า ฝ่ายหนึ่งบอกว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา อีกฝ่ายกล่าวอย่างสัจธรรมว่า “มันคือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ”อย่างไหนคือเหตุวิกฤตชาติที่แท้จริง อย่างไหน อะไร คือเงาของเหตุวิกฤตชาติ เพื่อจะได้เล็งเป้าให้ถูกต้อง
นี่คือเหตุผลทางปัญญาที่แท้จริงมันเป็นเผด็จการ.....อะไร มันเป็นเผด็จการรัฐสภา หรือเผด็จการทักษิณ หรือเผด็จการรัฐธรรมนูญ ละท่านทั้งหลาย
นับแต่คณะรัฐประหาร คณะแรก 24 มิถุนายน 2475 แล้วสร้างธรรมนูญการปกครอง ซึ่งเป็น “ความมุ่งมาดปรารถนาอันสูงสุดของคณะราษฎร” (แต่ตั้ง “คณะราษฎร” เพื่อหลอกประชาชน) น่าจะเรียกว่าคณะข้าราชการมากกว่ารายชื่อคณะผู้ก่อการเต็มไปด้วยข้าราชการนักเรียนนอก)ธรรมนูญการปกครอง เป็นกฎหมายเป็นเครื่องมือรักษาอำนาจของคณะราษฎรนั่นเอง
กฎหมายไม่ใช่ระบอบ (ไม่ใช่หลักการปกครอง) แต่เป็นวิธีการปกครอง เพราะคณะราษฎร หรือคณะรัฐประหาร เริ่มต้นผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ ด้วยธรรมนูญการปกครองมันจึงผิดเรื่อยมา นับแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญ ฉบับมันผิดซ้ำซาก กลายเป็นเผด็จการรัฐธรรมนูญที่คนทั่วไปมองไม่เห็น รู้ได้ยาก (ต้องเห็นด้วยปัญญา) ซึ่งเป็นเหตุแห่งความอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไร-หายนะต่อชาติและประชาชนยาวนานกว่า 81 ปีแล้วมันเป็นบ่อแห่งความเลวร้าย กล่าวโดยดังนี้
- เป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้งทางการเมือง
- เป็นบ่อเกิดแห่งการทำลายล้างระหว่างผู้ปกครองกันเอง
- เป็นบ่อเกิดแห่งการคอร์รัปชันที่มากขึ้นๆ จากร้อยบาท เป็นแสนล้านในปัจจุบัน
- เป็นบ่อเกิดของการสร้างการเมืองผิดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
- เป็นบ่อเกิดของการอ้างผู้ปกครองว่านี่คือ ระบอบประชาธิปไตย
- เป็นบ่อเกิดที่ทำให้ประชาชนตกเป็นทาสทางการเมืองอันยาวนานที่สุด
- เป็นบ่อเกิดของความเห็นผิดและหลอกลวงว่าเป็นระบอบประชาธิปไตยอันยาวนานที่สุด
- เป็นกระบวนการ “เอากระดุมเม็ดที่สอง มาใส่ในรางดุมเม็ดแรก” หรือเป็น “กระบวนการเอาลูกมาก่อนพ่อแม่” หรือ “เอากายเป็นนาย” หรือ “เอาหัวเดินต่างเท้า” หรือนำเอาวิธีการมาก่อนจุดหมายหรือเป้าหมาย
- เป็นลักษณที่มีแต่ดาวเคราะห์เพียงด้านเดียว มันจึงตั้งอยู่ ดำรงอยู่ไม่ได้
- เป็นบ่อเกิด “ระบอบเผด็จการรัฐสภา” “พวกมาก ลากไป พาไปพินาศ”
- เป็นบ่อเกิด “ระบอบเผด็จการทักษิณ”
ส่วนเผด็จการรัฐสภา, ระบอบทักษิณ คือผล หรือเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ (ที่เห็นได้ด้วยตา)
แนวทางใหม่ สมมติ รัฐประหารอีกครั้งแล้วสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 ก็จะกลายเป็นระบอบประชาธิปไตยโดยธรรม ที่ก้าวหน้าที่สุดในโลก เพราะเจริญทั้งทางจิตใจและทางการเมือง การปกครองกลายเป็นเหตุแห่งความดีของชาติ ระบอบดี รัฐบาลดี กระทรวงดี กรมดี ฯลฯ แผ่ความดีออกไปสู่ส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด พิจารณาอย่างแยบคายเถิด ผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทั้งหลาย นี่คือแนวการเมืองฝ่ายราชอาณาจักร