ขอให้อ่านกันอย่างปัญญาชน โค่นจริงคือโค่นเผด็จการรัฐธรรมนูญ คือโค่นระบอบนักการเมืองเลว ปล้นชาติ (ทุกพรรค)
โค่นหลอก คือโค่นระบอบทักษิณ คือโค่นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ เอามวลชนไปแก้ปัญหาปลายเหตุอย่าหลอกประชาชนไปโค่นฝ่ายตรงข้าม
โค่นหลอกคือโค่นระบอบเผด็จการรัฐสภา คือโค่นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
อย่าหลอกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไปโค่นราชอาณาจักร คือไปสนับสนุนเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง และเลือกผู้ว่าราชการจังหวัด การเลือกประมุขสูงสุดของจังหวัดคือการแบ่งแยกราชอาณาจักรตามหลักรัฐศาสตร์ และเป็นการมองปัญหาที่ปลายเหตุ
หากแกนนำใด มีปัญญามองเห็นเหตุวิกฤตชาติ ไม่หลอกประชาชนคือ ช่วยกันผลักดัน เสนอ อธิบาย การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) เท่านั้นคือแนวทางแห่งชัยชนะของปวงชน นอกนั้นหลอก เสี่ยงภัย เสียเวลา เสียทรัพย์ กระชับกระบอบเผด็จการให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น และทำลายราชอาณาจักรอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นระบอบเผด็จการของนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว มีนักการเมือง พรรคการเมืองเป็นศูนย์กลางของการปกครองเผด็จการ หรือนักการเมืองเป็นตัวระบอบ จึงเรียกว่าเผด็จการ เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย และคณะนักการเมืองไม่สามารถเป็นตัวระบอบได้ แต่ที่เป็นไปแล้ว 81 ปี มันจึงเป็นลักษณะสมบูรณาญาสิทธิโดยคณะ ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
พวกนักการเมือง พรรคการเมืองใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นเครื่องมือและเป็นวิธีการในการปกครองฯ และใช้รูปการปกครอง (Form of government) คือระบบรัฐสภา จึงเรียกว่า “ระบอบเผด็จการ (นักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว) รัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา” นี่คือความเป็นจริง สภาพที่เป็นอยู่จริงๆ ของระบอบเผด็จการยาวนานกว่า 81 ปีแล้ว ดังสัมพันธภาพ ดังนี้
ระบอบเผด็จการ โดยนักการเมืองจะสูญสิ้นไปอย่างง่ายดาย เมื่อสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เข้ามาแทนที่ นี่คือการตอบสนองของชาติ และปวงชนอย่างแท้จริง นี่คือแนวทางถูกต้องยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรไทย
หากปัญญาชนได้ล่วงรู้ความจริงว่า..แท้จริงประเทศไทยเป็นระบอบเผด็จการยาวนานกว่า 81 ปีแล้ว
เป็นระบอบเผด็จการอย่างไร?
ตอบได้ว่า ระบอบเผด็จการ คือระบอบการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม หรือไม่มีจุดหมายร่วมของปวงชน หรือไม่มีหลักเอกภาพของปวงชน หรือไม่มีหลักนิติธรรม หรือไม่มีกฎหมายความมั่นคงสูงสุดของปวงชน (ความมั่นคงแห่งรัฐเป็นกฎหมายสูงสุด) หรือไม่มีหลักสัญญาประชาคม (Social Contracts) แห่งชาติ ซ้อนกันอยู่ในหลายๆ มิติ ในหลายๆ ลักษณะดังกล่าวข้างต้น
ระบอบคืออะไร ระบอบคือ เอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด หรือเอกภาพของความแตกต่างหลากหลาย เช่น นิวเคลียส ย่อมเป็นเอกภาพของ โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน
ดวงอาทิตย์ ย่อมเอกภาพของดาวเคราะห์และดวงจันทร์ทั้งหลายและส่วนอื่นๆ
ชาติ หรือหลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน ย่อมเป็นเอกภาพและเป้าหมายของปวงชนในชาติอันแตกต่างหลากหลาย
ศาสนา ย่อมเป็นเอกภาพของศาสนิกชน อันแตกต่างหลากหลาย
พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพของพสกนิกร อันแตกต่างหลากหลาย
หลักเสรีภาพบริบูรณ์ ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักความเสมอภาคทางโอกาส ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
ความภราดรภาพ ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักดุลยภาพ ย่อมเป็นเอกภาพ ความมั่นคง ความสุขของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักการสำคัญทั้ง 8 เหล่านี้ ล้วนเป็นหลักการและเป้าหมายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์สังคม ที่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก เอื้ออาทร และมีความเป็นธรรม จึงได้ประมวลเป็นหลักนิติธรรมของปวงชน อันเป็นหลักการสำคัญข้อที่ 9 จึงเรียกว่า หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นบ่อเกิดคุณธรรมทั้งปวง ย่อมก่อให้เกิดสันติสุขแก่ผู้ที่รับรอง ยอมรับ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในการอยู่ร่วมกันในสังคมทุกระดับและที่สำคัญที่สุดคือใช้ร่วมกันในทางการเมือง นี่คือ การเมืองของฝ่ายประชาชนปฏิวัติ ทั้งทางความคิดและทางการเมือง เปลี่ยนการเมืองอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไรของนักการเมืองให้เป็นการเมืองโดยธรรมของปวงชน
ดังนั้น ชัยชนะของมวลมหาประชาชนจึงอยู่ตรงนี้ อันเป็นหลักแห่งความถูกต้องทั้งปวง อันเป็นเอกภาพ อันเป็นจุดหมายของปวงชนอย่างแท้จริง ส่วนการปฏิรูปการปกครอง เป็นเรื่องรอง และเป็นเรื่องที่เกิดหลังจากการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แล้วเท่านั้นจึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งกระบวนการ เพราะเหตุถูกต้อง ผลจึงถูกต้อง
หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือการเมืองของปวงพสกนิกร อย่าให้เขาหลอกไปสนับสนุนสาธารณรัฐ เช่น เลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เลือกตั้งผู้ว่าฯ
ประเทศไทย เป็นประเทศราชอาณาจักร ห้ามเอาแนวการเมืองการปกครองแบบสาธารณรัฐมาใช้ มาครอบงำประชาชนแล้วหลอกว่าเป็นประชาธิปไตย
หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นการเมืองแผ่นดินราชอาณาจักร
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ใช่ประมุขระบอบฯ ตามที่เขียนไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว : จะแบ่งแยกมิได้
ระบอบการปกครอง : หลักการปกครองปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นเอกภาพของชาติจึงเป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
รัฐธรรมนูญ : ขึ้นต่อและขยายความหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
รูปการปกครอง : ระบบรัฐสภา
ระบบเศรษฐกิจ : แบบพอเพียง แบบผสม และกระจายทุน
การขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง : สรรหาและเลือกตั้งแบบ One Man One Vote หนึ่งคน หนึ่งเสียง หนึ่งเขต มีผู้แทน 2 คน
ระบอบการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองถืออยู่ ยึดอยู่คือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ แต่โกหกหลอกลวงบิดเบือนกันอย่างโง่ๆ ว่า เป็นระบอบประชาธิปไตย แม้แต่นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ก็โง่เกินเปรียบที่พูดว่า “จะขออยู่ตายคาสนามประชาธิปไตย” แต่แท้ที่จริง นายกฯ ปู ตายคาสนามเผด็จการรัฐธรรมนูญ
พูดกันตรงๆ สุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลชนไปโค่นระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ สุเทพ มองไม่เห็น ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ที่สุเทพ ใช้มาทั้งชีวิตการเมือง เห็นแต่ระบอบทักษิณที่เป็นศัตรูคู่แข่ง
พรรคการเมืองเลว นักการเมืองเลวทั้งสองฝ่าย เพราะเห็นผิดอย่างร้ายแรง “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นระบอบเผด็จการสุดแสนชั่วว่า เป็นระบอบประชาธิปไตย”
กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกันกับหลักการปกครองโดยธรรม หลักการปกครองเป็นจุดหมาย เป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นวิธีการ เป็นเครื่องมือในการปกครอง เป็นส่วนที่อธิบายขยายความหลักการปกครองฯ
แต่ประเทศไทยกว่า 81 ปี ไม่เคยมีหลักการปกครองฯ มีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ดังนั้น จุดหมายของการปกครองจึงกลายเป็นนักการเมือง พรรครัฐบาลเพียงหยิบมือเดียว เป็นตัวระบอบของการปกครอง จึงเรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
เชื่อได้ว่าพวกเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะพวกเขาไม่รู้จักหลักการปกครองฯ หรือระบอบการเมืองโดยธรรม พวกเขารู้จัก หลง งมงาย อยู่กับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกหลอกมาแล้วกว่า 81 ปี ช่างโง่เขลาเบาปัญญาและงมงายยิ่งนัก
โค่นหลอก คือโค่นระบอบทักษิณ คือโค่นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ เอามวลชนไปแก้ปัญหาปลายเหตุอย่าหลอกประชาชนไปโค่นฝ่ายตรงข้าม
โค่นหลอกคือโค่นระบอบเผด็จการรัฐสภา คือโค่นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
อย่าหลอกคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไปโค่นราชอาณาจักร คือไปสนับสนุนเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง และเลือกผู้ว่าราชการจังหวัด การเลือกประมุขสูงสุดของจังหวัดคือการแบ่งแยกราชอาณาจักรตามหลักรัฐศาสตร์ และเป็นการมองปัญหาที่ปลายเหตุ
หากแกนนำใด มีปัญญามองเห็นเหตุวิกฤตชาติ ไม่หลอกประชาชนคือ ช่วยกันผลักดัน เสนอ อธิบาย การสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 (ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์) เท่านั้นคือแนวทางแห่งชัยชนะของปวงชน นอกนั้นหลอก เสี่ยงภัย เสียเวลา เสียทรัพย์ กระชับกระบอบเผด็จการให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น และทำลายราชอาณาจักรอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นระบอบเผด็จการของนักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว มีนักการเมือง พรรคการเมืองเป็นศูนย์กลางของการปกครองเผด็จการ หรือนักการเมืองเป็นตัวระบอบ จึงเรียกว่าเผด็จการ เพราะอำนาจอธิปไตยเป็นของคนส่วนน้อย และคณะนักการเมืองไม่สามารถเป็นตัวระบอบได้ แต่ที่เป็นไปแล้ว 81 ปี มันจึงเป็นลักษณะสมบูรณาญาสิทธิโดยคณะ ซึ่งเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงต่อชาติ
พวกนักการเมือง พรรคการเมืองใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นเครื่องมือและเป็นวิธีการในการปกครองฯ และใช้รูปการปกครอง (Form of government) คือระบบรัฐสภา จึงเรียกว่า “ระบอบเผด็จการ (นักการเมืองเพียงหยิบมือเดียว) รัฐธรรมนูญระบบรัฐสภา” นี่คือความเป็นจริง สภาพที่เป็นอยู่จริงๆ ของระบอบเผด็จการยาวนานกว่า 81 ปีแล้ว ดังสัมพันธภาพ ดังนี้
ระบอบเผด็จการ โดยนักการเมืองจะสูญสิ้นไปอย่างง่ายดาย เมื่อสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เข้ามาแทนที่ นี่คือการตอบสนองของชาติ และปวงชนอย่างแท้จริง นี่คือแนวทางถูกต้องยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรไทย
หากปัญญาชนได้ล่วงรู้ความจริงว่า..แท้จริงประเทศไทยเป็นระบอบเผด็จการยาวนานกว่า 81 ปีแล้ว
เป็นระบอบเผด็จการอย่างไร?
ตอบได้ว่า ระบอบเผด็จการ คือระบอบการเมืองที่ไม่มีหลักการปกครองโดยธรรม หรือไม่มีจุดหมายร่วมของปวงชน หรือไม่มีหลักเอกภาพของปวงชน หรือไม่มีหลักนิติธรรม หรือไม่มีกฎหมายความมั่นคงสูงสุดของปวงชน (ความมั่นคงแห่งรัฐเป็นกฎหมายสูงสุด) หรือไม่มีหลักสัญญาประชาคม (Social Contracts) แห่งชาติ ซ้อนกันอยู่ในหลายๆ มิติ ในหลายๆ ลักษณะดังกล่าวข้างต้น
ระบอบคืออะไร ระบอบคือ เอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด หรือเอกภาพของความแตกต่างหลากหลาย เช่น นิวเคลียส ย่อมเป็นเอกภาพของ โปรตอน นิวตรอน อิเล็กตรอน
ดวงอาทิตย์ ย่อมเอกภาพของดาวเคราะห์และดวงจันทร์ทั้งหลายและส่วนอื่นๆ
ชาติ หรือหลักอำนาจอธิปไตยของปวงชน ย่อมเป็นเอกภาพและเป้าหมายของปวงชนในชาติอันแตกต่างหลากหลาย
ศาสนา ย่อมเป็นเอกภาพของศาสนิกชน อันแตกต่างหลากหลาย
พระมหากษัตริย์ ย่อมเป็นเอกภาพของพสกนิกร อันแตกต่างหลากหลาย
หลักเสรีภาพบริบูรณ์ ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักความเสมอภาคทางโอกาส ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
ความภราดรภาพ ย่อมเป็นเอกภาพหรือเป้าหมายของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักดุลยภาพ ย่อมเป็นเอกภาพ ความมั่นคง ความสุขของมนุษย์อันแตกต่างหลากหลาย
หลักการสำคัญทั้ง 8 เหล่านี้ ล้วนเป็นหลักการและเป้าหมายของมนุษย์ ซึ่งเป็นสัตว์สังคม ที่จะต้องอยู่ร่วมกันด้วยความรัก เอื้ออาทร และมีความเป็นธรรม จึงได้ประมวลเป็นหลักนิติธรรมของปวงชน อันเป็นหลักการสำคัญข้อที่ 9 จึงเรียกว่า หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 อันเป็นบ่อเกิดคุณธรรมทั้งปวง ย่อมก่อให้เกิดสันติสุขแก่ผู้ที่รับรอง ยอมรับ และนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ในการอยู่ร่วมกันในสังคมทุกระดับและที่สำคัญที่สุดคือใช้ร่วมกันในทางการเมือง นี่คือ การเมืองของฝ่ายประชาชนปฏิวัติ ทั้งทางความคิดและทางการเมือง เปลี่ยนการเมืองอุบาทว์-อัปรีย์-จัญไรของนักการเมืองให้เป็นการเมืองโดยธรรมของปวงชน
ดังนั้น ชัยชนะของมวลมหาประชาชนจึงอยู่ตรงนี้ อันเป็นหลักแห่งความถูกต้องทั้งปวง อันเป็นเอกภาพ อันเป็นจุดหมายของปวงชนอย่างแท้จริง ส่วนการปฏิรูปการปกครอง เป็นเรื่องรอง และเป็นเรื่องที่เกิดหลังจากการสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 แล้วเท่านั้นจึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้องทั้งกระบวนการ เพราะเหตุถูกต้อง ผลจึงถูกต้อง
หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 คือการเมืองของปวงพสกนิกร อย่าให้เขาหลอกไปสนับสนุนสาธารณรัฐ เช่น เลือกนายกรัฐมนตรีโดยตรง เลือกตั้งผู้ว่าฯ
ประเทศไทย เป็นประเทศราชอาณาจักร ห้ามเอาแนวการเมืองการปกครองแบบสาธารณรัฐมาใช้ มาครอบงำประชาชนแล้วหลอกว่าเป็นประชาธิปไตย
หลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นการเมืองแผ่นดินราชอาณาจักร
มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแห่งรัฐ ไม่ใช่ประมุขระบอบฯ ตามที่เขียนไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ
ประเทศไทยเป็นรัฐเดี่ยว : จะแบ่งแยกมิได้
ระบอบการปกครอง : หลักการปกครองปกครองธรรมาธิปไตย 9 เป็นเอกภาพของชาติจึงเป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
รัฐธรรมนูญ : ขึ้นต่อและขยายความหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9
รูปการปกครอง : ระบบรัฐสภา
ระบบเศรษฐกิจ : แบบพอเพียง แบบผสม และกระจายทุน
การขึ้นสู่อำนาจทางการเมือง : สรรหาและเลือกตั้งแบบ One Man One Vote หนึ่งคน หนึ่งเสียง หนึ่งเขต มีผู้แทน 2 คน
ระบอบการเมืองที่ทุกพรรคการเมืองถืออยู่ ยึดอยู่คือระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ แต่โกหกหลอกลวงบิดเบือนกันอย่างโง่ๆ ว่า เป็นระบอบประชาธิปไตย แม้แต่นายกฯ ปู ยิ่งลักษณ์ ก็โง่เกินเปรียบที่พูดว่า “จะขออยู่ตายคาสนามประชาธิปไตย” แต่แท้ที่จริง นายกฯ ปู ตายคาสนามเผด็จการรัฐธรรมนูญ
พูดกันตรงๆ สุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลชนไปโค่นระบอบทักษิณ ซึ่งเป็นเงาของระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ สุเทพ มองไม่เห็น ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ ที่สุเทพ ใช้มาทั้งชีวิตการเมือง เห็นแต่ระบอบทักษิณที่เป็นศัตรูคู่แข่ง
พรรคการเมืองเลว นักการเมืองเลวทั้งสองฝ่าย เพราะเห็นผิดอย่างร้ายแรง “เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นระบอบเผด็จการสุดแสนชั่วว่า เป็นระบอบประชาธิปไตย”
กฎหมายรัฐธรรมนูญ เป็นคนละส่วนกันกับหลักการปกครองโดยธรรม หลักการปกครองเป็นจุดหมาย เป็นเอกภาพของส่วนที่สัมพันธ์เกี่ยวพันกันทั้งหมด
ส่วนกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นวิธีการ เป็นเครื่องมือในการปกครอง เป็นส่วนที่อธิบายขยายความหลักการปกครองฯ
แต่ประเทศไทยกว่า 81 ปี ไม่เคยมีหลักการปกครองฯ มีแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว ดังนั้น จุดหมายของการปกครองจึงกลายเป็นนักการเมือง พรรครัฐบาลเพียงหยิบมือเดียว เป็นตัวระบอบของการปกครอง จึงเรียกว่า ระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญ
เชื่อได้ว่าพวกเผด็จการรัฐธรรมนูญ มันอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะพวกเขาไม่รู้จักหลักการปกครองฯ หรือระบอบการเมืองโดยธรรม พวกเขารู้จัก หลง งมงาย อยู่กับกฎหมายรัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกหลอกมาแล้วกว่า 81 ปี ช่างโง่เขลาเบาปัญญาและงมงายยิ่งนัก