ณ บ้านพระอาทิตย์
โดย...ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
ด้วยความโดดเด่นของน้ำมันมะพร้าวที่มีกรดไขมันสายปานกลางจึงสามารถดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับน้ำมันชนิดอื่น ดังนั้นวิตามินอีและสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันมะพร้าวจึงสามารถเข้าไปในผิวหนังหรือแม้แต่เส้นผมได้เร็วกว่าวิธีอื่น และนี่คือเคล็ดลับในการบำรุงผิวและเส้นผมเมื่อเอามาทาทั้งผิวหนังและเส้นผมได้
มีคนจำนวนไม่น้อย ประวัติดื่มนมต่างน้ำ ชอบกินหวาน เคยใช้ยาแก้อักเสบประจำ ใช้ยาแก้แพ้และสเตียรอยด์ประจำ เกิดมีอาการภูมิแพ้พิษประทุตามผิวหนัง แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่ารักษาไม่หาย ต้องใช้ยาไปเรื่อยๆ แต่ผมได้แนะนำสูตรไปหลายคนเห็นว่าได้ผลดีตามภาพ จึงมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนถึงวิธีคิดว่าทำอย่างไร ถึงได้หายได้
ประการแรกคนที่มีอาการภูมิแพ้ผิวหนังหรือแพ้อากาศมาก ส่วนใหญ่มาจากปัญหาลำไส้อักเสบเพราะยิสต์แคนดิด้ามีจำนวนมากเกินไป (จากการกินแป้งและหวานมาก)ในขณะที่แลคโตบัลซิลลัสมีจำนวนน้อยกว่า(จากยาฆ่าเชื้อและอาหารที่เป็นโทษทั้งหลาย) จึงเริ่มต้นด้วยการให้ดื่มน้ำมันมะพร้าวเพราะน้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ฆ่ายิสต์ชนิดนี้ได้ (จากงานวิจัยของ Ogbolu และคณะเรื่อง In Vitro Antimicrobial properties of Coconut oil on Candida species in Ibadan, Nigeria ตีพิมพ์ใน J Med Food ปี 2007)โดยที่ไม่ฆ่าแลคโตบัลซิลลัส (จากงานวิจัยของ J.J Kabara และคณะในหัวข้อ “The Anti-Carogenic Activity of a Food-Grade Lipid Lauricidin) โดยให้งดแป้งและน้ำตาลในช่วงการกำจัดยิสต์เหล่านี้
ประการที่สอง คนที่มีอาการแพ้ผิวหนังกลุ่มนี้มักจะมาพร้อมกับอาการท้องผูกด้วย จึงต้องมีการระบายออกให้ได้มาก หนึ่งในนั้นเช่นการรับประทานยาชำระเมือกมัน (สูตรหมอปาน) รับประทานเอนไซม์จากมะละกอและแกนสับประรดผงผสมน้ำเพื่อย่อยโปรตีน ให้ดื่มน้ำมันมะพร้าวเพื่อเพิ่มอัตราการเผาผลาญเพื่อให้การเคลื่อนไหวในลำไส้ในการขับของเสียดีขึ้น ยกเว้นคนที่มีอุณหภูมิช่วงตื่นนอนตอนเช้าเฉลี่ย 5 วันสูงกว่า 36.5 องศาเซลเซียส จะต้องดื่มน้ำใบบัวบกเพื่อลดความร้อนลง ในขณะเดียวกันก็ให้ทำดีท็อกซ์สวนทวารล้างลำไส้ทุกวัน และหากทำได้ให้ทำการล้างพิษตับโดยการดูแลจากผู้เชี่ยวชาญเท่านั้นในการกำหนดการอดอาหารและน้ำมันมะกอกคืออดอาหารน้อยดื่มน้ำมันมะกอกน้อยๆ (ระหว่าง 50-100 ซีซี) และล้างพิษตับทุก 20 วัน
ประการที่สาม เพิ่มโปรไบโอติก โดยการเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีในร่างกายทั้งอาหารที่รับประทานที่ต้องมีผักและผลไม้สดทุกวัน ในขณะเดียวกันก็ให้ดื่มเอนไซม์น้ำทุกวันช่วยระบบการย่อยและเพิ่มจำนวนจุลินทรีย์ชนิดดีแบบแคปซูลเข้าไปด้วย สำหรับคนที่ไม่แพ้นม แนะนำให้ดื่มโยเกิร์ตทำสดเองโดยปราศจากน้ำตาล
ประการที่สี่ พบว่าคนที่เป็นโรคเหล่านี้มีภาวะความเป็นกรดเกินเสียส่วนใหญ่ โดยวัดได้จากค่า pH ในปัสสาวะ ( pH ต่ำกว่า 6.5) จึงให้ดื่มน้ำด่างให้ได้ประมาณ 1.5-2.0 ลิตร เพื่อลดความเป็นกรดในร่างกาย จนกว่าค่า pH จะสูงขึ้นประมาณใกล้เคียง pH 7.3)
ประการที่ห้าหลังจากนั้นก็เริ่มบำรุงผิว คือการหมักด้วยน้ำเอ็นไซม์ที่ใช้สำหรับดื่มนั้นเอามาหมักผิวได้เพราะน้ำเอนไซม์ที่ได้จากพืชผักผลไม้มีโมเลกุลที่สั้นมากดูดซึมง่ายและเป็นสารอาหารให้เซลล์ได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามน้ำเอนไซม์ที่ว่านั้นต้องผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีเชื้อก่อโรค ทุกวันๆละ 2 ครั้งๆละ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง เซลล์ที่ตายแล้วจะค่อยๆนิ่มออกจากนั้นก็ล้างออกและชโลมด้วยน้ำมันมะพร้าว และถ้าคันให้พกน้ำมันมะพร้าวติดตัวเอาไว้ทาได้เลย
เคล็ดลับน้ำมันอีกชนิดหนึ่งที่ถือว่าดีเหมือนกันสำหรับผิวคือน้ำมันมะรุม จึงสามารถนำมาใช้สลับได้โดยใช้ “น้ำมันมะรุมตอนเช้า น้ำมันมะพร้าวตอนเย็น” การทำอย่างที่ว่านี้ได้ผลดีแม้โรคที่เป็นสะเก็ดเงินก็ได้ผลดี
ประการที่หก ระหว่างการทาน้ำมันทั้งมะรุมหรือมะพร้าว เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นกรดไขมันสายปานกลางจึงดูดซึมเร็ว จึงให้ทาเอนไซม์ก่อนประมาณ 45 นาที แล้วเราจะพบว่าเอนไซม์จะย่อยเซลล์ที่ตายแล้วให้อ่อนนิ่มลงผิวจะแดงในช่วงแรกไม่เกิน 20 นาทีหลังจากนั้นจะขาวขึ้น เมื่อทาและนวดต่อด้วยน้ำมันมะพร้าวเซลล์ที่ตายแล้วก็จะค่อยๆลอกออกอย่างนิ่มนวล และทำให้เกิดการผลัดเซลล์สร้างผิวใหม่ได้อย่างน่าอัศจรรย์
มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ ไอริณ มีผื่นแพ้ตั้งแต่ 6 เดือน จนอายุ 10 ขวบผิวทั้งตัวเต็มไปด้วยผื่นและมีเลือดออกบนเตียงทุกคืนจากการเกาเพราะคัน โดยเด็กคนดังกล่าวตั้งแต่เด็กไม่เคยมีผิวดีเลยแม้แต่วันเดียว ไปหาหมอก็ไม่เคยหายนอกจากการฉีดสเตียรอยด์ พอลองใช้ตามสูตรดังกล่าวข้างต้นก็กลับมีผิวที่สดใสจนไม่เกิดผื่นแพ้อีกเลย
สำหรับสุภาพสตรีเมื่อกลับถึงบ้านแล้วสามารถใช้น้ำมันมะพร้าวเช็ดเครื่องสำอางก่อนเพราะน้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดเล็กเข้าไปทำความสะอาดได้ลึกและเร็วกว่าจากนั้นล้างหน้าด้วยน้ำเย็น แล้วตามด้วยการหมักเอนไซม์สัก 45 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็นอีกครั้งหนึ่ง ผิวจะแดงขึ้นในช่วงแรกจากโมเลกุลสายสั้นของน้ำเอนไซม์เป็นสารอาหารฟื้นฟูเซลล์หลังจากนั้นใบจะกลับเข้ามาเป็นปกติไม่เกิน 20 นาที เมื่อล้างหน้าแล้วทาด้วยน้ำมันมะพร้าวบางๆก่อนนอนผิวจะกลับมาขาวและสว่างขึ้นกว่าที่เคยเป็น(หากประจำทุกวัน) พอตื่นเช้ามาก็ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นแล้วหมักผิวด้วยเอนไซม์ใหม่ล้างหน้าด้วยน้ำเย็นจากนั้นก็ตามด้วยน้ำมันมะรุมอีกครั้ง จะพบว่าใบหน้าของคุณจะนิ่มนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับคนที่มีพัฒนาการขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งคือสูตรทองคำที่มีมาแต่โบราณ คือหลังล้างหน้าให้สะอาดแล้วให้ลงน้ำมันมะรุมแล้วจากนั้นให้นำทองคำเปลว (ต้องบริสุทธิ์ 100%เท่านั้น) นำมาแปะพื้นที่ทั้งใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นจึงน้ำมันมะรุมหรือน้ำมันมะพร้าวอยู่ที่ปลายนิ้วมือแล้วนำมานวดบริเวณใบหน้าอีกประมาณ 10-15 นาทีทองคำบางส่วนที่ถูกดูดซึมเข้าไปในผิวหนังได้ จากนั้นให้ทิ้งไว้อีก 15 นาทีแล้วนำสำลีชุบน้ำเย็นจัดๆ เช็ดใบหน้าให้ทั่ว ก็จะพบความสดใสของผิวก็จะนุ่มขึ้นได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นให้ลงด้วยน้ำมันมะรุมหรือน้ำมันมะพร้าว ให้ทำเช่นนี้ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นสูตรความลับผิวดี
น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่เป็นกรดไขมันสายปานกลาง จึงดูดซึมเร็ว และสามารถนำพาสารต้านอนุมูลอิสระเข้าเซลล์ผิวหนังหรือเส้นผมได้อย่างรวดเร็ว จึงสามารถป้องกันและรักษา ฝ้า กระ จุด หรือ รอยบุ๋มหรือโรคผิวหนังอื่นๆได้ รวมถึงป้องกันและรักษาการเกิดไหม้เกรียมเพราะถูกแสงแดด ใช้ทาผิวที่เป็นผื่นคัน รวมถึงสะเก็ดเงิน ตลอดจนแมลงสัตว์กัดต่อยได้ด้วย
สำหรับเส้นผมไม่ต้องสงสัยเลย หากหมักสลับด้วยเอนไซม์ที่มีโมเลกุลเล็กสั้นแล้วล้างออกโดยไม่ใช้แชมพูแล้วล้างออกด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ (ไม่ใช้น้ำร้อน)จะทำให้อาการผื่นหรือคันตามหนังศีรษะลดลงไปได้อย่างมาก จากนั้นจึงตามด้วยการหมักน้ำมันมะพร้าวซึ่งเป็นกรดไขมันสายโซ่ปานกลาง ก็จะทำให้เส้นผมมีความแข็งแรง ผมขึ้นและดำ ทั้งนี้จากวารสารวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางฉบับเดือน มีนาคม-เมษายน พ.ศ. 2546 ที่ได้ตีพิมพ์เปรียบเทียบผลของการใช้ น้ำมันแร่ น้ำมันดอกทานตะวัน และน้ำมันมะพร้าวเพื่อเปรียบเทียบกับการป้องกันและรักษาความเสียหายของเส้นผม ได้ออกรายงานผลการศึกษาว่า เมื่อใช้น้ำมันมะพร้าวเป็นครีมบำรุงเส้นผมแล้วสามารถป้องกันความเสียหายจากการทำผมที่ใช้ความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม ดีกว่าน้ำมันชนิดอื่นไม่ว่าจะเป็นน้ำมันแร่ หรือน้ำมันจากพืชชนิดอื่น เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน
นอกจากนี้ยังการใช้เป้นครีมนวดผมจะทำให้ผมไม่เสียหายจากการใช้เคมีทำผม ทนต่อการใช้รังสี UV ป้องกันความเสียหายของผมแม้ว่าผมจะโดนน้ำร้อน 100 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 2 ชั่วโมง น้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดเล็กจึงสามารถซึมเข้าผ่านเข้าไปเปลือกนอกและตัวเนื้อผมและสามารถเคลือบบนผิวไฟเบอร์เของเส้นผม ซึ่งจะทำให้ป้องกันและลดการแทรกซึมของน้ำเข้าไปในผิวไฟเบอร์ของผมซึ่งทำให้ลดอาการบวมลง และป้องกันเส้นผมแตกระหว่างการหวีผมในขณะเปียก แล้วจึงสรุปว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นครีมนวดที่ปรับสภาพผมให้มีความแข็งแรงและทนต่อการทำให้เกิดความเสียหายได้อย่างมาก
ส่วนถ้าอยากให้น้ำมันมะพร้าวนวดผมก็ทำได้โดยเหมือนการทาที่ผิวกาย คือให้เทน้ำมันประมาณ 1 ช้อนชาชโลมบนเส้นผม แล้วใช้นิ้วนวดคลึงเส้นผมไปมาจนทั่วศีรษะแล้วล้างออก แต่ถ้าต้องการหมักผม หลังการชโลมด้วน้ำมันมะพร้าวแล้วให้ใช้ผ้าชุมน้ำอุ่นโพกศีรษะเอาไว้ 45 นาที แล้วสระออก หรือถ้าอยากให้ได้ผลนานกว่านั้น ก็ให้ใช้หมวกคลุมผมอาบน้ำคลุมอาไว้แล้วเข้านอน แล้วค่อยสระล้างออกตอนเช้า
สำคัญที่สุดพึงเข้าใจเสมอว่าผิวภายนอกนั้นแท้ที่จริงเป็นปลายทาง ดังนั้นจะดีได้ก็ต้องมาจากภายในร่างกายและจิตใจที่ดีด้วย จึงจะมีผิวพรรณที่ดีได้จากต้นน้ำที่แท้จริง!!!