ASTVผู้จัดการรายวัน-กำนันเทือก เงิบ! "ประยุทธ์" ไม่เอาด้วย ตอกฝาโลง ยันรัฏฐาธิปัตย์ผิดกฎหมาย อยากจับให้ตำรวจไปจับเอง ลั่นทหารยืนข้างความถูกต้อง แต่ไม่ตอบ ไม่สัญญา ไม่ปฏิวัติ ด้าน "สุเทพ"บุกกลาโหมแจงแนวคิดตั้งรัฎฐาธิปัตย์ "ปึ้ง"ขู่ฟันวินัยข้าราชการต้อนรับม็อบ "ปู"พล่านโพสต์เฟซอัดศาลรัฐธรรมนูญ 2 มาตรฐาน ทำบ้านเมืองแตกแยก ศอ.รส.ใส่ไฟ อ้างมูดีส์โยงมั่วเศรษฐกิจพังเพราะศาล ปชป.สั่งทีมกฎหมายดำเนินคดี "โกตี๋" หมิ่นเบื้องสูง ตำรวจตามล่าตัวให้ควัก "ธิดาแดง" ถีบหัวส่ง ปัดไม่เกี่ยว นปช.
เมื่อเวลา 08.00 น. วานนี้ (9 เม.ย.) ที่กองการบิน กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์ว่า อยากให้ไปดูความหมายว่าแปลว่าอะไร มีหลายคนออกมาแปลความหมายของคำนี้ แต่ต้องไปดูว่าตามกฎหมายสามารถทำได้หรือไม่ หากผิดกฎหมาย ก็ดำเนินคดี จุดยืนของกองทัพ คือ ไม่เข้าข้างคนที่ทำผิดกฎหมายทุกพวก ทุกฝ่าย ซึ่งวันนี้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) นำเรื่องนี้ไปพูดคุยกัน ขณะที่ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็กำลังดำเนินคดี ตนคงไม่ไปวิจารณ์กรณีที่นายสุเทพประกาศจัดตั้งรัฏฐาธิปัตย์ว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะสิ่งใดก็ตามที่ผิดกฎหมาย ก็ไม่เหมาะสมทั้งนั้น มันมีคำตอบในตัวอยู่แล้ว
"ผมถามว่า ขณะนี้มีใครทำความผิด พ.ร.บ.ความมั่นคงบ้าง มีกันหลายกลุ่ม หลายฝ่าย ไม่ใช่เฉพาะนายสุเทพเพียงอย่างเดียว ผมไม่ได้เข้าข้างสุเทพ หรือณัฐวุฒิ (ใสยเกื้อ) หรือจตุพร (พรหมพันธุ์) หรือใครทั้งนั้น ทหารต้องทำหน้าที่ไป แต่ในวันนี้ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร ซึ่งทหารก็ต้องมาทำ ถามว่าเป็นหน้าที่ของใคร ของฝ่ายบริหาร และฝ่ายตำรวจ ใช่หรือไม่ หน้าที่ของทหารตามรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจน ทหารไม่สามารถไปจับกุมใครมาดำเนินคดีได้ ซึ่งคนที่จะจับได้ก่อน คือ ตำรวจ ก็เข้าไปจับ เพราะนายสุเทพก็อยู่ในม็อบ แต่พอจับไม่ได้ ก็บอกให้ทหารไปจับ มันถูกต้องหรือไม่" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายสับสนกับจุดยืนของ ผบ.ทบ. เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฏฐาธิปัตย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ตนพูด ยังไม่ชัดอีกหรือ บอกแล้วว่าให้ไปดูว่าผิดกฎหมายหรือไม่ ถ้าผิดก็ดำเนินคดี จับติดคุก ใครที่ทำผิด พ.ร.บ.ความมั่นคง ก็ไปจับมา คนที่ดำเนินการก่อน คือ ตำรวจ โดยศอ.รส. สั่งการไป รวมถึงอธิบดีดีเอสไอ ทำไมไม่ไปไล่ให้คนที่มีหน้าที่โดยตรงไปทำงาน ตนไม่เข้าใจ ทุกสิ่งทุกอย่างลงมาที่ทหารหมด ไม่ว่าจะรบกับศัตรูนอกประเทศหรือในประเทศ บางพวกไม่ชอบใจว่าทหารมายุ่งกับการเมือง อยากถามว่ายุ่งที่ไหน เพราะตนอยู่ดีๆ ตนทำหน้าที่ตามคำสั่ง และกฎหมายที่มีอยู่ ยืนมาอย่างนี้ตลอด
เมื่อถามว่า คิดว่าการตั้งรัฏฐาธิปัตย์ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่คิด เพราะไม่ได้เป็นคนพูด ทุกวันนี้ มีหลายเรื่อง หลายคนพูดในสิ่งที่ผิดกฎหมาย สถาบัน เรื่องกบฏ ซึ่งแบ่งแยกเป็น 2 เรื่อง คือ รัฏฐาธิปัตย์ และแบ่งแยกประเทศ อยากให้พูดกันหมด และนำมาแก้ไขปัญหาไม่ใช่แก้กันทีละข้าง หากแก้กันทีละข้าง จะไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วนแนวทางการแก้ไขปัญหาต้องไปถามฝ่ายบริหาร ฝ่ายการเมือง และรัฐบาล
เมื่อถามว่า เมื่อมีการตั้งรัฏฐาธิปัตย์ได้ ผบ.ทบ. จะรายงานตัวต่อนายสุเทพ หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขาตั้งได้หรือยัง ถ้าตั้งไม่ได้ ก็อย่าไปคิด และสื่อบอกเองว่าผิดกฎหมาย และตั้งไม่ได้ จะมาถามให้เสียสมองทำไม
เมื่อถามว่า ประชาชนอยากได้ทหารเป็นที่พึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ทุกวันนี้ทหารยังพึ่งไม่ได้อีกหรือ ต้องการพึ่งทหารในระดับไหน หรืออยากให้ทหารออกมาแก้ไขปัญหาอย่างไร ก็ให้บอกมา
เมื่อถามว่าถ้าแก้ไขปัญหาไม่ได้ ทหารจะออกมาปฏิวัติรัฐประหาร หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เขายอมหรือไม่ ก็ให้ไปถามเขา ที่มาโวยวายกันอยู่ทุกวันนี้ จะสู้กันให้ได้ ให้ตายไปกันข้าง
เมื่อถามย้ำว่าถ้าประชาชนฆ่ากันตาย ทหารค่อยออกมาปฏิวัติ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องที่ตนจะตอบ ถ้าตอบอย่างนั้น สื่อจะนำไปเขียนว่า ไม่ห่วงประชาชน ปล่อยให้ประชาชนตายก่อน แล้วค่อยออกมาเป็นอัศวินขี่ม้าขาวยึดอำนาจ อยากให้ใช้สติปัญญา เหตุผลในการแก้ไขปัญหา เคารพกฎหมาย ก็จะแก้ไขปัญหาได้ ส่วนวิธีการนอกกฎหมายไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ตาม ตนไม่สัญญากับใครทั้งสิ้นว่า ใครทำอะไร หรือไม่ทำอะไร
***"กำนัน"ไปกลาโหมแจงตั้งรัฎฐาธิปัตย์
สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ยังคงออกเดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อเรียกร้องให้ข้าราชการออกมาอยู่ข้างประชาชน โดยวานนี้ (9 เม.ย.) นายสุเทพ ได้นำมวลชนเดินทางไปยังกระทรวงกลาโหม ซึ่งเมื่อไปถึง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมนายทหารระดับสูงออกได้มาต้อนรับ พร้อมเข้าพูดคุยภายในห้องของกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้มีการชี้แจงกรณีการตั้งรัฎฐาธิปัตย์ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
ด้านพล.อ.นิพัทธ์กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปในลักษณะต้อนรับ โดยได้หารือใน 3 ประเด็น คือ 1.สิ่งที่ กปปส. ต้องการแสดงเจตนารมณ์บอกข้าราชการในกระทรวงกลาโหม ซึ่งก็รับฟัง 2.ได้ขอให้ยุติการชุมนุมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งนายสุเทพก็เห็นด้วยที่จะหยุดระหว่างวันที่ 12-15 เม.ย.นี้ และ 3.เรื่องรัฎฐาธิปัตย์ ซึ่งตนเป็นข้าราชการระดับสูง รู้สึกไม่สบายใจที่มีการแสดงเจตนารมณ์แบบนี้ ซึ่งนายสุเทพได้อธิบายว่าถ้ามีสถานการณ์เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีถูกพิจารณาพ้นหน้าที่ ก็เท่ากับว่าประชาชนเป็นผู้ปกครองประเทศ ซึ่งตนก็รับฟัง
***หลวงปู่ฟ้องหมิ่นสำนักพุทธฯ-มติชน-ข่าวสด
หลวงปู่พุทธะอิสระได้นำกลุ่ม กปปส.ภาค 7 และ 2 จากเวทีแจ้งวัฒนะ เดินทางขึ้นทางด่วน พร้อมได้มีการชำระเงิน กว่า 2,000 บาท ในการใช้บริการทางด่วน เพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง คือ กระทรวงการคลัง เพื่อติดต่อทางอธิบดีกรมธนารักษ์ในการยื่นหนังสือเรียกร้องให้ชาวนามีสิทธิและที่ดินทำกิน เพราะได้รับความเดือนร้อนมาโดยตลอด โดยตลอดการเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขณะที่การรักษาความปลอดภัยของขบวน เป็นไปอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันกลุ่มมือที่ 3 เข้ามาสร้างสถานการณ์
จากนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระ เคลื่อนขบวนไปยังศาลอาญา เพื่อยื่นเรื่องฟ้อง ผอ.สำนักพุทธศาสนาและสื่อ 2 ฉบับ คือ มติชน และข่าวสด เพื่อเอาผิดทางอาญาฐานละเมิดและหมิ่นประมาท และฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท เนื่องจากให้สัมภาษณ์ว่าหลวงปู่เป็นอุปัชฌาย์เถื่อน บวชสามเณร 39 รูปที่เวทีแจ้งวัฒนะ อันเป็นการเสนอข่าวบิดเบือนใส่ร้าย โดยวันที่จัดงานบวชสามเณรได้เชิญเจ้าคณะตำบล ที่อยูวัดใน อ.โพรงมะเดื่อ จ.นครปฐม มาทำการอุปัชฌาย์บวชเณร
***"ปู"ดิ้นโพสต์อัดศาลสองมาตรฐาน
วันเดียวกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้โพสต์เฟสบุ๊ก Yingluck Shinawatra ว่า จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องกรณีที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว. สรรหาและคณะ ยื่นเรื่องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรี กรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยตั้งข้อสังเกตว่า เป็นการสร้างปรากฏการณ์และบรรทัดฐานใหม่ในการบริหารราชการของไทย เพราะถือเป็นครั้งแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ รับคดีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลมาพิจารณา ทั้งๆ คดีศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งให้คืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช. แก่นายถวิล ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามคำสั่งศาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาสถานะของดิฉันในขณะนี้นั้น ดิฉันได้พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180 (2) แล้ว สืบเนื่องจากการยุบสภา และได้คืนอำนาจการตัดสินใจในทางการเมืองตามวิถีทางในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยในปัจจุบัน ดิฉันปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 181 เท่านั้น ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องดังกล่าวมาวินิจฉัยให้เกิดความซ้ำซ้อนกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่มีอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะเป็นคำวินิจฉัยที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเสียเองแล้ว คำวินิจฉัยที่ขาดหลักการความเป็นสากลในเรื่อง "หลักนิติธรรม" อาจจะกลายเครื่องมือของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในทางการเมืองอีกด้วย
ตามหลักการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจนั้น อำนาจนิติบัญญัติ บริหาร ตุลาการ จะต้องมีความสมดุลกัน และในปัจจุบันมีหน่วยงานและสถาบันที่ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว และหากทุกฝ่ายทำหน้าที่โดยยึดหลักการดังกล่าว ก็จะทำให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างราบรื่น และท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความขัดแย้งเช่นปัจจุบัน สถาบันที่มีความเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ควรต้องตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารโดยยึดหลักการ และหน้าที่ตามขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนด โดยไม่ก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ บริหาร หรือตุลาการ และที่สำคัญจะต้องไม่สร้างความแตกแยกให้กับสังคม ด้วยการดำเนินการใดๆ ในลักษณะสองมาตรฐาน ขอให้ทุกฝ่ายทำงานโดยยึดหลักการที่ถูกต้อง เป็นธรรม และเป็นสากล เพื่อให้คนรุ่นหลังได้มีหลักยึด และให้ประเทศไทยสามารถตอบคำถามของสังคมโลกได้อย่างภาคภูมิ
**อ้างเศรษฐกิจพังเพราะศาลรัฐธรรมนูญ
น.ส.สิริมา สุนาวิน คณะทำงาน ศอ.รส. แถลงผลการประชุม ศอ.รส.ว่า ศอ.รส. มีข้อห่วงใยถึงความเสียหายทางเศรษฐกิจของประเทศไทย จากการชุมนุม กปปส. ที่ยืดเยื้อ โดย ศอ.รส.ได้รับรายงานว่า มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ได้ออกรายงานฉบับล่าสุด ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้การเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งคำวินิจฉัยดังกล่าว เป็นผลลบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของไทย และทำให้เกิดความเสี่ยงว่า ภาวะชะงักงันทางการเมืองจะยืดเยื้อต่อไปอีกเป็นเวลานาน จนถึงครึ่งปีหลังของปี 2557 เพิ่มความเสี่ยงด้านลบต่อแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และเพิ่มความเสี่ยงที่จะมีการประท้วงที่รุนแรงในวงกว้าง
นอกจากนี้ จากรายงาน East Asia Economic Update 2014 ของธนาคารโลก ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2557เศรษฐกิจไทย จะมีการขยายตัวต่ำที่สุดในอาเซียนด้วย ทาง ศอ.รส. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่าย ร่วมกันแก้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นโดยเร็ว โดยเฉพาะองค์กรในกระบวนการยุติธรรม โดยควรจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด และขอเรียกร้องประชาชนไม่ให้เข้าร่วมสนับสนุนไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดๆ ที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้
น.ส.สิริมากล่าวอีกว่า ศอ.รส. เห็นว่า การเรียกร้องของ กปปส. ให้ข้าราชการมาเข้าร่วมเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการสร้างแรงกดดันให้กับข้าราชการในการทำงาน เนื่องจากตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้ารการพลเรือน กำหนดให้ข้าราชการวางตัวเป็นกลางทางการเมือง จึงขอตำหนินายสุเทพ และพวกที่ไปปราศรัยกดดันเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และตำหนิ นายกิตติพงษ์ กิตติยารักษ์ ปลัดกระทรวงยุติธธรรม ที่ออกมาต้อนรับนายสุเทพ กับพวกในลักษณะให้การรับรอง เข้าข่ายการกระทำที่ไม่เหมาะสม เพราะมีฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา กรมสอบสวนคดีพิเศษ และเป็นกรรมการคดีพิเศษ ควรจะให้พนักงานสอบสวนเข้าจับกุมดำเนินคดีนายสุเทพ กับพวกที่ถูกดำเนินคดีพิเศษ เป็นผู้กระทำผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ และมีหมายจับ มิใช่ให้การรับรอง ดังนั้น ศอ.รส. จะเรียกปลัดกระทรวงทุกกระทรวง มาประชุมเพื่อกำชับตักเตือน และทำความเข้าใจวันที่ 17 เม.ย. เวลา 14.00 น. โดยกำหนดให้ปลัดกระทรวงมาด้วยตนเอง
**“ปึ้ง”ขู่ฟันวินัยร้ายแรงขรก.ต้อนรับ"เทือก"
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส กล่าวว่า กรณีที่ นายสุเทพ เดินทางไปยังกระทรวงต่างๆ นั้น ตนอยากเตือนปลัดกระทรวงและข้าราชการทุกกระทรวง ขอให้เข้าทำงานตามปกติ ไม่จำเป็นต้องออกมาให้การต้อนรับนายสุเทพกับพวก เพราะเป็นกบฏ หากปลัดหรือข้าราชการคนใดใช้เวลาราชการออกมาสนับสนุนถือว่ามีความผิดวินัยร้ายแรง และผิดกฎหมาย เพราะนายสุเทพ ประกาศจะยึดอำนาจการปกครองไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย อยากให้ข้าราชการเข้าใจ ใช้วิจารณญาณของตนเองให้รอบคอบ โดยตนจะนำเรื่องนี้หารือใน ศอ.รส. และจะเตรียมเรียกปลัดทุกกระทรวงมาประชุมที่ ศอ.รส. เพื่อรับทราบคำสั่ง และข้อห้ามดังกล่าว
"พอกันทีกับการใช้เวลาราชการไปสนับสนุนนายสุเทพ เพราะทุกคนรับเงินเดือน ซึ่งเป็นภาษีของราษฎร จะไปอะไรนอกเวลาราชการไม่ว่า แต่ในเวลาราชการ ต้องยึดมั่นวินัยข้าราชการ เพราะเป็นข้ารับใช้ประชาชนประเทศชาติ"
ส่วนกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับพิจารณาดำเนินคดี เพื่อเอาผิดนายสุเทพ กับพวกรวม 58 คน ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 เป็นครั้งที่สองนั้น ไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติ เนื่องจากถ้อยคำปราศรัยของนายสุเทพ มีความชัดเจนเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้วว่าเป็นกบฏ คงจะดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเข้มงวด
***คปท. เย้ยขู่ข้าราชการไร้ผล
นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงานเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) กล่าวว่า เป็นสิทธิเสรีภาพของเหล่าข้าราชการที่สามารถตัดสินใจได้เอง ไม่ว่ารัฐบาลจะขู่อย่างไรก็ตาม เพราะพวกเขาเห็นว่ารัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศเสียหายไปกับนโยบายต่างๆ เช่น โครงการจำนำข้าว โครงการรถคันแรก หรือโครงการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น ถือเป็นรัฐบาลรักษาการที่บริหารประเทศล้มเหลว วันนี้จึงทำได้เพียงดื้อแพ่งด้วยการข่มขู่ และคงไม่ได้ผล เพราะปรากฎออกมาแล้วว่าข้าราชการให้ความร่วมมือกับ กปปส. เป็นอย่างดี
*** ลือ"เหลิม"ไปรดน้ำ"แม้ว" ที่ฮ่องกง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และ ผอ.ศอ.รส. ไม่ได้เข้ามาทำงานในศอ.รส. เนื่องจากลาราชการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าเป็นการเดินทางไปรดน้ำขอพร พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ ที่ฮ่องกง และจะกลับเข้าทำงานในวันศุกร์ที่ 11 เม.ย.
***"มาร์ค"จี้"ปู" เปิดเจรจา "สุเทพ"
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ แต่เห็นว่า ปัญหาที่มีการพูดถึงรัฎฐาธิปัตย์ขึ้นมา เพราะเกิดจากการตอบโต้กันไปมา หลังจากที่รัฐบาลประกาศว่า หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดีที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลแล้วจะไม่ยอมรับ จึงมีการพูดถึงการที่ประชาชนจะเข้ามาดูแลเพื่อพิทักษ์รัฐธรรมนูญ แต่ส่วนตัวเห็นว่าสิ่งเหล่านี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะทุกคนควรที่จะเคารพรัฐธรรมนูญ และหากทุกคนเคารพ เชื่อว่าปัญหานี้ก็จะจบ ดังนั้น รัฐบาลโดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ไม่ควรจะปล่อยให้มีการคุกคามองค์กรอิสระ และควรเร่งหาทางพูดคุยกับนายสุเทพ เพื่อหาทางออกของประเทศก่อนที่สถานการณ์ในบ้านเมืองจะบานปลาย หากปล่อยไว้จะสุ่มเสี่ยงต่อความรุนแรง ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายรวมทั้งมิตรประเทศ อย่างสหรัฐฯ ที่มาพบตนเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ก็ห่วงใย และอยากเห็นการพูดคุยเพื่อให้กระบวนการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
***แจ้งจับ"สุเทพ"เป็นกบฏตั้งรัฏฐาธิปัตย์
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสัญชัย สวยพรมราช ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายคนรักประเทศไทย พร้อมด้วยมวลชนกว่า 50 คน เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ชวลิต หาญเสน่ห์ลักษณ์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.1 บก.ป. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีต่อนายสุเทพ นายถาวร เสนเนียม แกนนำ กปปส.กับพวก ในความผิดฐานเป็นกบฏ หลังจากที่มีการปราศรัยว่าจะยึดอำนาจประเทศไทย ประกาศความเป็นรัฏฐาธิปัตย์
***ปชป.สั่งทีมกฎหมายฟ้อง"โกตี๋"หมิ่น
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของพรรค ทำคำร้องไปยังน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ผอ.ศอ.รส.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ให้ตรวจสอบกรณีที่นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนต่างประเทศ พาดพิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และให้แจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการกองปราบปราม รวมทั้งกำลังพิจารณาดำเนินคดีทั่วประเทศด้วย
"การกระทำดังกล่าว เป็นการสะท้อนแนวคิดหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่มีการกระทำมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง นักวิชาการเสื้อแดง จนมาถึงนายโกตี๋ ซึ่งเป็นภัยความมั่นคงที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องเร่งจัดการ เพราะหากปล่อยให้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ประเทศไทย จะอยู่ในภาวะไม่มั่นคงทางการเมือง และการปกครอง เพราะเป็นสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อน มีการนำข้อมูลเท็จมาให้ร้ายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และในวันนี้ (10 เม.ย.) น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จะเดินทางไปยื่นคำร้องถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เพื่อให้เอาจริงเอาจังกับการให้ร้าย และดูหมิ่นสถาบันฯด้วย"นายชวนนท์กล่าว
**"ปู"สั่งผบ.ตร.ดำเนินคดี"โกตี๋"หมิ่นสถาบันฯ
นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งการให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำหนังสือถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ดำเนินคดีอาญากับนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หลังจากปรากฏคลิปเผยแพร่ทางสื่อต่างๆ ซึ่งมีเนื้อหาในลักษณะที่อยู่ในประการที่จะเข้าข่ายกระทำการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ตามประมวลกฏหมาย โดยเฉพาะคลิปที่มีการเผยแพร่ของนายวุฒิพงศ์ นายกฯ จึงได้มีบัญชาให้สืบสวนข้อเท็จจริงและสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายอาญา โดยหนังสือดังกล่าวได้ส่งถึง ผบ.ตร.แล้ว
***สั่งแบนคลิปพร้อมเร่งดำเนินคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ต.อ.หญิง วิชญ์ชยากร ณิชาบวร รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ล่าสุด พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ได้รับการรายงานจากกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ว่า มีการเผยแพร่คลิปวีดิโอข้อความคำพูดของนายวุฒิพงศ์ ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ทางเว็บไซต์ยูทูปจริง ผบ.ตร.จึงได้ได้เรียกประชุมและมีสั่งการเร่งด่วน ให้ บก.ปอท. ประสานกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ดำเนินการปิดกั้นการเข้าถึงคลิปวีดิโอดังกล่าว ซึ่งทางกระทรวงฯ ได้รับเรื่องแล้ว และกำลังดำเนินการ
ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะทำงานสืบสวนสอบสวน และให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นรองหัวหน้า ดำเนินการในการสืบสวนสอบสวน เพื่อเร่งพิสูจน์ทราบและจับกุมผู้กระทำความผิดโดยเร่งด่วน
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแจ้งเตือนมายังพี่น้องประชาชนว่าการเผยแพร่หรือส่งต่อคลิปวีดิโอดังกล่าว อาจถือเป็นการกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ม.112 ซึ่งต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 3ถึง 15ปี และยังอาจถือเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 หากพี่น้องประชาชนพบการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่านสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
***หลวงปู่พุทธอิสระจี้ตำรวจเร่งทำคดี
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หลวงปู่พุทธอิสระ แกนนำ กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ ได้นำมวลชนจำนวนมาก เดินทางเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บก.ป.เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายวุฒิพงศ์
หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าวว่า ขอให้ทางตำรวจ บก.ป. เร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับนายวุฒิพงศ์โดยเร็วเนื่องจากเป็นการกระทำที่จาบจ้วงต่อสถาบันเบื้องสูงอย่างชัดเจน และให้เวลาดำเนินการ 5 วัน หากยังล่าช้าไม่มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับ ก็จะพามวลชนมาปักหลักที่หน้า บก.ป.เพื่อติดตามทวงถามกับทางเจ้าหน้าที่ต่อไป
***"ธิดา"ลอยแพ ปัดไม่เกี่ยว นปช.
นางธิดา ถาวรเศรษฐ แกนนำกลุ่ม นปช. กล่าวว่า นายวุฒิพงศ์ไม่เคยเข้ามาร่วมกับเราเลย ถามว่าจะรับผิดชอบเขาได้ไหม ก็คงไม่ได้ แต่ถามว่าเราพยายามพูดเน้นย้ำเสมอเพื่อเตือนคนนั้นคนนี้ เราพยายามแล้ว แต่ว่าเราไม่ใช่กองทัพ จะไปห้ามไม่ให้คนพูดหรือทำอะไรมันไม่ได้ ฉะนั้นเราไม่อยากให้มันมีปัญหา แต่เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นแล้วก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
"โกตี๋เขาพูดจริงหรือไม่ ต้องเริ่มต้นก่อน มีตัดต่อหรือไม่ อันนี้ก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขา ส่วนที่ 2 ก็ต้องว่าไปตามเนื้อผ้า อะไรก็ตามที่มันผิดกฎหมายก็คือผิด เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของคนที่วุฒิภาวะไม่เพียงพอ อาจจะไม่รู้ว่าจะทำอะไร หรือพูดอะไรคล้ายๆ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ที่บอกว่าจะเป็นรัฏฐาธิปัตย์นั่นเอง และการดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองนั้น ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะต้องให้ท่านอยู่เหนือการเมือง ประชาชนทะเลาะกันก็ทะเลาะกันไป"นางธิดากล่าว
***ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะปลุกทหารจัดการ
วานนี้ (9 เม.ย.) เว็บไซต์เฟซบุ๊ก เหรียญทอง แน่นหนา ของ พล.ต.เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้เผยแพร่ข้อความว่า "ถึงราชองครักษ์ ทหารรักษาพระองค์ ทหารทุกนาย ทุกเหล่าทัพ เมื่ออริราชศัตรู ดังเช่น นายวุฒิพงศ์ และกลุ่มบุคคลที่ปรากฏตัวตนชัดเจน ทั้งยังได้ประกาศตนเป็นศัตรูกับฝ่าละอองธุลีพระบาท ดังคลิปข่าวที่ปรากฏต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนแล้ว โดยที่รัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายหาได้ใส่ใจดำเนินการตามกฎหมายใดๆ ต่อกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายยังมีพฤติกรรมที่ปล่อยปละละเลย ไม่ใส่ใจในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องฝ่าละอองธุลีพระบาทเสียด้วยซ้ำ"
พล.ต.เหรียญทองระบุว่า ทหารทุกนายจึงต้องปฏิบัติการพิทักษ์และปกป้องฝ่าละอองธุลีพระบาท โดยไม่ต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการใดๆ กันอีกแล้ว เพราะทหารได้ถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนอย่างชัดเจนแล้วว่า "ข้าพระพุทธเจ้าจะยอมตายเพื่อรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดี และถวายความปลอดภัยต่อใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท จนชีวิตหาไม่" คำสัตย์ปฏิญาณตนที่ได้ถวายสัตย์แล้วนั้น จึงเป็นคำสั่งสูงสุดของทหารทุกนายอยู่แล้ว โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ผู้บังคับบัญชาสั่งการใดๆ อีกแล้ว ผู้บัญชาการทุกเหล่าทัพก็ได้ถวายคำสัตย์ปฏิญาณตนนี้ด้วยเช่นเดียวกันกับทหารทุกนาย ส่วนทหารแต่ละนายจะดำเนินการอย่างไรนั้น ก็สุดแล้วแต่ดุลพินิจของทหารจะกระทำ แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นจะต้องเป็นการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อไม่ให้กลุ่มคนพวกนี้เหิมเกริมกันในแผ่นดินไทยนี้อีกต่อไป
ต่อมา พล.ต.เหรียญทองได้พิมพ์ข้อความระบุเพิ่มเติมว่า แชร์ทั่วกันว่าหากรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายยังคงปล่อยปละละเลยต่อกลุ่มคนที่เป็นศัตรูหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ แนวความคิดในการจัดตั้ง "กองทุนเผาขยะแผ่นดิน" จะเป็นแนวความคิดหนึ่งที่ ทหาร ตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และประชาชนที่จงรักภักดี อาจจำเป็นต้องจัดตั้งขึ้นเพื่อจัดการ "ขยะแผ่นดิน" กันเอง ทั้งๆ ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย สิ่งนี้จะเป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากการปล่อยปละละเลยของรัฐบาลและผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย
***ศาลเรียกสอบปากคำถอนประกัน"เต้น-ตู่"
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกจากศาลอาญากรณีที่ยื่นคำขอให้ถอนประกัน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และเลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ไปให้ถ้อยคำในวันที่ 18 เม.ย.2557 เวลา 09.00 น. ซึ่งตนจะได้นำคำปราศรัยที่ปลุกปั่นประชาชน โดยอ้างถึงระบอบอำมาตยาธิปไตย อำมาตย์เฒ่า เพื่อนำเสนอต่อศาลให้แกนนำเสื้อแดงพูดให้ชัดว่าหมายถึงอะไร เกี่ยวกับการปกครองในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อมโยงระหว่างการกระทำของโกตี๋ด้วย
"ขอฝากไปถึงนายธาริตที่เคยตรวจสอบผังล้มเจ้า น่าจะนำมาเปรียบเทียบกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้สามารถสืบสวน ขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังขบวนการนี้ได้ เพราะเริ่มมีภาพที่ชัดเจนมากขึ้นตามลำดับแล้ว ดังนั้น นอกจากนายธาริตจะรับคดีสงครามน้ำลาย เรื่องรัฏฐาธิปัตย์แล้ว ก็ควรจะรับคดีล้มเจ้าเป็นคดีพิเศษด้วย เพราะมีหลักฐาน คำพูด การกระทำที่ชัดเจน หากไม่ดำเนินการ จะถูกฟ้องในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่” นายสาธิต กล่าว