xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อุ้มรัฐบาลเถื่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “สมมติว่าท่านทำงานในบริษัทหนึ่ง และท่านประท้วงเจ้าของบริษัท ถามว่าทำได้หรือไม่ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับผู้บริหารของคุณ คุณกล้าไล่เขาออกหรือไม่ ถ้าไม่ได้ ก็ต้องทำหน้าที่ของคุณ เมื่อเขาให้ผมทำหน้าที่อะไร ก็ทำตามหน้าที่ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ให้เกินเลย เพราะจำเป็นต้องรักษาสถานภาพของผม เพื่อทำงานทุกงานให้ได้ ส่วนจะผิดหรือถูก จะรับหรือไม่รับก็ต้องไปว่ากันมา”

นั่นเป็นคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ตอบเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ให้กองทัพ อย่ายอมรับอำนาจของรัฐบาลรักษาการ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนว่า เขาเลือกที่จะยืนอยู่ข้างระบอบทักษิณ ยืนอยู่ข้างรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งที่มีสถานภาพเป็นรัฐบาลเถื่อนไปแล้ว มิใช่ยืนอยู่ข้างประชาชนเจ้าของเงินภาษี ที่ใช้หล่อเลี้ยงกองทัพ

เรื่องความเป็นรัฐบาลเถื่อนนี้ เสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ และ อดีต ส.ว.ได้เคยพูดถึงตั้งแต่ช่วงหลังเลือกตั้ง 2 ก.พ.ไปได้ไม่กี่วัน เพราะเห็นแล้วว่าจะไม่สามารถเปิดประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรกได้ภายใน 30 วัน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 127 กำหนด เพราะจำนวน ส.ส.จะไม่ถึง 95%

เมื่อไม่สามารถเปิดประชุมสภาได้ ก็จะมีผลต่อเนื่องไปถึงการเลือกนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 172 ที่บัญญัติว่า

“ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีการเรียกประชุมรัฐสภาเป็นครั้งแรก ตามมาตรา 127”

ทั้งนี้ เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ต้องการให้รัฐบาลรักษาการอยู่ดำเนินการเลือกตั้ง เพื่อมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ภายใน 60 วัน คือเลือกตั้งไปแล้ว 30 วัน ต้องเปิดสภาได้ หลังจากนั้นอีก 30 วัน ต้องมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถ้านับจาก 2 ก.พ.ที่เป็นวันเลือกตั้ง อายุของรัฐบาลรักษาการก็จะไปสิ้นสุดในวันที่ 2 เม.ย.
 
พอเริ่มวันที่ 3 เม.ย.รัฐบาลรักษาการของยิ่งลักษณ์ ก็สิ้นสภาพ ถ้ายังฝืนอยู่ ก็เรียกได้เต็มปากว่าเป็นรัฐบาลเถื่อน

แต่ ยิ่งลักษณ์ ก็ยังดื้อดึงที่จะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ทั้งๆ ที่ช่วงที่รักษาการก็ไม่สามารถบริหารประเทศได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ยิ่งมาตกอยู่ในสภาพรัฐบาลเถื่อนอย่างนี้ ยิ่งจะเป็นการสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้กับประเทศชาติ

ดังนั้นบรรดาข้าราชการ และองค์ต่างๆ ควรที่จะหยุดการปฏิบัติตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีรักษาการได้แล้ว

ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ อยากจะอุ้มรัฐบาลเถื่อน ก็ปล่อยเขาไป มวลมหาประชาชน โดยเฉพาะ สุเทพ เทือกสุบรรณ ที่เป็นแกนนำ ควรเลิกหวังว่า ผบ.ทบ.คนนี้ เป็นบุคคลสำคัญที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ประชาชนใช่จะหมดความหวังในการจะหยุดรัฐบาลรักษาการที่ดื้อด้านนี้เสียทีเดียว เพราะเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติรับคำร้องของกลุ่ม 40 ส.ว.ที่ยื่นผ่านประธานวุฒิสภา ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182(7) ประกอบรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 หรือไม่

จากกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้คืนตำแหน่ง เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ แก่ นายถวิล เปลี่ยนศรี เนื่องจากเห็นว่าเป็นการใช้ตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรี เข้าไปแทรกแซงการโยกย้าย เพื่อประโยชน์ของตนเอง เครือญาติ และพรรคเพื่อไทย ที่นายกรัฐมนตรีสังกัด เข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268 ประกอบมาตรา 266(2) และ (3)

ปมของเรื่องนี้ อยู่ที่ตระกูลชินวัตร ต้องการให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ พี่ชายของคุณหญิงพจมาน (ชินวัตร) ซึ่งขณะนั้นเป็น รอง ผบ.ตร.ได้ขึ้นเป็น ผบ.ตร.ก่อนเกษียณอายุราชการ เพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่วงศ์ตระกูล จึงต้องหาทางทำให้ตำแหน่ง ผบ.ตร.ว่างลง

ครั้นจะหาเหตุปลด พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิศรี ซึ่งนั่ง ผบ.ตร.อยู่ในขณะนั้น ก็หาความผิดไม่เจอ จึงต้องหาทางโยกย้ายโดยให้ตำแหน่งอยู่ในระนาบเดียวกัน ซึ่งก็มีการเจรจากัน แล้วก็ไปจบที่ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ จึงต้องย้าย นายถวิล ออกจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

เมื่อ นายถวิล นำเรื่องไปร้องต่อศาลปกครอง ว่าเป็นการโยกย้ายโดยมิชอบ ศาลปกครองกลางได้ตัดสินไปครั้งหนึ่งแล้วว่า ให้คืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.ให้นายถวิล แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ยอม จึงไปยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดอีก

ต่อมาศาลปกครองสูงสุดพิจารณาว่า แม้ว่าการโอนย้ายเป็นอำนาจหน้าที่ของฝ่ายบริหาร แต่ไม่มีเหตุผลอธิบายได้ว่า นายถวิล บกพร่องอย่างไร และไม่มีประสิทธิภาพในการทำหน้าที่อย่างไร จึงสั่งให้คืนตำแหน่ง เลขาฯ สมช.ให้นายถวิล ภายใน 45 วัน นับแต่มีคำพิพากษา ซึ่งขณะนี้ ครม.ก็ได้คืนตำแหน่งให้นายถวิล แล้ว

ดังนั้นเมื่อเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ จึงพอจะคาดเดาคำวินิจฉัยได้เลยว่า ยิ่งลักษณ์ ไม่รอดแน่ เพราะศาลปกครองยืนยันมาสองครั้งแล้วว่า เป็นการโยกย้ายโดยมิชอบ เพราะเข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง เพื่อประโยชน์ขอตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม อันเป็นการกระทำต้องห้าม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 266(2)

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินว่านายกฯยิ่งลักษณ์ กระทำการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 266(2) ความเป็นรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ ก็จะสิ้นสุดลง ตามมาตรา 268 ทันที

และเมื่อสถานภาพความเป็นนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลง ก็จะทำให้รัฐมนตรีทั้งคณะสิ้นสุดลงไปด้วย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 180(1) ไม่สามารถทำหน้าที่รักษาการได้อีกต่อไป

เรื่องนี้ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 2 เม.ย.และให้เวลา ยิ่งลักษณ์ ชี้แจงภายใน 15 วัน จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็จะพิจารณาวินิจฉัย และตัดสินออกมา 

ไทม์ไลน์ของรัฐบาลเถื่อนยิ่งลักษณ์ น่าจะสิ้นสุดหลังเทศกาลสงกรานต์ หรือถ้ามีการยื้อด้วยการขอขยายเวลาการชี้แจงเพิ่ม อย่างช้าไม่เกินต้นเดือนหน้า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น