xs
xsm
sm
md
lg

“ปู” พกโพยจ้อ ใช้ กก.ข้อมูลเจาะยาง ป.ป.ช. - เมิน “เทือก” ตั้งรัฏฐาธิปัตย์ ดักคอ “บิ๊กตู่” ต้องรู้หน้าที่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“อ้ายปึ้ง” นำ ครม.รดน้ำ “ยิ่งลักษณ์” ตั้งเป้า “สุเทพ” และพวกเป็นศัตรูรัฐบาลชัด ลั่นขอให้เลิกราห่างหายไปหมดสิ้น เจ้าตัวถือโพยตอบคำถามนักข่าว ส่งทนายร้อง ป.ป.ช. ค้าน “วิชา” ไต่สวน ขอเพิ่มสืบพยานอีก 4 ปาก ร้อง กก.ข้อมูลฯ ขอเปิดข้อกล่าวหา อีกด้านข้องใจศาล รธน.รับคำร้องโยกย้าย “ถวิล” ทำไมต้องให้สิ้นสภาพทั้งที่ยุบสภาไปแล้ว วอนใช้มาตรฐานกับคนอื่นบ้าง เมิน กปปส.ประกาศรัฏฐาธิปัตย์ ดักคอ “ประยุทธ์” ต้องรู้หน้าที่ยังไง



วันนี้ (8 เม.ย.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม เมื่อเวลา 12.30 น. ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ได้นำคณะรัฐมนตรีเข้ารดน้ำอวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลวันสงกรานต์ต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โดยนายสุรพงษ์ได้อวยพรให้นายกรัฐมนตรีว่า เทศกาลสงกรานต์ถือเป็นวันขึ้นปีใหม่ ขอให้สิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หมดสิ้นไป ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ ศัตรูต่างๆ โดยเฉพาะศัตรูกับรัฐบาล คือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพวกนั้นขอให้เลิกรา ห่างหายและหายไปให้หมดสิ้น ตั้งแต่นี้ต่อไปก็ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในประเทศ และขออวยพรให้นายกรัฐมนตรีมีสุขภาพที่แข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บอย่าได้มาเบียดเบียน นำพาพี่น้องประชาชนให้ก้าวเดินต่อไป

นายสุรพงษ์เปิดเผยภายหลังนำ ครม.รดน้ำอวยพรเนื่องในเทศกาลสงกรานต์ให้นายกรัฐมนตรีว่า เทศกาลสงกรานต์คนเหนือว่าเป็นเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ ตนก็ได้นำ ครม.เข้าอวยพรให้นายกรัฐมนตรี เพราะจากนี้ไปในช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็จะไม่มีโอกาสได้พบและอวยพรให้นายกรัฐมนตรี เพราะจะมีการประชุม ครม.อีกครั้งก็หลังเทศกาลสงกรานต์ จึงได้เตรียมการเมื่อคืนวันที่ 7 เม.ย. และถือโอกาสรดนำดำหัวทั้ง ครม. ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ให้พรกลับว่าขอให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรง ช่วยกันนำพาประเทศและบริหารงานกันต่อไป ส่วนอุปสรรคต่างๆ ตนก็ได้ขอให้หายไป หมดไป หลังจากนี้ก็เชื่อว่าสถานการณ์ต่างๆ ก็จะดีขึ้น

จากนั้นเวลา 13.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการชี้แจงต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อข้อกล่าวหาละเลยปฏิบัติหน้าที่โครงการรับจำนำข้าวว่า ได้มอบหมายให้ทนายเข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.2 เรื่อง โดยเรื่องแรกขอยื่นคัดค้านนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งยื่นเป็นครั้งที่ 3 หวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรมในการพิจารณา และยื่นคัดค้านกรณีถูกตัดพยานจาก 11 ปาก เหลือ 3 ปาก จึงขอให้ ป.ป.ช.สืบพยานเพิ่มอีก 4 ปาก ที่ล้วนอยู่ในระดับปฏิบัติการที่สามารถให้ข้อมูลข้อเท้จจริงได้ ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน, พล.ต.ต.ธวัช บุญเฟื่อง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี, พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร. และนายพิชัย ชุณหวชิร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายข้าวในตลาด โดยหวังว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช.จะให้ความเป็นธรรมในการให้สืบพยานเพิ่มเติม เพราะตนดูในระดับนโยบาย แต่การกล่าวหานั้นลงไปในระดับฝ่ายปฏิบัติการ จึงต้องให้เจ้าหน้าที่ฝ่าปฏิบัติการได้มีโอกาสเข้าชี้แจง ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญหลัก นอกจากนี้ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารในเรื่องการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารต่างๆ ที่ทาง ป.ป.ช.ได้กล่าวหาตน

เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยเสนอนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรกมารนโยบายข้าว ยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จากหน่วยงานไม่มี เราได้รับแต่หนังสือจาก ป.ป.ช. และในส่วนที่เราได้พูดคุยกันคือ มีพี่น้องประชาชนร้องเรียนในโครงการนี้ แต่ในระดับปฏิบัติงานไม่มี อย่างไรก็ตามในข้อมูลลึกๆ ขออนุญาตไปตอบในชั้นการให้ข้อมูลต่อ ป.ป.ช.

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ไม่เป็นธรรมว่า ตนและผู้ปฏิบัติงานมีประเด็นตั้งข้อสงสัย 2 ประเด็น คือ 1. เนื่องจากศาลปกครองได้มีคำวินิจฉัยเป็นที่สิ้นสุดแล้ว และ ครม.มีมติคืนตำแหน่งเลขาธิการ สมช.ตามที่ศาลปกครองได้วินิจฉัย ดังนั้น ทำไมศาลรัฐธรรมนูญจึงรับกรณีนี้เข้ามาพิจารณา และถือเป็นกรณีแรกที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องการโยกย้ายข้าราชการ คงต้องดูต่อไปว่าการตัดสินจะเป็นอย่างไร เพราะจะมีผลถึงบรรทัดฐานของกรณีอื่นๆ อีก และ 2. การร้องให้ตนเองสิ้นสภาพ ขอเรียนว่าในฐานะนายกรัฐมนตรีที่มีการยุบสภาแล้วก็ถือว่าสิ้นสภาพ มีหน้าที่เพียงการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอการเลือกตั้งซึ่งกรณีนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลยเช่นกัน จึงต้องขอตั้งข้อสังเกตเทียบเคียงกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ เมื่อมีการยุบสภาแล้วต้องให้ฝ่ายกฎหมายและทนายศึกษาพิจารณาเรื่องนี้ และหวังว่าฝ่ายที่อำนวยความยุติธรรม จะให้ความเป็นธรรมอย่างเสมอภาค และให้ความเป็นธรรมที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน

“ดิฉันไม่ขออะไร ขอเพียงแค่ความยุติธรรมที่เท่าเทียมกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ในอดีตที่เคยได้รับ หวังว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้คงจะเป็นบรรทัดฐานของการตัดสินให้เกิดการยอมรับ และความชอบธรรมในการที่จะปฏิบัติต่อไป” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางไปชี้แจงต่อศาลด้วยตัวเอง หรือส่งเป็นเอกสาร น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าวันนี้แม้กระทั่งเอกสารจะได้รับการชี้แจงหรือไม่ คงต้องรอฟัง เพราะยังไม่ทราบศาลรัฐธรรมนูญตัดสินวันไหน

ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าการตอบคำถามต่อสื่อมวลชนของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ได้มีการเตรียมช็อตโน้ตใส่กระดาษไว้ 2 ประเด็น คือ เรื่องของการชี้แจงข้อกล่าวละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อโครงการทุจริตรับจำนำข้าว และประเด็นที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี

น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะออกประกาศรัฏฐาธิปัตย์ ว่าถ้ากรณีรัฏฐาธิปัตย์ของนายสุเทพอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ก็คงจะไม่มีคำถามนี้เกิดขึ้น แต่เนื่องจากภายใต้กรอบกฎหมายนั้น ตามหลักหน้าที่ของผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี จะทำหน้าที่ในการทูลเกล้าฯ ถวายเรื่องคณะรัฐมนตรี ซึ่งวันนี้ตนต้องยึดกฎหมาย และต้องถามว่าถ้าบ้านเมืองไม่มีกฎหมายแล้วเราจะตอบนานาประเทศได้อย่างไรว่า เราจะใช้กฎหมายอะไร ที่จะเป็นบรรทัดฐานอะไร ถ้าเราไม่ยึดหลักสักกติกาหนึ่ง ซึ่งเราไม่อยากเห็นใครก็สามารถที่จะตั้ง ครม. และสภานิติบัญญัติ ในการที่จะปกครองบริหารประเทศได้ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ การยอมรับการให้ความเชื่อถือของนานาประเทศเป็นสิ่งสำคัญ อยากให้ประชาชนได้ช่วยกันหาทางออก เรายังเห็นด้วยในการพูดคุยกันอย่างสันติ เพราะวันนี้เศรษฐกิจต่างๆ มีผลกระทบ และไม่อยากให้มองว่าการที่เรามองปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ แล้วเราไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องความเชื่อถือ ด้านความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาระยะยาว และพื้นฐานการยอมรับนานาประเทศ พื้นฐานในการที่จะมีบรรทัดฐานกฎหมาย ตามกรอบของรัฐธรรมนูญนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้เราสามารถเป็นที่ยอมรับได้

เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) หรือไม่ หลังจากที่นายสุเทพประกาศตั้งรัฏฐาธิปัตย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าในฐานะ ผบ.ทบ. และในฐานะรองประธาน กอ.รมน.ควรจะมีจุดยืนของตัวเอง เพราะ ผบ.ทบ.ก็รู้ว่าควรจะปฏิบัติหน้าที่อย่างไร การดูแลฝ่ายความมั่นคงนั้นต้องปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน คงไม่ต้องถาม ผบ.ทบ. คิดว่า ผบ.ทบ.คงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทสไทย หรือ คปท. ที่ชุมนุมปักหลักอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล ใช้อาวุธหนักอาวุธร้ายแรง จะสั่งให้ทหารช่วยเคลียร์หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้การดูแลทำเนียบรัฐบาลทาง ศอ.รส.ได้มอบหมายให้กองทัพบกดูแลสถานที่ เชื่อว่าการดูแลของเจ้าหน้าที่ทหารที่ทำงานร่วมภายใต้ ศอ.รส.จะทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม มีผู้สื่อข่าวรายหนึ่งพยายามถามต่อด้วยว่า ขณะนี้คิดว่าประเทศป่วยนานเกินไปหรือไม่ และต้องใช้ยาแรงขนานไหนที่จะช่วยแก้ปัญหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ยิ้มและปฏิเสธที่จะตอบคำถาม










กำลังโหลดความคิดเห็น