การชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถูกโหมโรงไว้อย่างน่าสะพรึงกลัว แต่เอาเข้าจริงๆ คนเสื้อแดงที่ถูกระดมพลเข้ามามีเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น ไม่ได้มากมายเหมือนที่บรรดาแกนนำคุยโวไว้
จำนวนคนเสื้อแดงที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว เพื่อแสดงพลังคุกคามข่มขู่สังคม เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เมษายนที่ผ่านมานั้น ถูกประเมินไว้ตั้งแต่ประมาณ10,000 คน 30,000 คนและ 60,000 คน แล้วแต่ใครจะอุปโลกน์ตัวเลขให้ดูดีเข้าไว้ เพื่อเอาใจ “นาย”
แต่ไม่ว่าจะยกเมฆตัวเลขกันเท่าไหร่ จำนวนคนเสื้อแดงที่ออกมาก็มีจำนวนไม่ถึง 100,000 คนแน่นอน การประกาศยกพลไม่ต่ำกว่า 500,000 คน จึงเป็นตัวเลขที่โม้กันเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเหตุผลเพื่อ “วางบิล” เรียกเก็บเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดเสียงดังฟังชัด เรียกร้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ขอให้จำคำที่ประกาศไว้ ถ้าคนเสื้อแดงมาชุมนุมมากกว่ามวลมหาประชาชน ต้องยกเลิกการชุมนุมของ กปปส.
เมื่อคนเสื้อแดงมาเพียงหลอมแหลม ร.ต.อ.เฉลิมควรเอาปี๊บมาคุมหัวได้แล้ว
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.คงไม่มีความรู้สึกต้องเสียหน้าแต่อย่างใด เพราะสะกดคำว่า “ยางอาย” ไม่เป็นอยู่แล้ว
ใครจะคิดว่า การประกาศระดมคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ งานรวมพล “แดงทั้งแผ่นดิน” จะมีมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าร่วมเพียงเรือนหมื่น
พ.ต.ท.ทักษิณคงคาดหวังการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงครั้งนี้ไว้มาก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เทเต็มหน้าตัก รัฐมนตรีหลายคนลงทุนเดินสายปลุกระดม กระบอกเสียงคนเสื้อแดงและรัฐบาลโหมชักชวนคนเสื้อแดงกันกระหึ่ม
ตำรวจประกาศอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยเต็มที่ เงินในการขนคนมาร่วมถูกทุ่มลงไปไม่อั้น แต่คนเสื้อแดงก็มาเพียงหลอมแหลม
อย่าว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” เลย แดงให้เต็มถนนอักษะ หัวโจกคนเสื้อแดงทั้งหลายยังทำไม่ได้ มีแต่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
การประกาศ “ลั่นกลองรบ” ของนปช.กลายเป็นงานกร่อยไปแล้ว เพราะปลุกคนเสื้อแดงไม่ขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เหลือน้อยลงเต็มที
เหตุที่คนเสื้อแดงร่อยหรอลง เป็นผลพวงจากการบริหารงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทุกด้านของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา
คนเสื้อแดงกลับใจกันไม่น้อย ทยอยหันหลังให้ระบอบทักษิณ และจะทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จนตรอก เพราะไม่มีฐานมวลชนเพียงพอที่จะคุกคามข่มขู่สังคม
ก่อนหน้าการนัดรวมพลใหญ่คนเสื้อแดง แกนนำ นปช.ทุกภาคส่วนได้รับใบสั่งให้เคลื่อนไหวโจมตีองค์กรอิสระเต็มอัตราศึก คุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ
ปฏิบัติการยิงระเบิดถล่มองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดำเนินไปควบคู่กับการประกาศรบขั้นแตกหัก และการประกาศสงครามกลางเมือง หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกตัดสินให้มีความผิด จนต้องลงจากอำนาจ
การเปิดเกมขู่ของคนเสื้อแดง มีลักษณะเหมือนหมาบ้าที่กัดดะ แม้แต่กองทัพยังท้ารบ โดยหวังใช้คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มก่อกวนและกดดันฝ่ายต่างๆ
สังคมเริ่มหวาดวิตกต่อสงครามกลางเมืองที่อาจจะเกิดขึ้น หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกองค์กรอิสระตัดสินชะตากรรม เพราะคนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นอาละวาดแน่
แต่งานแดงทั้งแผ่นดินเมื่อวันที่ 5 เมษายนฯ ทำให้สังคมแทบหมดความหวาดหวั่นในสงครามกลางเมือง เพราะคนเสื้อแดงที่เหลือเพียงเท่านี้ จะไปทำอะไรได้
คนเสื้อแดงหลักหมื่นคน จะก่อสงครามกลางเมืองได้อย่างไร ระบอบทักษิณเหลือไพร่พลสนับสนุนเพียงหยิบมือเดียว จะไปรบกับใครที่ไหน
ไม่ต้องห่วงแรงกดดันสำหรับองค์กรอิสระแล้ว เพราะไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว และจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามเจตนารมณ์ได้
สิ่งที่หัวโจกคนเสื้อแดงทำได้ขณะนี้มีเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ การเห่าหอนเพื่อข่มขู่ไปวันๆ เท่านั้น ไม่อาจยกระดับการกดดันใดๆ อีกแล้ว
คำทำนายว่า สถานการณ์การเมืองทุกอย่างจะจบลงภายในเดือนเมษายนนี้ ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เพราะวันที่ 18 เมษายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช.โดยมิชอบ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งคณะต้องสิ้นสภาพลง
แกนนำคนเสื้อแดงขู่มาแล้ว ถ้าตัดสิน “ยิ่งลักษณ์” คนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านทั้งแผ่นดิน ซึ่งหลายฝ่ายก็รออยู่
เพราะจะได้จบๆ เสียที ทุกคนเบื่อเสียงขู่จากพวก “ขี้คอก” และขี้ข้าระบอบทักษิณเต็มทนแล้ว ถ้ายางหัวไม่ออกกันบ้าง การเมืองก็จบไม่ลง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยากมีเรื่องเมื่อไหร่ ปลุกคนเสื้อแดงออกมาอาละวาดได้เลย ทุกฝ่ายพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้า
หัวโจกเสื้อแดงอย่าเก่งแต่ปากเท่านั้น
จำนวนคนเสื้อแดงที่ออกมาร่วมเคลื่อนไหว เพื่อแสดงพลังคุกคามข่มขู่สังคม เมื่อวันเสาร์ที่ 5 เมษายนที่ผ่านมานั้น ถูกประเมินไว้ตั้งแต่ประมาณ10,000 คน 30,000 คนและ 60,000 คน แล้วแต่ใครจะอุปโลกน์ตัวเลขให้ดูดีเข้าไว้ เพื่อเอาใจ “นาย”
แต่ไม่ว่าจะยกเมฆตัวเลขกันเท่าไหร่ จำนวนคนเสื้อแดงที่ออกมาก็มีจำนวนไม่ถึง 100,000 คนแน่นอน การประกาศยกพลไม่ต่ำกว่า 500,000 คน จึงเป็นตัวเลขที่โม้กันเท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจเป็นเหตุผลเพื่อ “วางบิล” เรียกเก็บเงินจากพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดเสียงดังฟังชัด เรียกร้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส.ขอให้จำคำที่ประกาศไว้ ถ้าคนเสื้อแดงมาชุมนุมมากกว่ามวลมหาประชาชน ต้องยกเลิกการชุมนุมของ กปปส.
เมื่อคนเสื้อแดงมาเพียงหลอมแหลม ร.ต.อ.เฉลิมควรเอาปี๊บมาคุมหัวได้แล้ว
ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.คงไม่มีความรู้สึกต้องเสียหน้าแต่อย่างใด เพราะสะกดคำว่า “ยางอาย” ไม่เป็นอยู่แล้ว
ใครจะคิดว่า การประกาศระดมคนเสื้อแดงครั้งใหญ่ทั่วประเทศ งานรวมพล “แดงทั้งแผ่นดิน” จะมีมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าร่วมเพียงเรือนหมื่น
พ.ต.ท.ทักษิณคงคาดหวังการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงครั้งนี้ไว้มาก รัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็เทเต็มหน้าตัก รัฐมนตรีหลายคนลงทุนเดินสายปลุกระดม กระบอกเสียงคนเสื้อแดงและรัฐบาลโหมชักชวนคนเสื้อแดงกันกระหึ่ม
ตำรวจประกาศอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยเต็มที่ เงินในการขนคนมาร่วมถูกทุ่มลงไปไม่อั้น แต่คนเสื้อแดงก็มาเพียงหลอมแหลม
อย่าว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” เลย แดงให้เต็มถนนอักษะ หัวโจกคนเสื้อแดงทั้งหลายยังทำไม่ได้ มีแต่โฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น
การประกาศ “ลั่นกลองรบ” ของนปช.กลายเป็นงานกร่อยไปแล้ว เพราะปลุกคนเสื้อแดงไม่ขึ้น สะท้อนให้เห็นว่า มวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลยิ่งลักษณ์เหลือน้อยลงเต็มที
เหตุที่คนเสื้อแดงร่อยหรอลง เป็นผลพวงจากการบริหารงานที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงทุกด้านของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยในช่วง 2 ปีเศษที่ผ่านมา
คนเสื้อแดงกลับใจกันไม่น้อย ทยอยหันหลังให้ระบอบทักษิณ และจะทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์จนตรอก เพราะไม่มีฐานมวลชนเพียงพอที่จะคุกคามข่มขู่สังคม
ก่อนหน้าการนัดรวมพลใหญ่คนเสื้อแดง แกนนำ นปช.ทุกภาคส่วนได้รับใบสั่งให้เคลื่อนไหวโจมตีองค์กรอิสระเต็มอัตราศึก คุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ
ปฏิบัติการยิงระเบิดถล่มองค์กรอิสระและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ดำเนินไปควบคู่กับการประกาศรบขั้นแตกหัก และการประกาศสงครามกลางเมือง หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกตัดสินให้มีความผิด จนต้องลงจากอำนาจ
การเปิดเกมขู่ของคนเสื้อแดง มีลักษณะเหมือนหมาบ้าที่กัดดะ แม้แต่กองทัพยังท้ารบ โดยหวังใช้คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มก่อกวนและกดดันฝ่ายต่างๆ
สังคมเริ่มหวาดวิตกต่อสงครามกลางเมืองที่อาจจะเกิดขึ้น หากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกองค์กรอิสระตัดสินชะตากรรม เพราะคนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นอาละวาดแน่
แต่งานแดงทั้งแผ่นดินเมื่อวันที่ 5 เมษายนฯ ทำให้สังคมแทบหมดความหวาดหวั่นในสงครามกลางเมือง เพราะคนเสื้อแดงที่เหลือเพียงเท่านี้ จะไปทำอะไรได้
คนเสื้อแดงหลักหมื่นคน จะก่อสงครามกลางเมืองได้อย่างไร ระบอบทักษิณเหลือไพร่พลสนับสนุนเพียงหยิบมือเดียว จะไปรบกับใครที่ไหน
ไม่ต้องห่วงแรงกดดันสำหรับองค์กรอิสระแล้ว เพราะไม่มีอะไรต้องกลัว ไม่มีอะไรต้องหวั่นไหว และจะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาตามเจตนารมณ์ได้
สิ่งที่หัวโจกคนเสื้อแดงทำได้ขณะนี้มีเพียงการโฆษณาชวนเชื่อ การเห่าหอนเพื่อข่มขู่ไปวันๆ เท่านั้น ไม่อาจยกระดับการกดดันใดๆ อีกแล้ว
คำทำนายว่า สถานการณ์การเมืองทุกอย่างจะจบลงภายในเดือนเมษายนนี้ ส่อเค้าว่าจะเป็นจริง เพราะวันที่ 18 เมษายนนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาคำสั่งย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช.โดยมิชอบ ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งคณะต้องสิ้นสภาพลง
แกนนำคนเสื้อแดงขู่มาแล้ว ถ้าตัดสิน “ยิ่งลักษณ์” คนเสื้อแดงจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านทั้งแผ่นดิน ซึ่งหลายฝ่ายก็รออยู่
เพราะจะได้จบๆ เสียที ทุกคนเบื่อเสียงขู่จากพวก “ขี้คอก” และขี้ข้าระบอบทักษิณเต็มทนแล้ว ถ้ายางหัวไม่ออกกันบ้าง การเมืองก็จบไม่ลง
รัฐบาลยิ่งลักษณ์อยากมีเรื่องเมื่อไหร่ ปลุกคนเสื้อแดงออกมาอาละวาดได้เลย ทุกฝ่ายพร้อมแล้วสำหรับการเผชิญหน้า
หัวโจกเสื้อแดงอย่าเก่งแต่ปากเท่านั้น
