เสาร์ห้าโหนตลาด เทหมดหน้าตัก บลัฟม็อบนกหวีด

ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มาแล้วพะยี่ห้อการตลาด เซตฉากจัดอีเวนต์หารับประทาน!!

ตามคิวนัดดีเดย์ชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในวันที่ 5 เมษายนนี้ ที่ถนนอักษะ พุทธมณฑลสาย 3-4 จ.นครปฐม
 
ในฤกษ์ยาม“เสาร์ห้า”

ทุกองคาพยพในรัฐบาลรับลูก เร้าสถานการณ์กันเอิกเกริกยิ่งใหญ่ ประหนึ่งทัพหลวงกำลังเคลื่อนพลมาช่วยอุ้มชูทัพหน้าที่อยู่ในสถานการณ์ร่อแร่ใกล้แตกพ่าย

แต่ตามสัญญาณก้าวขยับของ นปช.ที่ถอดรหัสได้ เที่ยวนี้เป็นแค่ “โฆษณา” ทางการตลาด เพื่อหวังผลในอนาคตเท่านั้น ไม่ได้จัดแถวเตรียมประจันหน้ากับ “ม็อบนกหวีด” ของ “กำนันเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. อย่างที่มีการโหมโรงให้ดูเหมือนจริง

ว่ากันตามเงื่อนไข และระยะเวลาในการลั่นกลองรบ ช่วงนี้ยังดูเร็วเกินไป เพราะรัฐบาลรักษาการ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังไม่ถึงขั้นอกแตกตายคาสนามประชาธิปไตย แต่ยังพอมีลมหายใจพะงาบได้อีกสักพัก

คดีความในองค์กรอิสระ โดยเฉพาะ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่สุกงอมพอจะร่วงลงจากต้น เพียงแต่เพิ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการพิพากษาชะตาชีวิต “ปูกรรเชียง”

หากออกมาปิดเกมเร็ว ตามฤกษ์ยาม “เสาร์ห้า” หนนี้เลย จะเสียของ เหนื่อยฟรี เพราะศึกชิงเมืองยังไม่ถึงจุดได้เสีย ชี้เป็นชี้ตาย การออกมาชุมนุมยืดเยื้อแต่หัววัน ตั้งแต่ “ปูกรรเชียง” ยังมีเงาหัวครบ มีแต่ส่งผลลบกับตัวเอง ด้วยเงื่อนไขม็อบยิ่งยืดเยื้อ คนยิ่งน้อย
 
ยิ่งคนเสื้อแดงอยู่ในช่วงกระแสตก ถึงขั้นต้องจ้างระดมพลกันมา หากจะลากยาวอาจจะเหลือแค่เสากับเวที ฟังแกนนำปราศรัย !!

แต่เป้าแท้ๆ ในการนัดระดมใหญ่ เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากปริมาณมวลชนประคองอำนาจ

ตามรายงานว่า แกนนำคนเสื้อแดง และแกนนำรัฐบาลรักษาการ ประเมินคมดาบจากองค์อิสระ ไม่น่าจะทุบกระดอง “ปูกรรเชียง” แตกได้ในเดือนเมษายนนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ปล่อยปละละเลยให้เกิดความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ต้องใช้เวลาสอบพยานบุคคลอีก 3 ปาก ยังต้องเสียเวลาอีกสักพัก

หรือการตีความสถานภาพนายกฯ หลังสั่งเด้ง นายถวิล เปลี่ยนศรี พ้นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อเปิดทางให้เครือญาติตัวเองได้ดี ในมือศาลรัฐธรรมนูญ ที่ยังต้องใช้เวลาไต่สวนฝ่ายผู้ร้อง และผู้ถูกร้อง อีกพอสมควร

พลพรรคเพื่อแม้ว ฟันธงว่า ไม่น่าจะทันแน่ แต่ที่ต้องออกมาเร็วเพื่อต้องการสร้างกระแสโปรโมตเพิ่มมูลค่า “ม็อบ นปช.” ให้ดูเข้มขลัง

ตามสภาพระยะหลังที่กระแสเริ่มตก มุกแป้กหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการโรดโชว์ภาคอีสาน ที่เที่ยวตระเวนเรียกเรตติ้ง หรือการชุมนุมใหญ่ใน จ.ชลบุรี ที่แม้จะมีการเปลี่ยนตัวแม่ทัพจาก “นกแสก” นางธิดา ถาวรเศรษฐ มาเป็น “คางคกตู่” นายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่ก็ยังไม่กระเตื้อง ด้วยเพราะปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่มวลชนเริ่มรู้ไส้รู้พุง สันดานต้มตุ๋น จึงผละออกตัวออกมา

ทำให้กองกำลังเสื้อแดงที่แข็งแกร่งแพ็กกันแน่นตอนการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2553 หมดสภาพ เรียบร้อยบริบูรณ์แล้ว

ขณะเดียวกัน ช่วงที่ผ่านมา “ม็อบ นปช.” ยังถูกเยาะเย้ยถากถางจากฝั่งตรงข้ามว่า เป็นพวกของเก่าขึ้นรา ไม่มีราคานำมาปัดฝุ่นใหม่ แถม “กำนันเทือก” ยังตีเกราะเคาะไม้ท้ารบเลยว่า ให้ออกมาประชันมวลชนกัน อย่ามัวแต่กินบุญเก่า อาศัยผลงานในอดีตมาปั่นโพรไฟล์ ขู่ฟ่อรายวันอย่างนั้น อย่างนี้
 
เพราะไม่มีราคา มีแต่น้ำลายเหม็นๆ

“ม็อบ นปช.”อยู่ในสภาพง่อยเปลี้ยเสียขา ถึงขนาดถูก “4 ทหารเสือ” ของ กปปส.บุกไปลูบคมถึงถิ่น อิมพีเรียลลาดพร้าว ฐานบัญชาการใหญ่มาแล้วหนหนึ่ง

ตามกระดานการเมือง นปช.ที่เคยเป็นดังผนังทองแดงกำแพงเหล็ก กลับมาผุกร่อน ย่อมทำให้รัฐบาลรักษาการอ่อนแอตามไปด้วย “นายใหญ่” จึงจำเป็นต้องเทกแอ็กชัน ทำอะไรบางอย่างเพื่อกู้วิกฤต โดยอาศัยจังหวะที่ “ม็อบนกหวีด” ประคองตัว รอมะม่วงหล่น ควักกระเป๋าระดมทุนจัดทัพใหญ่ออกมาประชัน แล้วเลือกสมรภูมิใกล้กรุงเทพมหานคร แต่อยู่นอกพื้นที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เป็นที่ซ่องสุมกองกำลังชั่วคราว เพื่อปั่นกระแสมวลชน

ขณะที่รายการนี้ ยังต้องทุ่มหมดหน้าตัก ทุกองคาพยพ ไม่ว่าจะเหล่ากอ ก๊กไหน ต้องพร้อมใจกันทุ่มทุนสร้างฉากกองกำลังแดงให้ดูน่าเกรงขามมากที่สุด ตามคิวที่ “ขี้ข้าเบอร์หนึ่ง” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) ที่ปกติชอบนั่งกินแรงเพื่อน ต้องออกมาโพนทะนา กวักมือเรียกคนมาชุมนุม

หรือจะในราย “อ้ายปึ้ง” นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศอ.รส.ที่ออกมาประเมินตัวเลขมวลชนเสียโอเวอร์เกินจริง

นอกจากนี้ ยังมีบริวารตัวเล็ก ตัวน้อย แบ่งหน้าที่กันขนมวลชนมาเติมในวันที่ 5 เมษายน เพื่อให้มีภาพมวลชนคนเสื้อแดงมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ทางหนึ่งเพื่อต้องการลบคำสบประมาทของฝั่งตรงข้ามว่า “ม็อบ นปช.” กระสุนด้านไปแล้ว กับอีกทางหนึ่ง เพื่อต้องการส่งสัญญาณไปยังฝั่งอำมาตย์ ให้ไม่กล้าผลีผลามปิดเกมเร็ว กับ “ปูกรรเชียง” เพราะยังมีมวลชนจำนวนไม่น้อย พร้อมออกมาปกป้อง

รอบนี้บริวาร “นายใหญ่” ค่อนข้างมั่นใจว่า จะไม่แป้กเหมือนครั้งก่อนๆ แน่ เพราะปัจจัยหลายๆ อย่าง ค่อนข้างเอื้อให้ โดยเฉพาะห้วงเวลาดังกล่าว เป็นช่วงวันหยุดยาว 3 วันติดต่อกัน เหมาะแก่การ “จ้าง” คนมาผสมโรง ขณะเดียวกัน ทุนทรัพย์ที่ “นายใหญ่” อนุมัติรอบนี้ จัดเต็มอลังการ

ที่สำคัญ เป็นการจัดขึ้นหลังจากกลุ่ม กปปส.เพิ่งจะจัดเดินขบวนใหญ่ไปแล้ว ทำให้พอเห็นปริมาณมวลชนของฝั่งตรงข้ามพอคร่าวๆ และรู้ว่า ตัวเองจะทุ่มงบเท่าไหร่ เพื่อให้ได้คนมาเยอะกว่า

ตามคิวที่ “ตุ๊ดตู่” ออกตัวแต่หัววันว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นแค่การซ้อมใหญ่เรียกน้ำย่อย เพราะครั้งต่อไปจะยิ่งเยอะกว่านี้หลายเท่า หากใครของปลอม ขอให้หลบไป

เปลือยกันได้ชัดๆ “ม็อบ นปช.” บนถนนอักษะรอบนี้ การตลาดหวังกำไรตรงเป๊ะ ตามสไตล์ “นายใหญ่” โดยหลังจากนี้คนในรัฐบาลจะหยิบเอาปริมาณมวลชนไปหากินเพื่อปั่นกระแสเผชิญหน้า หากอำมาตย์จะลงดาบ “ปูกรรเชียง”

ขณะที่ แกนนำ นปช.จะเอาปริมาณมวลชนไปเยาะเย้ยม็อบ กปปส.ว่า น้อยกว่า ไม่ใช่เสียงส่วนใหญ่ของประเทศ เพราะคนยังรัก “ปูกรรเชียง” อยู่ แล้วก็สวมบทขู่รายวัน หากใครจะบั่นคอ “นายหญิง” นปช.จะมามากว่านี้อีกหลายเท่า 

มีข้ออ้างเห่ากว่าที่ผ่านมาทันที !!
 
เสาร์ห้าที่จะถึงนี้จึงแค่จ้างคนเขียนเสือให้วัวกลัว ไม่ร้อนอย่างที่คิด เพราะหากคิดจะบวกจริงๆ ป่านนี้ขนคนเข้าเผชิญหน้าแตกหักในเมืองกรุงแล้ว