การเมืองกำลังใกล้จุดไคลแมกซ์ เพราะรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสะดุดขาตัวเองจากกรรมที่ก่อไว้ ทั้งการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ย้ายนายถวิล เปลี่ยนสี เลขา สมช.ไม่เป็นธรรม สร้างวาทกรรมหลอกลวงคนรากหญ้า จะร่ำรวยกันทั้งแผ่นดิน... แต่เอาเข้าจริงกลับต้องเผชิญกับความยากจนยิ่งกว่าเดิม จากภาวะค่าครองชีพมหาโหดที่เหล่าบริษัทในเครือนักการเมืองเร่งสูบเอาจากเลือดเนื้อประชาชน
การเมืองไทยจึงเกิดปรากฏการณ์ “แยกกันเดินแล้วรวมกันตี” ซึ่งเป็นยุทธวิธีล้าสมัยแต่ใช้ได้ดีในสถานการณ์ที่คับขัน จึงไม่แปลกเมื่อการระดมพลของกลุ่มมวลชนเสื้อแดง นปช.เรียกระดมพลครั้งใดมีมวลชนเข้าร่วมต่ำกว่าเป้า ก่อให้เกิดการเปลี่ยนตัวแกนนำ จากนางธิดา ถาวรเศรษฐ เจ้าของฉายา “นกแสก” มาเป็นคางคกขึ้นวอ อย่างไอ้ตู่ “จตุพร พรหมพันธุ์” โดยมีไอ้เต้น “ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” ตามประกบดูผลงาน
เกมที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผลักดันเอา จตุพร มาดูแล นปช. เชื่อว่าต้องการเร่งเกมให้ขี้ข้าที่สั่งหันซ้ายหันขวาเปิดเกมรุกแทนการตั้งรับ เพราะรู้ดีว่า “ไอ้ตู่” อาชีพหลักสมัยเรียนอยู่รามคำแหง รับจ้างจัดม็อบมาตลอด ส่วน “ไอ้เต้น” ก็เอามาเป็นคนประดิษฐวาทกรรมสาดโคลนใส่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นงานที่เจ้าตัวถนัด แล้วให้กำกับดูแลไอ้ตู่ไปในตัวอีกชั้น
อีกด้าน บิ๊กอ้วน “ภูมิชัย เวชยชัย” ก็ใช้แรมโบ้แรมบ้าอีสาน สุภรณ์ อัตถาวงศ์ รวบรวมกำลังทัพ นปช.ที่แตกกระจัดกระจาย เพราะได้ส่วนแบ่งไม่เป็นธรรมให้กลับมารวมในนามสมาชิกอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ หรือ อพปช. ใช้เป็นกำลังสำรอง พร้อมเป็นการกดดัน นปช.ไม่ให้เบี้ยวเมื่อนายใหญ่ต้องการใช้งาน ต้องเรียกได้ทันที
แต่ถึงวินาทีนี้ คนเสื้อแดงอีสานฐานกำลังหลักของพรรคเพื่อไทยหูตาสว่างขึ้น จากทุกขเวทนาราคาผลผลิตดิ่งลงเหว ลูกหลานเดือดร้อนจากรายได้ลดลง แต่กลับมีรายจ่ายพอกพูนสูงขึ้น การระดมหาสมาชิกจากคนเสื้อแดงมาเป็นคนเสื้อแดงอีกครั้งไม่ว่าเวทีที่ภาคอีสาน หรือภาคเหนือ จึงไม่เป็นไปตามเป้า
ทั้งมีการหว่านเงินให้ผู้เข้าร่วมสมัครเป็นสมาชิก อพช.หัวละ 200 บาท พร้อมแจกเสื้อแจ็กเกต ...โดยตั้งแต่เดือน ก.พ. ถึงปัจจุบันกว่า 1 เดือน มีคนเข้าร่วมเป็นสมาชิกอาสาสมัครพิทักษ์ประชาธิปไตยแห่งชาติ (อพปช.) ทั่วประเทศจริงๆ ไม่ถึง 5,000 คน
ร้อนถึงบรรดาอดีต ส.ส.ผู้ทรงเกียรติพรรคเพื่อไทย ที่อยู่เบื้องหลัง ต้องออกแรงผลักดันเปิดรับสมัครสมาชิกรอบ 2 เมื่อวันที่ 8 มี.ค. จ่ายเงินให้หัวคะแนนพาคนมาสมัครคนละ 1,000 บาท ยอดก็ไม่ขยับ
และยิ่งตอกย้ำเมื่อ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร พร้อม “ไอ้กี้ร” อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เดินทางมาพบกับกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย (ผรท.) ที่หอประชุมโรงเรียนขุนหาญวิทยาสรรค์ อ.ขุนหาญ จ.ศรีสะเกษ เมื่อหลายวันก่อน มีกลุ่ม ผรท.ภาคอีสาน นำโดยสหายอยู่ นายพรชัย มณีนิล ที่ปรึกษานายก อบจ.ศรีสะเกษ ร่วมกับสมาชิก นปช.มาต้อนรับไม่ถึง 500 คน
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น! แสดงให้เห็นถึงพลังเวทมนต์ของนักโทษหนีคดี พ.ต.ท.ทักษิณ เริ่มเสื่อมลงในหมู่คนรากหญ้าอย่างเห็นได้ชัด แม้แต่เจ้าตัวเองก็คาดไม่ถึง
จึงไม่แปลกใจที่ระยะหลังจะเห็นภาพบรรดาอาจารย์ตามมหาวิทยาลัยที่เป็นสายแดงใช้ลูกศิษย์ออกมาเคลื่อนไหวหนักขึ้น เพราะแดงสายรากหญ้าเริ่มใช้ไม่ได้
อีกไม่ช้าไม่นาน สงครามยืดเยื้อจากนักการตลาดอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ที่แทะกินประเทศไทยมานานกว่า 10 ปี ก็คงจบลง พร้อมกับเหลือบไรทางการเมืองกระโดดหาที่เกาะใหม่ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจที่สร้างผลประโยชน์
การปรับกลยุทธ์ครั้งนี้ของกลุ่ม นปช. และพรรคเพื่อไทย จึงเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้าย โดยใช้ประชาธิปไตยไทยเป็นวาทกรรมให้อยู่ในอำนาจได้นานที่สุดเท่านั้น!