xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ปัด “ป๋า” ส่งสัญญาณพิเศษ ข้อความใต้อนุสาวรีย์ “กฤษณ์” ชี้ “จตุพร” ไร้เกียรติ-ไม่ให้ราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (แฟ้มภาพ)
“ประยุทธ์” อ้าง “ป๋าเปรม” ไม่ได้ให้ไปอ่านข้อความใต้อนุสาวรีย์ “พล.อ.กฤษณ์” แค่บอกเป็นคำพูดที่ไพเราะดี ไม่ได้ส่งสัญญาณพิเศษใด ชี้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ใหญ่-มีเกียรติ ไม่ทำอะไรอย่างที่ใครคิด พ้อมีแต่คนพูดคนรู้ แต่ไม่มีคนทำ ย้ำกองทัพทำตามกฎหมาย ไม่เต้นตามกระแส ยันแม้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทหารยังคงตั้งบังเกอร์ดูแลความปลอดภัยเป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ไม่ให้ราคา “จตุพร” นั่งประธานแก๊งแดง บอกเป็นพวกไร้เกียรติ ลั่นไม่ยอมให้แบ่งแยกประเทศ ถ้าแรงใส่ทหารก็แรงกลับ





พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ อยากให้ ผบ.ทบ.ได้อ่านข้อความที่แกะสลักไว้ที่ใต้ฐานอนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา อดีต ผบ.ทบ. ที่ค่ายกฤษณ์สีวะรา จังหวัดทหารบกสกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร ที่ระบุว่า “ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา” ซึ่งเป็นคำพูดที่ พล.อ.กฤษณ์ สีวะรา เคยเอ่ยไว้กับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ตนไม่เห็นมีปัญหาอะไร ไม่ได้ชักกระตุกตามที่สื่อมวลชนเขียนและไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะเป็นเรื่องภายในที่มีการจัดตั้งอนุสาวรีย์ พล.อ.กฤษณ์ ที่ได้ทำคุณประโยชน์ ตนได้จัดให้ พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาเป็นตัวแทนไป เพราะติดภารกิจ โดยมี พล.ท.ชาญชัย ภู่ทอง แม่ทัพภาคที่ 2 ต้อนรับ

ทั้งนี้ พล.อ.เปรมได้เข้าไปดูพื้นที่และอนุสาวรีย์ฯ พร้อมกับกล่าวว่า “คำพูดนี้ก็ไพเราะดีนะ” ขณะเดียวกัน อนุสาวรีย์ฯ ยังไม่มีความเรียบร้อย พล.อ.เปรมคงจะพูดว่า “ว่างๆ ก็ให้ผบ.ทบ.มาดู และมาเยี่ยมบ้าง” ซึ่งตนก็ไปอยู่แล้ว ทั้งหมดก็แค่นั้น ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้น

ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า พล.อ.เปรมส่งสัญญาณบางอย่างหรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่า “ใครวิพากษ์วิจารณ์ คุณวิพากษ์วิจารณ์เอง ไม่ใช่ผม วิพากษ์วิจารณ์เพื่อให้ผมรับสัญญาณ แต่ผมไม่รับสัญญาณใครทั้งนั้น ผมคิดว่า พล.อ.เปรมเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นบุคคลที่มีเกียรติในแผ่นดินนี้ เพราะฉะนั้นท่านคงไม่ทำอะไรอย่างที่ทุกคนคิด และไม่จำเป็นที่ท่านจะฝากใครมา มีอะไรท่านสามารถพูดกับผมได้อยู่แล้ว คนในกองทัพทั้งกองทัพให้ความเคารพท่าน และคิดว่าท่านไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ทุกคนกลับไปคิดว่าท่านไม่อยู่ซ้ายก็ต้องอยู่ขวา บ้านเมืองแตกแยกเพราะแบบนี้ ทำไมไม่มองให้คนช่วยกันแก้ไขปัญหา ถ้ามันอยู่ซ้ายหรือขวาก็ดึงกลับมาตรงกลาง ทำไมไม่ทำแบบนี้ แล้วเมื่อไหร่มันจะจบ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บางครั้งตนก็ไม่สบายใจ เข้าใจว่าสื่อก็ทำหน้าที่ ตนก็ทำหน้าที่ แต่บางครั้งก็ละเมิดกันมากเกินไปทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย วิจารณ์ทุกเรื่องทุกกระบวนการ มีแต่คนพูด มีแต่คนรู้ แต่ไม่มีคนทำ ตนคงทำงานบนความเกลียดชังและความไม่เป็นธรรมไม่ได้ กองทัพต้องทำงานภายใต้กฎหมาย มีคนบอกว่ากองทัพมีอำนาจมากมาย ตนอยากถามว่ามีอำนาจพอที่จะไปจับกุมใครได้หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ต้องมีตำรวจ ไม่ต้องมีกระบวนการยุติธรรม หากทหารสามารถทำอะไรได้เลยโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการยุติธรรม จะเห็นได้ว่าทหารก็ต้องฟ้องร้อง ใช้อำนาจศาลในการปิดเว็บไซต์ และสถานีวิทยุต่างๆ ที่ผิดกฎหมายต้องหมายศาลทั้งสิ้น ไม่มีหมายทหาร

“วันนี้ทุกคนบอกว่าถึงเวลาที่ทหารต้องออกมาสักที สมมติว่าเกิดจลาจลก็เป็นเรื่องของกฎหมาย ซึ่งต้องใช้กฎหมายทุกฉบับแต่อยู่ว่าจะใช้อย่างไรให้ถูกต้อง การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เริ่มมาจาก พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะกฎหมายปกติมีข้อจำกัดและข้อห้ามในการทำงานของเจ้าหน้าที่จึงเพิ่มกฎหมายพิเศษ โดยรัฐบาลไม่ใช่ทหาร และขึ้นอยู่ที่รัฐบาลว่าจะใช้ใครเป็นผู้รับผิดชอบอย่านำทุกอย่างมาพันกันโดยที่ไม่เข้าใจ ในเมื่อมองว่าสถานการณ์ยังไม่มีความรุนแรงมากนักก็มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดูแล ทหารก็เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ถึงแม้จะมีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทหารก็เป็นผู้ช่วยเจ้าพนักงานและออกทำงานได้เหมือนเดิม ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ยอมรับความว่าการตั้งจุดตรวจความมั่นคง 176 จุด ยังไม่สามารถหยุดการกระทำที่รุนแรงได้ ทั้งนี้ต้องดำเนินการกับคนที่นำอาวุธสงครามมาใช้

ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ต่อจากนี้จะรุนแรงหรือไม่ เพราะมีการเปลี่ยนตัวประธาน นปช. เป็นนายจตุพร พรหมพันธุ์ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนไม่ให้ความสำคัญกับคนพวกนี้ จะมียุทธศาสตร์หรือไม่ ตนไม่สนใจ เป็นเรื่องของคนทำผิดกฎหมาย ทุกพวกทุกฝ่าย เดี๋ยวจะหาว่าตนลำเอียง ก็ผิดกฎหมายกันทั้งหมด จะฝ่ายซ้ายหรือขวาก็ผิดกฎหมาย วันหน้าก็ต้องมาสู้กันด้วยกฎหมายและเดินเข้าสู่การลงโทษดำเนินคดีคนละหลายร้อยคดี ถามว่าฝ่าย นปช.มีอยู่กี่คดีในศาลและอยู่ระหว่างประกันตัวอยู่ใช่หรือไม่ และหากมีการยกเลิกประกันตัวก็เดือดร้อนมาประท้วงอีก สรุปแล้วประเทศนี้จะอยู่ด้วยอะไร อยู่ด้วยคนส่วนใหญ่ หรือกฎหมาย และอย่าขอทุกกลุ่มอย่าทำผิดกฎหมายให้มากนัก

“จะมารบกับทหาร ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่รัฐก็เอา คนแบบนี้จะไปร่วมมือกับเขาได้อีกหรือ ถ้าต่อสู้ด้วยกระบวนการประชาธิปไตย หรือต่อสู้ด้วยความไม่ชอบธรรมก็ว่ากันไปตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่อย่าใช้ความรุนแรง แต่ถ้าใช้หลักการว่าต้องสู้กับทหาร เจ้าหน้าที่ ใช้อาวุธสงความ ใช้ความรุนแรง หรือแม้แต่ประกาศให้บุกธนาคารเพื่อเอาเงิน ให้ถาม ประธาน นปช.ว่าพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร มาถามเจ้าหน้าที่แล้วให้มาตอบสู้กับโจร ไม่ใช่เรื่อง ถ้าแรงใส่ทหารมา ผมก็แรง เพราะฉะนั้นจะมาสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐไม่ได้ ผมถามว่า ประกาศชัดเจนจะมาสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ประกาศแบ่งโน้นแบ่งนี้ ก็ลองทำมาแล้วกัน ผมไม่ได้ท้าทาย แต่ผมไม่ยอมให้ใครมาแบ่งโน้นแบ่งนี้เหมือนกัน”

ส่วนจะเป็นการผลัก นปช.ให้ไปอยู่อีกฝั่งหรือไม่ โดยเฉพาะการที่กองทัพแจ้งความดำเนินคดีต่อฝ่าย นปช. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ถามว่าเขาทำผิดกฎหมาย ด่ากองทัพ อยู่หรือไม่ ถ้าไม่เกี่ยวกับกองทัพ ตนจะไปยุ่งอะไรกับเขา ส่วนตัวก็ไม่ได้มีความขัดแย้งกัน ต่างคนต่างไม่รู้จักกันและตนก็ไม่อยากรู้จักกับเขาแล้ว ตนจะไปขัดแย้งกับเขาตรงไหน

เมื่อถามว่า จุดยืนของกองทัพอยู่ตรงไหน พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า กองทัพมีจุดยืนเป็นของประชาชนและประเทศชาติ แล้วตนไปยืนขัดกับเขาอยู่ตรงไหน ไปแย่งที่ยืนหรือไม่ มีแต่ที่ไปเขียนให้ตนกับเขาเป็นศัตรู เพราะตนไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่บางครั้งจำเป็นเพราะต้องปกป้องนำพากองทัพ ต้องดูว่ากองทัพทำหน้าที่อะไร ซึ่งหากกลุ่ม กปปส.พูดแบ่งแยกประเทศหรือล้มสถาบัน ตนก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน แต่นี้เขาพูดทำนองนี้หรือยัง ก็ยังไม่ได้พูด แล้ว นปช.พูดอย่างไร แล้วฝ่ายไหนต้องแก้ไขก่อน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องพูดคุยกับประธาน นปช.หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เขาไม่มีเกียรติพอ และตนก็ไม่ให้เกียรติเขา ในเมื่อคนไม่รู้จักให้เกียรติคนอื่น แล้วตนจะให้เกียรติเขาทำไม เพียงแต่เสียดายพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ให้คนเหล่านี้เดินนำหน้า มันไม่มีเกียรติ ถ้าอะไรไม่ชอบธรรมและไม่เหมาะสมก็ฟ้องร้อง เรียกมาตามกระบวนการ ไม่ใช่ไปด่าหรือไปยุ่งเกี่ยวสถาบัน ด่าทหาร ศาล องค์กรอิสระ โดนไปหมด ขอถามว่าคนพวกนี้หรือจะให้เป็นผู้นำเรา

“คนที่เป็นผู้นำได้ต้องมีเกียรติ และไม่ใช่มีด้วยตัวเอง แต่คนอื่นมีให้เอง แต่ถ้ายังใช้วิธีการเลวๆ พูดหยาบคาย ฟังไม่ได้ คนแบบนี้หรือที่ท่านจะให้เขาเป็นใหญ่ เหมือนเราไปยกย่องคนไม่ดีมาเป็นผู้นำ เพราะฉะนั้นวันนี้ คนไทยต้องตาสว่าง และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่มีใครได้อะไร ไม่มีใครแพ้ชนะ หรือสำเร็จ มีแต่แย่ด้วยกันทั้งหมด พอทหารเข้ามาช่วยก็ด่า เล่นงานทหารอีก มากล่าวหาว่าทหารไปแบ่งพวกแบ่งฝ่าย มันไม่ใช่ ถามว่าถ้าอยู่เฉยๆ ได้หรือไม่ ไม่ออกมาช่วยประชาชนก็ไม่ได้”

“ทหารที่ออกมาดูแล 60-70 เปอร์เซ็นต์ ก็เป็นลูกเป็นหลานทั้งสองฝ่าย แต่มีคนตรงกลางมายุแหย่ มวลชนที่อาจจะเป็นเครือญาติกับทหารที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ ต้องมาต่อสู้ มารบกันเอง ขอถามว่า คนแบบนี้เป็นผู้นำประเภทไหน ตนมองว่าเราต้องว่าจะดำเนินคดีกับคนพวกนี้อย่างไร ทั้งในส่วนที่พูดให้เกิดความเกลียดชัง พูดให้เกิดความรุนแรง ตอบโต้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ บุกรุกสถานที่ บุกเข้าธนาคารเอาเงินมาใช้ พูดอย่างนี้ได้อย่างไร”




กำลังโหลดความคิดเห็น