การชุมนุมใหญ่ของ กปปส.ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความสงบเรียบร้อย ส่วนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กำลังจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 เมษายนนี้ และกำลังเป็นที่จับตาของทุกฝ่าย
เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.หรือคนเสื้อแดง มักเกิดปรากฏการณ์ของความรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเผชิญวิบากกรรมรอบด้าน
คนเสื้อแดงถูกปลุกระดมให้เปิดปฏิบัติการคุกคามข่มขู่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั่วประเทศ โดยองค์กรอิสระตกเป็นเป้าหมายสำคัญ
ความรุนแรงรูปแบบต่างๆ ถูกนำมาใช้ ทั้งในรูปแบบที่เปิดเผยหรือวิธีการลอบกัด ระเบิดตูมตามจากอาวุธสงครามดังขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน และแทบจับคนร้ายไม่ได้เลย ทั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นใจกลางเมือง
ก่อนนัดระดมผลครั้งใหญ่ คนเสื้อแดงกลุ่มย่อยๆ ได้กระจายตัวเคลื่อนไหวนำร่องด้วยความรุนแรงแทบทั่วประเทศ มีการยกพวกคุกคามข่มขู่ข้าราชการที่แสดงตัวต่อต้านรัฐบาล รุมทำร้ายประชาชนที่มีความเห็นต่าง หรือแม้แต่การแสดงความป่าเถื่อนด้วยการรุมสกรัมพระสงฆ์
อาวุธสงครามจำนวนมาก ถูกซ่องสุมไว้และมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุร้ายต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยเชื่อกันว่า อาวุธสงครามที่กลุ่มคนเสื้อแดงซุกซ่อนอยู่ เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่
การนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะอาจเป็นชนวนสู่การเผชิญหน้า และความรุนแรงที่จะตามมา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช.ประกาศว่า จะระดมคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แต่จำนวนคนจะไม่ถึงแสนคนหรือเกิน 5 แสนคน ไม่มีนัยสำคัญมากนัก
เพราะการชุมนุมใหญ่กลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลายครั้งมีประชาชนเข้าร่วมเกิน 5 ล้านคน สร้างประวัติศาสตร์การต่อต้านรัฐบาลที่มีมวลมหาประชาชนจำนวนมากที่สุดในโลก แต่ก็มิได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแต่อย่างใด
ในเมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ดื้อด้าน ทำเป็นรับรู้กระแสประชาชนเสียอย่าง
จำนวนคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะ ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายนนี้ จึงไม่มีความหมายอะไร เว้นแต่จะมากันไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น เพราะจะทำให้บรรดาแกนนำ นปช.หน้าแตกอีกครั้ง
เป้าหมายของการปลุกระดมคนเสื้อแดงครั้งใหม่ เพื่อแสดงพลัง แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังมีฐานมวลชนคนเสื้อแดงสนับสนุน และเป็นการแสดงพลังเพื่อคุกคามข่มขู่ทุกฝ่าย
การนัดชุมนุมใหญ่ กปปส.มักจะมีคำเตือนจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายตำรวจใหญ่ ให้ระวังการสร้างสถานการณ์จะมีมือที่ 3 เพื่อขู่ผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุม แต่การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงไม่มีคำเตือนใดๆ ทั้งที่มือที่ 3 อาจจ้องสร้างสถานการณ์อยู่ก็ได้
ตั้งแต่เหตุการณ์ 19 พฤษภาคมปี 2533 คนเสื้อแดงไม่ค่อยเรียกระดมพลใหญ่ วันที่ 5 เมษาฯ นี้ ถือว่าเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี โดยตั้งทัพชายเขตกทม. โดย กปปส.ยึดพื้นที่ใจกลางเมืองอยู่
มีเหตุผลที่สังคมจะเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะในพื้นที่ไหน เพราะมักจะมีการสร้างความรุนแรงตามมา
ยิ่งการนัดระดมพลครั้งใหญ่ ยิ่งมีคนเสื้อแดงรวมตัวกันมากๆ ยิ่งมีปฏิบัติการความรุนแรงนำร่องก่อนหน้า การชุมนุมครั้งนี้จึงมีความน่ากลัว เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
กองทัพสั่งจับตาการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด มีการประเมินสถานการณ์ เตรียมการรับมือเหตุร้ายที่อาจกิดขึ้น
ไม่มีใครคาดหมายได้ว่า การยกพลของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ จะเกิดเหตุอะไรขึ้นหรือไม่ คนเสื้อแดงจะปฏิบัติการป่วนกรุงเหมือนในอดีตหรือไม่ ได้แต่รอติดตามประเมินสถานการณ์วันต่อวันเท่านั้น
พูดกันหลายกระแสว่า เดือนเมษายนนี้ สถานการณ์การเมืองจะร้อนสุดขีด และอาจเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ทุกอย่างจะจบลงภายในเดือนนี้ โดยยังมองไม่ออกว่า การเมืองจะจบได้อย่างไร ในรูปแบบไหน
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อแสดงพลังคุกคามข่มขู่ใครก็ตาม ถ้ากลายเป็นชนวนสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบทางการเมืองในเดือนเมษายนนี้ก็ได้
อาจเป็นจุดเริ่มต้นในจุดจบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งหนุนหลังให้ท้ายคนเสื้อแดงก็ได้
ใครจะยอมให้คนเสื้อแดงกร่างคับบ้านคับเมือง ใครจะยอมให้ นปช.ทำตัวเป็นอันธพาลอยู่เหนือกฎหมาย ใครจะกลัวมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลทรราช
รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังงัดวิชามารทุกชนิด เพื่อยืดอายุตัวเอง แต่การปลุกระดมคนเสื้อแดงขึ้นมาอาละวาด จะเป็นตัวเร่งให้ระบอบทักษิณพังพินาศเร็วขึ้น
ถ้าไม่เชื่อ ชุมนุมใหญ่ 5 เมษาฯ นี้ ลองสั่งให้คนเสื้อแดงก่อชนวนความรุนแรงดูก็ได้
เพราะการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.หรือคนเสื้อแดง มักเกิดปรากฏการณ์ของความรุนแรง โดยเฉพาะในช่วงนี้ ซึ่งรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำลังเผชิญวิบากกรรมรอบด้าน
คนเสื้อแดงถูกปลุกระดมให้เปิดปฏิบัติการคุกคามข่มขู่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั่วประเทศ โดยองค์กรอิสระตกเป็นเป้าหมายสำคัญ
ความรุนแรงรูปแบบต่างๆ ถูกนำมาใช้ ทั้งในรูปแบบที่เปิดเผยหรือวิธีการลอบกัด ระเบิดตูมตามจากอาวุธสงครามดังขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน และแทบจับคนร้ายไม่ได้เลย ทั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นใจกลางเมือง
ก่อนนัดระดมผลครั้งใหญ่ คนเสื้อแดงกลุ่มย่อยๆ ได้กระจายตัวเคลื่อนไหวนำร่องด้วยความรุนแรงแทบทั่วประเทศ มีการยกพวกคุกคามข่มขู่ข้าราชการที่แสดงตัวต่อต้านรัฐบาล รุมทำร้ายประชาชนที่มีความเห็นต่าง หรือแม้แต่การแสดงความป่าเถื่อนด้วยการรุมสกรัมพระสงฆ์
อาวุธสงครามจำนวนมาก ถูกซ่องสุมไว้และมีความเชื่อมโยงกับการก่อเหตุร้ายต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยเชื่อกันว่า อาวุธสงครามที่กลุ่มคนเสื้อแดงซุกซ่อนอยู่ เพื่อเตรียมเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่
การนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงครั้งนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่ากังวล เพราะอาจเป็นชนวนสู่การเผชิญหน้า และความรุนแรงที่จะตามมา
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่ม นปช.ประกาศว่า จะระดมคนเสื้อแดงมาร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน แต่จำนวนคนจะไม่ถึงแสนคนหรือเกิน 5 แสนคน ไม่มีนัยสำคัญมากนัก
เพราะการชุมนุมใหญ่กลุ่ม กปปส.ของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ หลายครั้งมีประชาชนเข้าร่วมเกิน 5 ล้านคน สร้างประวัติศาสตร์การต่อต้านรัฐบาลที่มีมวลมหาประชาชนจำนวนมากที่สุดในโลก แต่ก็มิได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองแต่อย่างใด
ในเมื่อนางสาวยิ่งลักษณ์ดื้อด้าน ทำเป็นรับรู้กระแสประชาชนเสียอย่าง
จำนวนคนเสื้อแดงที่จะมาร่วมชุมนุมที่ถนนอักษะ ในวันเสาร์ที่ 5 เมษายนนี้ จึงไม่มีความหมายอะไร เว้นแต่จะมากันไม่กี่หมื่นคนเท่านั้น เพราะจะทำให้บรรดาแกนนำ นปช.หน้าแตกอีกครั้ง
เป้าหมายของการปลุกระดมคนเสื้อแดงครั้งใหม่ เพื่อแสดงพลัง แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ยังมีฐานมวลชนคนเสื้อแดงสนับสนุน และเป็นการแสดงพลังเพื่อคุกคามข่มขู่ทุกฝ่าย
การนัดชุมนุมใหญ่ กปปส.มักจะมีคำเตือนจาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายตำรวจใหญ่ ให้ระวังการสร้างสถานการณ์จะมีมือที่ 3 เพื่อขู่ผู้ที่จะเดินทางมาร่วมชุมนุม แต่การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงไม่มีคำเตือนใดๆ ทั้งที่มือที่ 3 อาจจ้องสร้างสถานการณ์อยู่ก็ได้
ตั้งแต่เหตุการณ์ 19 พฤษภาคมปี 2533 คนเสื้อแดงไม่ค่อยเรียกระดมพลใหญ่ วันที่ 5 เมษาฯ นี้ ถือว่าเป็นการระดมพลครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 4 ปี โดยตั้งทัพชายเขตกทม. โดย กปปส.ยึดพื้นที่ใจกลางเมืองอยู่
มีเหตุผลที่สังคมจะเกิดความประหวั่นพรั่นพรึงในการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ว่าจะในพื้นที่ไหน เพราะมักจะมีการสร้างความรุนแรงตามมา
ยิ่งการนัดระดมพลครั้งใหญ่ ยิ่งมีคนเสื้อแดงรวมตัวกันมากๆ ยิ่งมีปฏิบัติการความรุนแรงนำร่องก่อนหน้า การชุมนุมครั้งนี้จึงมีความน่ากลัว เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
กองทัพสั่งจับตาการชุมนุมใหญ่คนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด มีการประเมินสถานการณ์ เตรียมการรับมือเหตุร้ายที่อาจกิดขึ้น
ไม่มีใครคาดหมายได้ว่า การยกพลของกลุ่มคนเสื้อแดงครั้งนี้ จะเกิดเหตุอะไรขึ้นหรือไม่ คนเสื้อแดงจะปฏิบัติการป่วนกรุงเหมือนในอดีตหรือไม่ ได้แต่รอติดตามประเมินสถานการณ์วันต่อวันเท่านั้น
พูดกันหลายกระแสว่า เดือนเมษายนนี้ สถานการณ์การเมืองจะร้อนสุดขีด และอาจเกิดความรุนแรงขึ้น แต่ทุกอย่างจะจบลงภายในเดือนนี้ โดยยังมองไม่ออกว่า การเมืองจะจบได้อย่างไร ในรูปแบบไหน
การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อแสดงพลังคุกคามข่มขู่ใครก็ตาม ถ้ากลายเป็นชนวนสู่การเผชิญหน้าและความรุนแรง อาจเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบทางการเมืองในเดือนเมษายนนี้ก็ได้
อาจเป็นจุดเริ่มต้นในจุดจบของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งหนุนหลังให้ท้ายคนเสื้อแดงก็ได้
ใครจะยอมให้คนเสื้อแดงกร่างคับบ้านคับเมือง ใครจะยอมให้ นปช.ทำตัวเป็นอันธพาลอยู่เหนือกฎหมาย ใครจะกลัวมวลชนที่สนับสนุนรัฐบาลทรราช
รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังงัดวิชามารทุกชนิด เพื่อยืดอายุตัวเอง แต่การปลุกระดมคนเสื้อแดงขึ้นมาอาละวาด จะเป็นตัวเร่งให้ระบอบทักษิณพังพินาศเร็วขึ้น
ถ้าไม่เชื่อ ชุมนุมใหญ่ 5 เมษาฯ นี้ ลองสั่งให้คนเสื้อแดงก่อชนวนความรุนแรงดูก็ได้