นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรำพึงรำพันจนแทบเป็นบทท่องจำตลอดเวลาว่า ต้องรักษาประชาธิปไตย ทำตามกฎหมาย ยึดรัฐธรรมนูญ และไม่ใช้ความรุนแรง แต่การบริหารงานของรัฐบาลกลับเป็นสิ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
นายกรัฐมนตรีเป็นหญิงตลบแตลง ตอหลดตอแหลเหมือนที่สังคมวิพากษ์กันหรือไม่ ข้อเท็จจริงในความประพฤติคือคำตอบ
ระบอบประชาธิปไตย กลายเป็นคาถาป้องกันตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อแรงกดดันทั้งหลาย และกลายเป็นข้ออ้างเดียวที่ใช้เป็นเหตุผลอยู่ในตำแหน่งต่อไป
ประชาชนลุกฮือขึ้นมาขับไล่กี่ล้านคนก็ตาม นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สะทกสะท้าน
การแสดงพลังมวลชนถูกพิสูจน์แล้วว่า ไม่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยดื้อด้านจนไม่อาจหาคำบรรยายใดๆ ได้
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องดื้อและด้าน เพราะหากยอมลาออกตามเสียงเรียกร้องของประชาชน จะเป็นการปิดฉากของระบอบทักษิณ สิ้นยุครุ่งเรืองของพรรคเพื่อไทย และเป็นอวสานของตระกูลชินวัตร
เพราะถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระบอบทักษิณจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีก รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงพยายามกอดอำนาจไว้ให้นานที่สุดจนวาระสุดท้าย
ทำอย่างไรจึงจะไล่รัฐบาลออกไปได้ กลายป็นโจทย์ใหญ่ของประชาชนฝ่ายต่อต้าน เพราะเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยทุกวิถีทางแล้ว แต่ “ยิ่งลักษณ์” ตีลูกเซ่อ เฉยเมยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเสียงเรียกร้อง
ทุกคนทำใจแล้ว ชะตากรรมของรัฐบาลชุดนี้ ต้องปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาลเป็นคนตัดสิน
คดีต่างๆ ของนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยงวดเข้ามาทุกขณะ หลายคดีจะนำไปสู่การสิ้นสภาพของนางสาวยิ่งลักษณ์ หลายคดีจะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสิ้นอายุขัย
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเดินในร่องน้ำเดียวกันกับพี่ชาย โดยปลุกระดมปรักปรำองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม อ้างว่าไม่มีความเป็นกลาง และป้ายสีว่า เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มรัฐบาล
คนในรัฐบาลพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของศาล มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ใช้วิธีคุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ รวมทั้งการยิงระเบิดศาล
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน ไม่มีมือที่สาม แต่เกิดจากการกระทำของฝ่ายเดียวคือ ฝ่ายรัฐบาล เพราะผู้ที่ถูกใช้ความรุนแรง ไม่ใช่พวกของรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้ชุมนุม กปปส. ผู้นำการต่อต้านรัฐบาล องค์กรอิสระหรือแม้แต่ศาล
นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่พยายามพูดถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ให้กลุ่มที่ก่อความรุนแรงยุติการกระทำ ไม่เร่งรัดกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด เหมือนพอใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น แม้จะพรากชีวิตเด็กไร้เดียงสาไปถึง 4 ศพก็ตาม
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยเปิดหน้าชกแล้ว แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินขององค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าคำตัดสินนั้นทำให้รัฐบาลต้องมีอันเป็นไป
การระดมคนเสื้อแดงออกมาคุกคาม การยิงระเบิดใส่ข่มขู่ศาลและ ป.ป.ช.เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า ถ้าชี้มูลความผิดนางสาวยิงลักษณ์หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ประเทศจะวุ่นวาย
เพราะพรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้ และจะปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว ก่อความวุ่นวายนำไปสู่การเผชิญหน้า และถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง
การเมืองไทยเดินมาใกล้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญแล้ว แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น ภายหลังจุด “แตกหัก” เพราะรัฐบาลเพื่อไทยแสดงท่าทีแล้ว จะไม่ยอมรับคำตัดสินที่เป็นลบของ ป.ป.ช.หรือศาลใดก็ตาม
ข้อความที่ชูขึ้นมาข่มขู่คือ “สงครามกลางเมือง”
กระบวนการยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งสุดท้าย และขณะนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวสำหรับวิกฤตการณ์การเมืองไทย เป็นความหวังเดียวของประชาชนส่วนใหญ่ที่จะนำประเทศกลับสู่ความสงบ
แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศตัวแล้ว จะไม่ยอมรับคำตัดสิน ทั้งที่ ป.ป.ช.หรือศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมา และเป็นการแสดงให้รู้ว่า
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับกติกาหรือกฎเกณฑ์ใด และจะอยู่ในอำนาจต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือแม้จะเกิดสงครามกลางเมืองก็ตาม
สังคมจะกลียุค ประเทศจะวุ่นวาย บ้านเมืองจะเสียหายเพียงใด รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ใส่ใจ ขอเพียงให้ได้อยู่ในอำนาจอย่างดียวเท่านั้น
แต่ประชาชนจะทนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เล่นนอกกติกา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย และสร้างความเสียหายให้ประเทศต่อไปหรือ
คำขู่เรื่องการ “แตกหัก” หรือสงครามกลางเมือง พรรคเพื่อไทยมีคำตอบหรือยังว่า ประชาชนกลัวหรือไม่
บทเรียนการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจำได้หรือไม่ว่า ปลุกกระแสให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านขนาดไหน
และจำไม่ได้หรือว่า การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องพัง จนมีฐานะแค่รัฐบาลรักษาการไปวันๆ เพื่อรอวันตาย มิใช่เกิดจากการดันทุรังกฎหมายนิรโทษกรรมหรือ
สำหรับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณ ประชาชนพร้อมจะ “แตกหัก”แล้ว เหลือเพียงรอเวลาเท่านั้น
เมื่อคำตัดสินของ ป.ป.ช.เมื่อคำตัดสินของศาลออกมา ถ้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยอมรับ ดื้อด้านจะอยู่ต่อไป ประชาชนส่วนใหญ่คงยอมไม่ได้เหมือนกัน
แตกหักก็แตกหักกัน จะเกิดสงครามกลางเมืองก็เกิด แต่นักการเมืองชั่วๆ เพียงกลุ่มเดียว คนเสื้อแดงเพียงหยิบมือเดียว จะก่อสงครามกลางเมืองได้หรือ
คำขู่การ “แตกหัก” และสงครามกลางเมือง อาจเป็นแค่เสียงเห่าเท่านั้น
นายกรัฐมนตรีเป็นหญิงตลบแตลง ตอหลดตอแหลเหมือนที่สังคมวิพากษ์กันหรือไม่ ข้อเท็จจริงในความประพฤติคือคำตอบ
ระบอบประชาธิปไตย กลายเป็นคาถาป้องกันตัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ต่อแรงกดดันทั้งหลาย และกลายเป็นข้ออ้างเดียวที่ใช้เป็นเหตุผลอยู่ในตำแหน่งต่อไป
ประชาชนลุกฮือขึ้นมาขับไล่กี่ล้านคนก็ตาม นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่สะทกสะท้าน
การแสดงพลังมวลชนถูกพิสูจน์แล้วว่า ไม่อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ เพราะรัฐบาลพรรคเพื่อไทยดื้อด้านจนไม่อาจหาคำบรรยายใดๆ ได้
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์จำเป็นต้องดื้อและด้าน เพราะหากยอมลาออกตามเสียงเรียกร้องของประชาชน จะเป็นการปิดฉากของระบอบทักษิณ สิ้นยุครุ่งเรืองของพรรคเพื่อไทย และเป็นอวสานของตระกูลชินวัตร
เพราะถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ระบอบทักษิณจะไม่มีโอกาสได้เกิดอีก รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงพยายามกอดอำนาจไว้ให้นานที่สุดจนวาระสุดท้าย
ทำอย่างไรจึงจะไล่รัฐบาลออกไปได้ กลายป็นโจทย์ใหญ่ของประชาชนฝ่ายต่อต้าน เพราะเคลื่อนไหวตามระบอบประชาธิปไตยทุกวิถีทางแล้ว แต่ “ยิ่งลักษณ์” ตีลูกเซ่อ เฉยเมยไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อเสียงเรียกร้อง
ทุกคนทำใจแล้ว ชะตากรรมของรัฐบาลชุดนี้ ต้องปล่อยไปตามกระบวนการยุติธรรม ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระและศาลเป็นคนตัดสิน
คดีต่างๆ ของนางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลพรรคเพื่อไทยงวดเข้ามาทุกขณะ หลายคดีจะนำไปสู่การสิ้นสภาพของนางสาวยิ่งลักษณ์ หลายคดีจะทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยสิ้นอายุขัย
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์กำลังเดินในร่องน้ำเดียวกันกับพี่ชาย โดยปลุกระดมปรักปรำองค์กรอิสระและกระบวนการยุติธรรม อ้างว่าไม่มีความเป็นกลาง และป้ายสีว่า เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการล้มรัฐบาล
คนในรัฐบาลพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของศาล มีการปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ออกมาเคลื่อนไหวกดดัน ใช้วิธีคุกคามข่มขู่ในทุกรูปแบบ รวมทั้งการยิงระเบิดศาล
ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นรายวัน ไม่มีมือที่สาม แต่เกิดจากการกระทำของฝ่ายเดียวคือ ฝ่ายรัฐบาล เพราะผู้ที่ถูกใช้ความรุนแรง ไม่ใช่พวกของรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่ว่าผู้ชุมนุม กปปส. ผู้นำการต่อต้านรัฐบาล องค์กรอิสระหรือแม้แต่ศาล
นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่พยายามพูดถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้น ไม่มีการส่งสัญญาณใดๆ ให้กลุ่มที่ก่อความรุนแรงยุติการกระทำ ไม่เร่งรัดกดดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิด เหมือนพอใจกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น แม้จะพรากชีวิตเด็กไร้เดียงสาไปถึง 4 ศพก็ตาม
รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยเปิดหน้าชกแล้ว แสดงท่าทีชัดเจนว่า จะไม่ยอมรับคำตัดสินขององค์กรอิสระหรือศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าคำตัดสินนั้นทำให้รัฐบาลต้องมีอันเป็นไป
การระดมคนเสื้อแดงออกมาคุกคาม การยิงระเบิดใส่ข่มขู่ศาลและ ป.ป.ช.เป็นการส่งสัญญาณเตือนว่า ถ้าชี้มูลความผิดนางสาวยิงลักษณ์หรือรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ประเทศจะวุ่นวาย
เพราะพรรคเพื่อไทยยอมไม่ได้ และจะปลุกระดมคนเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหว ก่อความวุ่นวายนำไปสู่การเผชิญหน้า และถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง
การเมืองไทยเดินมาใกล้ถึงจุดเปลี่ยนที่สำคัญแล้ว แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่มีแนวโน้มจะเกิดขึ้น ภายหลังจุด “แตกหัก” เพราะรัฐบาลเพื่อไทยแสดงท่าทีแล้ว จะไม่ยอมรับคำตัดสินที่เป็นลบของ ป.ป.ช.หรือศาลใดก็ตาม
ข้อความที่ชูขึ้นมาข่มขู่คือ “สงครามกลางเมือง”
กระบวนการยุติธรรมถือเป็นที่พึ่งสุดท้าย และขณะนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นทางออกเดียวสำหรับวิกฤตการณ์การเมืองไทย เป็นความหวังเดียวของประชาชนส่วนใหญ่ที่จะนำประเทศกลับสู่ความสงบ
แต่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ประกาศตัวแล้ว จะไม่ยอมรับคำตัดสิน ทั้งที่ ป.ป.ช.หรือศาลยังไม่มีคำวินิจฉัยใดๆ ออกมา และเป็นการแสดงให้รู้ว่า
รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับกติกาหรือกฎเกณฑ์ใด และจะอยู่ในอำนาจต่อไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น หรือแม้จะเกิดสงครามกลางเมืองก็ตาม
สังคมจะกลียุค ประเทศจะวุ่นวาย บ้านเมืองจะเสียหายเพียงใด รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ใส่ใจ ขอเพียงให้ได้อยู่ในอำนาจอย่างดียวเท่านั้น
แต่ประชาชนจะทนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์เล่นนอกกติกา ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย และสร้างความเสียหายให้ประเทศต่อไปหรือ
คำขู่เรื่องการ “แตกหัก” หรือสงครามกลางเมือง พรรคเพื่อไทยมีคำตอบหรือยังว่า ประชาชนกลัวหรือไม่
บทเรียนการผลักดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจำได้หรือไม่ว่า ปลุกกระแสให้ประชาชนลุกฮือขึ้นมาต่อต้านขนาดไหน
และจำไม่ได้หรือว่า การที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ต้องพัง จนมีฐานะแค่รัฐบาลรักษาการไปวันๆ เพื่อรอวันตาย มิใช่เกิดจากการดันทุรังกฎหมายนิรโทษกรรมหรือ
สำหรับรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ พรรคเพื่อไทยและระบอบทักษิณ ประชาชนพร้อมจะ “แตกหัก”แล้ว เหลือเพียงรอเวลาเท่านั้น
เมื่อคำตัดสินของ ป.ป.ช.เมื่อคำตัดสินของศาลออกมา ถ้ารัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ยอมรับ ดื้อด้านจะอยู่ต่อไป ประชาชนส่วนใหญ่คงยอมไม่ได้เหมือนกัน
แตกหักก็แตกหักกัน จะเกิดสงครามกลางเมืองก็เกิด แต่นักการเมืองชั่วๆ เพียงกลุ่มเดียว คนเสื้อแดงเพียงหยิบมือเดียว จะก่อสงครามกลางเมืองได้หรือ
คำขู่การ “แตกหัก” และสงครามกลางเมือง อาจเป็นแค่เสียงเห่าเท่านั้น