xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ลุ้นท่อส่งอีสาน-เหนืออนุมัติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

    ASTVผู้จัดการรายวัน -  ปตท.จ่อลงทุนท่อส่งน้ำมันไปภาคเหนืออีสาน รอกระทรวงพลังงานชี้ขาด คาดกลางปีนี้ได้ข้อสรุปผลศึกษาโครงการจากแทปไลน์  ยอมรับต้นทุนค่าขนส่งสู้การขนส่งทางบกไม่ได้  ส่วนยอดขายน้ำมัน 2 เดือนแรกปีนี้โตแค่ 1-2% ต่ำกว่าเป้าหมาย หลังได้รับผลกระทบทางการเมือง

     นายชวลิต พันธ์ทอง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการวางท่อน้ำมันไปยังภาคเหนือและภาคอีสาน ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการวางท่อส่งน้ำมันทั่วประเทศเพื่อให้น้ำมันมีราคาเดียวกันทั้งประเทศ  โดยขณะนี้มีหลายหน่วยงานได้ศึกษาอยู่  อาทิ  กระทรวงพลังงาน บริษัทขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) บริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด หรือ แทปไลน์ ที่ปตท. ถือหุ้นอยู่ 33.19% คาดว่าแทปไลน์จะศึกษาเสร็จไปแล้ว 80%น่าจะมีความชัดเจนได้กลางปีนี้

     หลังจากนั้นจะนำผลศึกษาของแทปไลน์ยื่นให้กระทรวงพลังงานพิจารณาด้วย  หากพบว่าแทปไลน์ในฐานะภาคเอกชนไม่สามารถดำเนินการสร้างได้ ทางกระทรวงพลังงานก็คงจะนำโครงการดังกล่าวมาทำเอง โดย ปตท. พร้อมที่จะเป็นผู้ลงทุน

     ดังนั้น ปตท.จึงต้องทำการศึกษาความเป็นไปได้ควบคู่ไปด้วย โดยได้รายละเอียดผลการศึกษาจะมีทั้งวงเงินลงทุน  พื้นที่วางท่อน้ำมันที่เหมาะสม ผลกระทบต่อสังคม เศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผลตอบแทนการลงทุน เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะทราบผลการศึกษาภายในปี 2557 นี้เช่นกัน

     อย่างไรก็ตาม การสร้างท่อส่งน้ำมันถือว่าเป็นประโยชน์โดยรวมต่อประเทศไทย ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุในการขนส่งน้ำมันบนท้องถนน ประชาชนมีโอกาสใช้น้ำมันได้อย่างทั่วถึงและสะดวกขึ้น แต่ต้องยอมรับว่าต้นทุนการลงทุนค่อนข้างสูง เพราะยิ่งวางท่อในระยะไกล ต้นทุนจะยิ่งเพิ่มขึ้น หากรัฐบาลต้องการทำให้ราคาน้ำมันทางท่อถูกกว่าการขนส่งทางรถ
รัฐบาลจำเป็นต้องใช้เงินอุดหนุนการขนส่งด้วย

     “ หากรัฐบาลต้องการให้ ปตท. เป็นผู้ลงทุนสร้างท่อส่งน้ำมันภายในประเทศแทนรัฐบาลนั้น ทาง ปตท.จะต้องวางแผนสร้างคลังน้ำมันไปตามแนวเส้นท่อ เพื่อเป็นจุดกระจายน้ำมัน โดยะสร้างคลังศูนย์กลางภาคละ 1 แห่งเท่านั้น  เพื่อลดภาระการลงทุน”  

     สำหรับยอดขายน้ำมันในช่วง 2 เดือนแรกปีนี้ ปตท.มียอดขายน้ำมันโตขึ้นเพียง 1-2% เมื่อเทียบกับปี 2556 แต่ถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 3% เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันลดลงจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว โดยเฉพาะพื้นที่ กทม. ยอดขายน้ำมันลดลงถึง  5%  ซึ่งเชื่อว่าทุกค่ายน้ำมันประสบปัญหาเช่นเดียวกัน หากสถานการณ์การเมืองยังยืดเยื้อต่อไปเชื่อว่าปีนี้ยอดขายน้ำมันของปตท.จะโตต่ำกว่าเป้าหมายเหลือเพียง 1-2%หรืออาจไม่เติบโตเลย

      อย่างไรก็ตาม ผลกระทบดังกล่าวจะไม่ส่งผลต่อแผนการลงทุนสร้างปั๊มน้ำมันของ ปตท.ในอนาคต โดยปีนี้ คาดว่าจะขยายปั๊มเพิ่มอีก 40 แห่ง และปรับปรุงปั๊มอีก 200 แห่ง  เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดไว้ระดับ 38%

     นอกจากนี้ ปตท.ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทต่างประเทศจำนวนมาก เพื่อคัดเลือกนำธุรกิจด้านอาหารจานด่วน(ฟาสต์ฟู้ด)มาจำหน่ายในปั๊มปตท. ทุกแห่ง เพื่อให้ ปตท.เป็นเจ้าของกิจการฟาสต์ฟู้ดของตัวเอง เช่นเดียวกับธุรกิจร้านกาแฟอเมซอน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจนอนออยล์ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น