00 ผลการเลือกตั้ง ส.ว.ที่ผ่านมาย่อมเป็นคำตอบได้อย่างดีว่า ทำไม ระบอบทักษิณ ถึงได้ต้องการให้มีการเลือกตั้งกันนัก เพราะรู้อยู่แล้วเลือกตั้งกันคราวใดพวกเขาก็ต้องชนะแบบขาดลอยทุกครั้ง และที่น่าเจ็บปวดก็คือ ผลการเลือกตั้ง ส.ว.อุดรฯ ที่เมียขวัญชัย ไพรพนา (สาราคำ) ชนะขาดลอยได้คะแนนกว่า 3 แสน ดังนั้นหากการเรียนรู้ข้อมูล ระบบคิดของคนไทยส่วนใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ มันก็ยังไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะไม่ว่าจะปฏิรูปกันอย่างไร เราก็ไม่อาจปฏิเสธการเลือกตั้ง เพราะในที่สุดเป้าหมายก็ต้องไปทางนั้น อย่างไรก็ดี ก็มีนิมิตที่ดีเหมือนกัน เพราะหลายพื้นที่ หลายจังหวัดเราก็ได้ ส.ว.ที่เป็นความหวังที่เข้าไปคัดง้างกับคนชั่วได้อย่างดุเดือดเช่นกัน อย่างน้อยก็ในกรุงเทพฯ ที่เรากำลังจะมี ส.ว.คนใหม่อย่าง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา แม้ว่ามีแนวโน้มจะถูกแช่แข็งเอาไว้ชั่วคราว แต่ถึงอย่างไรจะเลือกอีกครั้งก็ยังนอนมา คะแนนกว่า 5 แสน มันธรรมดาที่ไหน
00 เพราะผลจากการเลือกตั้งดังกล่าว หากมีการปฏิรูปสำเร็จแล้วมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เราไม่คิดบ้างหรือว่า บางทีเราอาจได้ ขวัญชัย ไพรพนา เป็นผู้ว่าฯในอนาคตที่ได้รับเสียงท่วมท้น และมีอำนาจบังคับบัญชาตำรวจท้องถิ่น มันก็เป็นไปได้ไม่ยากไม่ใช่หรือ เพราะยืนยันได้จากผลการเลือกตั้งส.ว.อุดรฯ มาแล้วไม่ใช่หรือ อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ยังไม่เกิด เราก็อย่าไปฟูมฟาย คาดการณ์เรื่อยเปื่อย แต่ถึงเกิดขึ้นแบบนั้นจริง ก็คงไปยับยั้งไม่ได้ เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง แต่สำคัญก็คือ ต้องเลือกตั้งกันอย่างแฟร์ๆ ยุติธรรม และสำคัญไปกว่านั้นหากไม่คิดอะไรซับซ้อนสิ่งเดียวที่ต้องทำให้เข้มข้นคือ "ระบบการตรวจสอบ" ต้องอิสระจริงๆ ต้องออกแบบไม่ให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้เลย ความหมายก็คือ "ใครอยากโกงก็ได้ แต่ต้องติดคุกทุกราย" ทำอย่างไรให้ตำรวจ รอดจากการครอบงำจากการเมือง อัยการมีอิสระสั่งฟ้องทุกคนตามกม. ที่มาขององค์กรอิสระ ต้องอิสระและโปร่งใสจริงๆ ซึ่งเราต้องช่วยกันออกแบบให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่า "ระบบการตรวจสอบที่เป็นอิสระ"คือหัวใจของการปฏิรูป ถ้าทำเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็ล้มเหลวหมด
00 ในที่สุดเป็นเพราะถูกกดดันจากรอบข้าง และที่สำคัญ ป.ป.ช.ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงฉีกหน้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเอ๋อ หนักกว่าเดิมเรื่องที่บิดเบือนใช้เวลาสอบสวนรวบรัดแค่ 21 วัน เอาเข้าจริงใช้เวลาสอบสวนนานเกือบสองปี ให้เวลาชี้แจงถึง 32 วัน แถมการตั้งคณะกรรมการเต็มคณะเป็น"ชุดใหญ่" แทนที่จะเป็นการตั้งคณะอนุกรรมการฯ สอบสวนเหมือนหลายคดี เป็นเพราะให้ความสำคัญกับตัวนายกฯ มากที่สุดแล้ว เมื่อหน้าแหก พูดไปไม่มีใครเชื่อ และถ้ายังทำยักท่าไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง เมื่อโดนชี้มูลความผิดภายหลังจะมาโวยวายไม่ได้นะ นั่นแหละถึงได้ตาลีตาเหลือกมาชี้แจงเอง แต่ก็ยังลีลาทำตัวเป็น"นางเอก" นั่งรถเข็นมาในแบบน่าสาร เหมือนถูกรังแก ทุด !!
00 อย่างไรก็ดียังมีลีลาไม่ทิ้ง "นางโพย"เชื่อเถอะแม้ว่าตามข่าวบอกว่าก่อนหน้านั้นในช่วงสายเธอได้ส่งทีมทนายความพร้อมเอกสารมาชี้แจงล่วงหน้าจำนวน 3 ลัง จากนั้นในตอนบ่ายเธอก็ย่องแย่งมาเองเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับ ปปช.ด้วยใบหน้าเครียด ก็จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร เพราะตอบคำถามไม่รู้เรื่อง ถ้าให้เดาบรรยากาศก็น่าจะออกมาแบบว่า เธอก็เข้าไปอ่านโพยที่เขียนมาตัวโตๆเสร็จสรรพใช่เวลาประมาณ 30 นาทีในทำนองว่า"ดิฉันไม่เกี่ยว ดิฉันดูแค่นโยบาย ที่ผ่านมาดูแลเข้มงวดเต็มที่แล้ว หากผิดพลาดก็เป็นเพราะฝ่ายปฏิบัติ"ส่วนที่เหลือนอกนั้นก็เป็นคำชี้แจงในเอกสารนั่นแหละ เธอพูดมากกว่านี้ไม่ได้หรอก แต่เชื่อเถอะในที่สุดแล้วก็ต้อง"โดนแน่"
00 เพราะผลจากการเลือกตั้งดังกล่าว หากมีการปฏิรูปสำเร็จแล้วมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ เราไม่คิดบ้างหรือว่า บางทีเราอาจได้ ขวัญชัย ไพรพนา เป็นผู้ว่าฯในอนาคตที่ได้รับเสียงท่วมท้น และมีอำนาจบังคับบัญชาตำรวจท้องถิ่น มันก็เป็นไปได้ไม่ยากไม่ใช่หรือ เพราะยืนยันได้จากผลการเลือกตั้งส.ว.อุดรฯ มาแล้วไม่ใช่หรือ อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ยังไม่เกิด เราก็อย่าไปฟูมฟาย คาดการณ์เรื่อยเปื่อย แต่ถึงเกิดขึ้นแบบนั้นจริง ก็คงไปยับยั้งไม่ได้ เพราะเขามาจากการเลือกตั้ง แต่สำคัญก็คือ ต้องเลือกตั้งกันอย่างแฟร์ๆ ยุติธรรม และสำคัญไปกว่านั้นหากไม่คิดอะไรซับซ้อนสิ่งเดียวที่ต้องทำให้เข้มข้นคือ "ระบบการตรวจสอบ" ต้องอิสระจริงๆ ต้องออกแบบไม่ให้การเมืองเข้าไปแทรกแซงได้เลย ความหมายก็คือ "ใครอยากโกงก็ได้ แต่ต้องติดคุกทุกราย" ทำอย่างไรให้ตำรวจ รอดจากการครอบงำจากการเมือง อัยการมีอิสระสั่งฟ้องทุกคนตามกม. ที่มาขององค์กรอิสระ ต้องอิสระและโปร่งใสจริงๆ ซึ่งเราต้องช่วยกันออกแบบให้ดีที่สุด เพราะเชื่อว่า "ระบบการตรวจสอบที่เป็นอิสระ"คือหัวใจของการปฏิรูป ถ้าทำเรื่องนี้ไม่ได้ เรื่องอื่นก็ล้มเหลวหมด
00 ในที่สุดเป็นเพราะถูกกดดันจากรอบข้าง และที่สำคัญ ป.ป.ช.ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงฉีกหน้า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเอ๋อ หนักกว่าเดิมเรื่องที่บิดเบือนใช้เวลาสอบสวนรวบรัดแค่ 21 วัน เอาเข้าจริงใช้เวลาสอบสวนนานเกือบสองปี ให้เวลาชี้แจงถึง 32 วัน แถมการตั้งคณะกรรมการเต็มคณะเป็น"ชุดใหญ่" แทนที่จะเป็นการตั้งคณะอนุกรรมการฯ สอบสวนเหมือนหลายคดี เป็นเพราะให้ความสำคัญกับตัวนายกฯ มากที่สุดแล้ว เมื่อหน้าแหก พูดไปไม่มีใครเชื่อ และถ้ายังทำยักท่าไม่มาชี้แจงด้วยตัวเอง เมื่อโดนชี้มูลความผิดภายหลังจะมาโวยวายไม่ได้นะ นั่นแหละถึงได้ตาลีตาเหลือกมาชี้แจงเอง แต่ก็ยังลีลาทำตัวเป็น"นางเอก" นั่งรถเข็นมาในแบบน่าสาร เหมือนถูกรังแก ทุด !!
00 อย่างไรก็ดียังมีลีลาไม่ทิ้ง "นางโพย"เชื่อเถอะแม้ว่าตามข่าวบอกว่าก่อนหน้านั้นในช่วงสายเธอได้ส่งทีมทนายความพร้อมเอกสารมาชี้แจงล่วงหน้าจำนวน 3 ลัง จากนั้นในตอนบ่ายเธอก็ย่องแย่งมาเองเดินเข้าไปเผชิญหน้ากับ ปปช.ด้วยใบหน้าเครียด ก็จะไม่ให้เครียดได้อย่างไร เพราะตอบคำถามไม่รู้เรื่อง ถ้าให้เดาบรรยากาศก็น่าจะออกมาแบบว่า เธอก็เข้าไปอ่านโพยที่เขียนมาตัวโตๆเสร็จสรรพใช่เวลาประมาณ 30 นาทีในทำนองว่า"ดิฉันไม่เกี่ยว ดิฉันดูแค่นโยบาย ที่ผ่านมาดูแลเข้มงวดเต็มที่แล้ว หากผิดพลาดก็เป็นเพราะฝ่ายปฏิบัติ"ส่วนที่เหลือนอกนั้นก็เป็นคำชี้แจงในเอกสารนั่นแหละ เธอพูดมากกว่านี้ไม่ได้หรอก แต่เชื่อเถอะในที่สุดแล้วก็ต้อง"โดนแน่"
