xs
xsm
sm
md
lg

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 23-30 มี.ค.2557

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลิกที่นี่ เพื่อฟังสรุปข่าวฯ

1.เลือกตั้ง ส.ว. คนใช้สิทธิไม่ถึงครึ่ง ขณะที่ “โหวตโน” พุ่ง 2.2 ล้าน ด้าน “คุณหญิงจารุวรรณ” ครองแชมป์ กทม.ได้คะแนนมากสุดกว่า 5 แสน!
 (ซ้าย) คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ว่าที่ ส.ว.กทม. (ขวา) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกฯ และ รมว.กลาโหม ใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว.(30 มี.ค.)
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงภาพรวมการใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ว. ทั่วประเทศหลังนับคะแนนไปแล้วร้อยละ 91 ว่า จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 44,011,125 คน มีผู้มาใช้สิทธิ 18,708,713 คน คิดเป็นร้อยละ 42.51 บัตรดี 15,519,942 บัตร คิดเป็นร้อยละ 82.96 บัตรเสีย 964,242 บัตร คิดเป็นร้อยละ 5.15 บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 2,223,853 บัตร คิดเป็นร้อยละ 11.89 โดยกกต.พอใจกระบวนการจัดการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ไม่พอใจจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิที่ค่อนข้างน้อย

สำหรับจำนวนบัตรเสียที่เกินกว่าร้อยละ 3 นั้น คงต้องพิจารณาว่าเกิดจากความไม่เข้าใจ หรือจงใจให้เป็นบัตรเสีย ซึ่งในการเลือกตั้งระยะหลังๆ พบว่าประชาชนมักสะท้อนความไม่พอใจในการเลือกตั้งด้วยการเขียนข้อความลงไปในบัตรเลือกตั้งจนทำให้กลายเป็นบัตรเสีย ส่วนบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนนร้อยละ 11 นั้น อาจมาจากการที่ประชาชนไม่เห็นว่าผู้สมัครในจังหวัดของตนเป็นตัวเลือกที่ดีพอ หรือ ไม่เป็นที่รู้จัก หรือมีประวัติภูมิหลังไม่คู่ควรกับการที่จะเลือกเป็น ส.ว. รวมทั้งอาจเป็นการสะท้อนถึงความไม่เห็นด้วยกับการเลือกตั้ง ส.ว.

ทั้งนี้ กกต.จะทยอยพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว. หากผู้ได้รับคะแนนสูงสุดรายใดไม่มีเรื่องร้องเรียน จะประกาศรับรองผลภายใน 7 วัน แต่หากผู้ได้รับคะแนนสูงสุดรายใดมีเรื่องร้องเรียน กกต.จะพิจารณาสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปก่อน แล้วจึงมาพิจารณาเรื่องร้องคัดค้านที่ค้างอยู่ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเรื่องร้องเรียน ส.ว. ในขณะนี้มี 6 เรื่อง แบ่งเป็น กทม. 2 เรื่อง นครปฐม หนองบัวลำภู เลย และเชียงใหม่ จังหวัดละ 1 เรื่อง สำหรับเรื่องร้องเรียนใน กทม.นั้น เรื่องแรกเป็นการร้องผู้สมัครหลายรายที่เป็นตัวเต็งว่าติดป้ายหาเสียงไม่ถูกต้อง ส่วนอีก 1 เรื่องเป็นการร้องเรียนคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ได้รับเลือกตั้งด้วยคะแนนสูงสุดกว่า 5 แสนคะแนน โดยถูกร้องกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ขึ้นเวที กปปส. สวนลุมพีนี เมื่อวันที่ 7 มี.ค. ปราศรัยจูงใจให้ประชาชนเลือกคุณหญิงจารุวรรณเป็น ส.ว. เพื่อจะได้ร่วมกับ ส.ว.สรรหาโค่นระบอบทักษิณ

สำหรับรายชื่อผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ว.ที่ได้คะแนนสูงสุดในแต่ละจังหวัดอย่างไม่เป็นทางการ หลังนับคะแนนเสร็จสิ้น ได้แก่ กรุงเทพฯ - คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ได้ 508,478 คะแนน , จ.สมุทรปราการ น.ส.วราภรณ์ อัศวเหม ได้ 118,194 คะแนน ,จ.สุพรรณบุรี นายจองชัย เที่ยงธรรม ได้ 166,913 คะแนน ,จ.ปทุมธานี นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา ได้ 64,890 คะแนน ,จ.ชัยนาท นายมณเฑียร สงฆ์ประชา ได้ 54,857 คะแนน ,จ.พระนครศรีอยุธยา นายคณิพงษ์ แขวัฒนะ ได้ 60,616 คะแนน ,จ.สระแก้ว นางดวงพร เทียนทอง ได้ 106,413 คะแนน ,จ.ระยอง นายสุรชัย ปิตุเตชะ ได้ 56,298 คะแนน ,จ.ตรัง นายสมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ ได้ 72,612 คะแนน จ.กระบี่ นายอภิชาต ดำดี ได้ 65,538 คะแนน , จ.อุดรธานี นางอาภรณ์ สาราคำ ภรรยานายขวัญชัย ไพรพนา หรือสาราคำ ประธานชมรมคนรักอุดร ได้ 352,014 คะแนน ทั้งนี้ นางอาภรณ์ เคยตกเป็นผู้ต้องหาขโมยเครื่องเพชรจากห้างสรรพสินค้าย่านราชประสงค์ ในช่วงที่มีการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงเมื่อวันที่ 19 พ.ค.2553 ด้วย

2.ป.ป.ช. ไม่ขยายเวลา “ยิ่งลักษณ์” แจงทุจริตจำนำข้าว ยันกำหนดเดิม 31 มี.ค. ด้าน ตร.รวบ กวป.นับสิบพร้อมอาวุธสงครามเพียบ คาด ยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ ป.ป.ช.!

(บน) กลุ่ม กวป.รุมทำร้ายพระสงฆ์ที่หน้าสำนักงาน ป.ป.ช. (ล่าง) ตำรวจนนทบุรีรวบ กวป.นับสินคนพร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก หลังเกิดเหตุยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่สำนักงาน ป.ป.ช.(27 มี.ค.)
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ส่งทนายความ 2 คน คือ นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง และนายบัญชา ปรมีศณาภรณ์ ทนายความผู้รับมอบอำนาจจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) เพื่อขอขยายเวลาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวออกไปอีก 45 วัน จากเดิมที่ครบกำหนดในวันที่ 31 มี.ค.นี้

ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ อ้างเหตุผลในการขอขยายเวลาเพิ่มเติมว่า จากการขอตรวจเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมจาก ป.ป.ช.ไปอีก 19 รายการ ทาง ป.ป.ช.ให้เอกสารเพิ่มเติมอีก 280 แผ่น ส่วนเอกสารที่ ป.ป.ช.ให้มาก่อนหน้านี้ 49 แผ่น เป็นเพียงความเห็นของ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริต นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวยังส่งเอกสารข้อมูลมาให้ไม่ครบ จึงเห็นว่านายกฯ เสียเปรียบหากมาชี้แจงในกรอบเวลาเดิม และว่า หาก ป.ป.ช.ไม่อนุญาตตามที่ร้องขอ ให้ ป.ป.ช.ชี้แจงหักล้างเหตุผลของทีมทนายด้วย

ด้านนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวหลังประชุม ป.ป.ช.ว่า ที่ประชุมพิจารณาแล้วเห็นว่า ในหลักการ นายกฯ ขอขยายเวลามาแล้ว 15 วัน จึงมีมติไม่อนุญาตให้ขยายเวลาการชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาออกไปอีก 45 วันตามที่ร้องขอ เพราะกรอบเวลาที่ให้ไปเมื่อครั้งที่ขยายเวลาให้ เพียงพอแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า หากวันที่ 31 มี.ค. นายกฯ ไม่เดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเองหรือไม่ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร จะดำเนินการอย่างไร นายสรรเสริญ บอกว่า ในทางปฏิบัติถือว่านายกฯ ไม่ประสงค์ที่จะชี้แจง ควรที่จะมาชี้แจงดีกว่า เพราะ ป.ป.ช.สามารถพิจารณาดำเนินคดีไปได้โดยทันทีตามข้อเท็จจริงที่มีอยู่

เป็นที่น่าสังเกตว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่พอใจที่ ป.ป.ช.ไม่ขยายเวลาให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาอีก 45 วันตามที่ส่งทนายไปร้องขอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงออกมาดิสเครดิต ป.ป.ช.ทั้งผ่านการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและการโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 28 มี.ค. โดยกล่าวหาว่า ป.ป.ช.ตั้งธงไว้ล่วงหน้าในการตัดสินคดีนี้ กล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไม่ให้เวลาผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง กล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไม่มีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาไต่สวนคดีที่ตนถูกกล่าวหา แต่กลับเป็นการตรวจสอบโดยคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่เลย พร้อมอ้างเหมือนเดิมว่า ป.ป.ช.ใช้เวลาแค่ 21 วันก็ตั้งข้อกล่าวหาตนแล้ว ด้านผู้สื่อข่าวพยายามถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า จะไปชี้แจง ป.ป.ช.ด้วยตัวเองหรือไม่ในวันที่ 31 มี.ค. น.ส.ยิ่งลักษณ์ บอกว่า ยังไม่ขอตอบ ขอหารือทีมทนายก่อน

ทั้งนี้ ป.ป.ช.เคยชี้แจงไปแล้วว่า ไม่ได้ใช้เวลาแค่ 21 วันตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุ แต่คดีนี้มีการร้องเรียนและตรวจสอบมาปีกว่าแล้ว ตั้งแต่ปี 2555 ส่วนกรณีที่ ป.ป.ช.ไม่ตั้งอนุกรรมการไต่สวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายวิทยา อาคมพิทักษ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. ชี้แจงว่า การตั้งอนุกรมการไต่สวน จะใช้ในการตรวจสอบระดับรัฐมนตรี ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ระดับที่ไม่สูงมาก แต่กรณีที่เป็นบุคคลระดับสูง เช่น นายกรัฐมนตรี ,ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานวุฒิสภา ถือว่าเป็นคดีใหญ่ ป.ป.ช.จะมีมติแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวน ซึ่งที่ผ่านมา ป.ป.ช.เคยแต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.ทั้งชุดเป็นองค์คณะไต่สวนมาหลายคดีแล้ว เช่น คดีสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ดังนั้น ยืนยันว่า การแต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นกระบวนการที่ถูกต้องตามระเบียบไต่สวนของ ป.ป.ช.แล้ว

เป็นที่น่าสังเกตว่า นอกจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะพยายามดิสเครดิต ป.ป.ช.แล้ว ยังมีมวลชนคนเสื้อแดงกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(กวป.) นำโดยนายศรรัก มาลัยทอง นำมวลชนไปปิดล้อมสำนักงาน ป.ป.ช.พร้อมตัดน้ำตัดไฟเมื่อวันที่ 24 มี.ค. ทั้งที่วันดังกล่าวมีผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ชุมนุมให้กำลังใจ ป.ป.ช.อยู่ก่อน แต่กลุ่ม กวป.ก็ไปรุกไล่ และยึดพื้นที่ชุมนุมแทน โดยก่อนยึดพื้นที่ ผู้ชุมนุมกลุ่ม กวป.ได้มีการทำร้ายประชาชนที่ขับรถผ่านมาบริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. กระทั่งมีพระสงฆ์รูปหนึ่งผ่านมาเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว จึงบอกผู้ชุมนุมว่าไม่น่าทำเกินกว่าเหตุ ด้านผู้ชุมนุมไม่พอใจ และมีการตะโกนกล่าวหาว่าพระสงฆ์ดังกล่าวเป็นพระปลอม ก่อนกรูกันเข้ารุมทำร้ายพระดังกล่าว ส่งผลให้สังคมวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของกลุ่ม กวป.อย่างหนักที่ทำร้ายแม้กระทั่งพร

นอกจากทำร้ายพระแล้ว ผู้ชุมนุม กวป.ยังได้เข้ารื้อบังเกอร์ทหารที่คอยรักษาความปลอดภัยให้สำนักงาน ป.ป.ช.ด้วยเมื่อวันที่ 26 มี.ค. หลังบังเกอร์ทหารบริเวณดังกล่าวถูก กวป.รื้อ ทหารจึงต้องปรับเปลี่ยนเป็นการลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์แทน ขณะที่หลายฝ่าย คาดการณ์ว่า กวป.กำลังประสงค์ร้ายกับ ป.ป.ช.และสำนักงาน

ซึ่งก็จริงดังคาด เพราะหลัง กวป.รื้อบังเกอร์ทหารได้แค่วันเดียว ปรากฏว่า เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 27 มี.ค.เวลา 22.35น. ได้มีคนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าใส่สำนักงาน ป.ป.ช.2 ลูก นอกจากนั้นทหารชุดลาดตระเวนรักษาความปลอดภัยบริเวณจุดตรวจสำนักงาน ป.ป.ช.ที่ใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะได้ถูกคนร้ายลอบยิงใส่ล้อรถด้วย ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ล้ม 2 คัน และทหารได้รับบาดเจ็บ จากนั้นตำรวจนนทบุรี ได้สนธิกำลังกับป้องกันจังหวัดและฝ่ายปกครอง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ออกตรวจค้นพื้นที่ชุมนุมของกลุ่ม กวป.บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช.และรถต้องสงสัย พร้อมบุคคลที่ร่วมชุมนุม ซึ่งผลการตรวจค้น สามารถจับกุมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยนับสิบราย ได้แก่ นายชูชาติ ชูศิริ ,นายรัตนพงษ์ อินทะรังสี ,นายสมัย บุญนาน พร้อมอาวุธสงครามจำนวนมาก ทั้งเครื่องยิงระเบิดขนาด 40 มม.(เอ็ม 79) ,กระสุนปืนเอ็ม 79 จำนวน 6 นัด ,ปลอกเครื่องกระสุนปืนเอ็ม 79 จำนวน 2 ปลอก ,ลูกระเบิดชนิดสังหาร RGD5 จำนวน 4 ลูก ซึ่งเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่คนร้ายปาใส่ผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ที่ ถ.บรรทัดทอง และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ,อาวุธปืนสั้น ออโตเมติก โคลท์ ขนาด .45 จำนวน 1 กระบอก ,กระสุนขนาด .45 จำนวน 44 นัด ,เครื่องกระสุนปืน ขนาด .762 จำนวน 39 นัด และอาวุธอื่นๆ อีกหลายรายการ ทั้งนี้ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นผู้ชุมนุมกลุ่ม กวป.จริง

ด้าน พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงตอนหนึ่งว่า จะตรวจสอบลายนิ้วมือผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ตรวจหาเขม่าดินปืน และตรวจดีเอ็นเอบนอาวุธปืนทั้งหมด ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเข้าไปใน ป.ป.ช.และที่อื่นๆ อีกหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมาหรือไม่

เป็นที่น่าสังเกตว่า หลังตำรวจจับกุมผู้ต้องหาและผู้ต้องสงสัยดังกล่าวไปสอบปากคำเพื่อดำเนินคดี ปรากฏว่า นายศรรัก มาลัยทอง แกนนำ กวป.ได้นำมวลชนนับร้อยคน บุกไปยัง สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อกดดันให้ตำรวจปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือให้อนุญาตประกันตัว โดยอ้างว่าไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ด้าน พ.ต.อ.สมพล วงศ์ศรีสุนทร ผู้กำกับการ สภ.เมืองนนทบุรี ชี้แจงว่า ต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย ผิดหรือไม่ผิดอยู่ที่ศาล ตำรวจต้องรักษาความสงบเรียบร้อย หากพบผู้ก่อเหตุ ต้องจับกุมตามหน้าที่ ไม่มีละเว้นหรือเลือกข้าง

3.“สุเทพ” นำมวลชนเดินขบวนใหญ่ จี้ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง พร้อมนัดประชุมแกนนำ กปปส.ครั้งใหญ่ 5 เม.ย.ก่อนเผด็จศึก ด้าน นปช.ชุมนุมใหญ่วันเดียวกัน!

บรรยากาศการชุมนุมใหญ่ของ กปปส.ที่เคลื่อนพลจากสวนลุมฯ มายังลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวันที่ 29 มี.ค.
เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นัดชุมนุมใหญ่เพื่อแสดงเจตนารมณ์ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง ปรากฏว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักตั้งแต่เช้า โดยนอกจากมีประชาชนร่วมเดินขบวนกับ กปปส.จำนวนมากแล้ว ยังมีกลุ่มองค์กรเข้าร่วมด้วย 70 กลุ่ม ทั้งนี้ มีการแบ่งการเดินเป็น 6 ขบวน โดยเริ่มจากการที่นายสุเทพนำผู้ชุมนุมร่วมสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อทำพิธีสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5

จากนั้น นายสุเทพ ได้ปราศรัยประกาศเจตนารมณ์ต่อรัชกาลที่ 5 ผู้ทรงบุกเบิกการปฏิรูปประเทศไทยว่า จะขอทุ่มเทร่างกาย จิตใจ และทรัพยากรทั้งปวง เพื่อขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน และจะร่วมแรงปฏิรูปประเทศไทย เปลี่ยนแปลงให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะทุกข์ยากเพียงใด จะขอปฏิญาณว่า จะเอาอำนาจอธิปไตยกลับคืนมาจากระบอบทักษิณ โดยจะต่อสู้ด้วยวิธีสงบ อหิงสา

หลังจากนั้น ขบวน กปปส.ได้เคลื่อนต่อไปยังด้านหน้าอาคารรัฐสภา เพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ซึ่งแกนนำ กปปส.ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเปิดพื้นที่ให้ตัวแทน กปปส.เข้าใช้พื้นที่ภายในรัฐสภาเพื่อสักการะตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว ทั้งนี้ นายสุเทพ ปราศรัยว่า รัชกาลที่ 7 ได้พระราชทานอำนาจอธิปไตยแก่ปวงชนชาวไทย แต่ระบอบทักษิณได้นำเอาอำนาจที่พระองค์มอบให้ประชาชน ไปใช้ในทางที่ผิด กปปส.จึงมาเพื่อทวงคืน เพื่อปฏิรูปเป็นระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ให้มีการกระจายอำนาจการปกครองบ้านเมืองถึงมือประชาชน ไม่รวบอำนาจไว้ที่ กทม.เพียงที่เดียว ต้องการทำให้ตำรวจเป็นตำรวจของประชาชน ทำให้คนจนมีโอกาสมากขึ้นในสังคม แต่ระบอบทักษิณคิดไม่ซื่อ ยุบสภา จัดการเลือกตั้ง เพื่อกลับมามีอำนาจเหมือนเดิม “รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดึงดันจัดการเลือกตั้งให้ได้ พวกเราไม่ยินยอมและทำให้คนของระบอบทักษิณไม่สามารถกลับเข้ามาได้อีก ดังนั้นเราจึงต่อสู้เพื่อให้อำนาจอธิปไตยเป็นของชาวไทยอย่างแท้จริง วันนี้มีคนกลุ่มหนึ่งยึดอำนาจ เราจึงมาเพื่อประกาศว่า เราจะไม่ยอมให้สภาแห่งนี้ทำการได้อีกจนกว่าจะปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปประเทศไทยให้สำเร็จ” ทั้งนี้ หลังปราศรัยเสร็จ นายสุเทพได้นำผู้ชุมนุมมุ่งหน้ากลับสวนลุมพินีทันที

เป็นที่น่าสังเกตว่า ช่วงเวลาประมาณ 13.30น.ระหว่างที่นายสุเทพนำมวลชนเคลื่อนไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า คนร้ายได้ยิงระเบิดเอ็ม 79 มาตกบนถนนสวรรคโลก ก่อนถึงแยกเสาวนีย์ เขตดุสิต ส่งผลให้รถแท็กซี่คันหนึ่งและรถยนต์อีกคันที่จอดอยู่บนถนน เนื่องจากรถติดขบวนผู้ชุมนุม โดนสะเก็ดระเบิดส่งผลให้ยางรถทั้ง 2 คันแบน และหลังคารถเสียหายบางส่วน โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ด้านตำรวจสันนิษฐานว่า คนร้ายอาจตั้งใจยิงเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินอยู่บนถนนศรีอยุธยา เพื่อจะไปลานพระบรมรูปทรงม้า แต่วัดองศาผิด ทำให้ระเบิดมาตกตรงจุดเกิดเหตุ

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่ม คปท.ในวันเดียวกัน(29 มี.ค.) แกนนำ ได้แก่ นายอุทัย ยอดมณี และนายนิติธร ล้ำเหลือ ได้นำผู้ชุมนุมเคลื่อนจากสะพานชมัยมรุเชษฐ ถนนพิษณุโลก ไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่ออัญเชิญพระพุทธชินราชจำลองขึ้นไปประดิษฐานบนตึกไทยคู่ฟ้า และเปลี่ยนธงชาติผืนใหม่ ก่อนร้องเพลงชาติร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมที่ร่วมขบวนไม่ได้บุกเข้าไปในตัวอาคารแต่อย่างใด เมื่อเสร็จพิธี แกนนำได้นำมวลชนกลับที่ตั้งบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐตามเดิม

ล่าสุด(30 มี.ค.) นายสุเทพ ได้ประกาศนัดแกนนำ กปปส.ทั่วประเทศมาประชุมพร้อมกันที่สวนลุมพินีในวันเสาร์ที่ 5 เม.ย.นี้ เวลา 10.00น. โดยจะเป็นการประชุมครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ เพื่อตกลงทำการรุกใหญ่เผด็จศึก พร้อมกำหนดวันว่าการรุกใหญ่คราวต่อไปเพื่อเผด็จศึกจะมีขึ้นในวันใด

ทั้งนี้ วันที่ 5 เม.ย. เป็นวันที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นประธาน ได้ประกาศนัดชุมนุมใหญ่ โดยยังไม่เปิดเผยเป้าหมายว่านัดรวมพลที่จุดใด และจะเคลื่อนไหวในกรุงเทพฯ หรือไม่

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้ง ส.ส.2 ก.พ.เป็นโมฆะ เนื่องจากขัดรัฐธรรมนูญนั้น ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 28 มี.ค. พรรคเพื่อไทยได้จัดประชุมพรรคการเมือง 53 พรรค ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ อ.สามพราน จ.นครปฐม โดยที่ประชุมเห็นพ้องว่า ควรจัดการเลือกตั้งใหม่อย่างเร่งด่วนภายใน 45-60 วัน พร้อมเสนอให้ กกต.นัดประชุมร่วมระหว่างรัฐบาล และทุกพรรคการเมืองโดยเร็วที่สุด

ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ แม้จะมีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเมื่อวันที่ 28-29 มี.ค. แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่า หากมีการเลือกตั้ง ส.ส.ใหม่ พรรคจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้งหรือไม่

4.ครม.มีมติคืนตำแหน่งเลขาฯ สมช.ให้ “ถวิล” พร้อมโยก “ภราดร” นั่งที่ปรึกษานายกฯ ด้าน “คำนูณ” เชื่อ ปมย้ายถวิลหมัดน็อก “ยิ่งลักษณ์-ครม.” !

(ซ้าย) นายถวิล เปลี่ยนศรี (ขวา) พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร
เมื่อวันที่ 25 มี.ค. ได้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จ.นครปฐม หลังประชุม ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.มีมติให้ยกเลิกมติ ครม.ย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 6 ก.ย.2554 ในการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ เมื่อยกเลิกมติ ครม.ดังกล่าว ส่งผลให้นายถวิลยังคงเป็นเลขาธิการ สมช.เหมือนเดิม ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ที่ให้คืนตำแหน่งย้อนหลัง

นอกจากนี้ ครม.ยังเห็นชอบให้ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช.ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำแทนนายถวิล โดยทั้ง 2 ตำแหน่ง จะเสนอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป จากนั้นจะนำชื่อ พล.ท.ภราดรขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นขั้นตอนสุดท้าย ขณะที่ชื่อนายถวิล จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงรับทราบ เนื่องจากเป็นการยกเลิกมติเก่า ไม่ใช่การแต่งตั้งใหม่

ด้าน พล.ท.ภราดร บอกว่า การทำงานในตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ ฝ่ายข้าราชการประจำ คาดว่าคงทำงานเป็นที่ปรึกษาที่ดูมิติทางด้านความมั่นคงตามปกติ

ทั้งนี้ หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้อำนาจโยกย้ายนายถวิลโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า นายถวิลปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีประสิทธิภาพ หรือมีข้อบกพร่อง หรือไม่สนองนโยบายของรัฐบาลแต่อย่างใด ปรากฏว่า นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ได้ร่วมกับ ส.ว. อีก 28 คน เข้าชื่อต่อประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลฯ วินิจฉัยให้ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 ( 7 ) ประกอบมาตรา 268 เนื่องจากกรณีโยกย้ายนายถวิล เป็นการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 268

ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาว่าจะรับคำร้องดังกล่าวไว้วินิจฉัยหรือไม่เมื่อวันที่ 26 มี.ค. แต่ในที่สุด ศาลยังไม่ได้พิจารณา คาดว่าจะประชุมพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 2 เม.ย. ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 27 มี.ค.โดยเชื่อมั่นว่า ประเด็นมาตรา 268 กรณีย้ายนายถวิล อาจจะเป็นหมัดน็อกความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีที่อาจจะสิ้นสุดลงเฉพาะตัว และเป็นผลให้ ครม.ทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง ถ้าไม่ก่อนสงกรานต์ก็หลังสงกรานต์ โดยต้องรอศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาก่อนว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องดังกล่าวไว้พิจารณาในช่วงต้นเดือน เม.ย.

5.ทนาย เผย “วิวัฒน์” ถูกซ้อมให้รับเป็นมือปืนป๊อปคอร์น ด้านพ่อ-แม่ เชื่อ ลูกเป็นแพะ ขณะที่ศาลไม่อนุมัติหมายจับหัวหน้าการ์ด กปปส.!
(ซ้าย) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศอ.รส.นำทีมแถลงจับกุมนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์น (ขวา) ภาพเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างนายวิวัฒน์กับมือปืนป๊อปคอร์นตัวจริง
ความคืบหน้ากรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ได้นำทีมตำรวจแถลงผลการจับกุมนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือ ท็อป อายุ 24 ปี ซึ่งตำรวจอ้างว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นกรณีเหตุปะทะที่แยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ท่ามกลางข้อกังขาว่านายวิวัฒน์เป็นมือปืนป๊อปคอร์นจริงหรือไม่ เพราะนอกจาก ร.ต.อ.เฉลิมจะคอยกำกับการแถลงของนายวิวัฒน์ตลอดเวลาแล้ว กระแสสังคมออนไลน์ยังมีการจับพิรุธรูปร่างลักษณะของนายวิวัฒน์ว่าแตกต่างจากมือปืนป๊อปคอร์นด้วย เช่น ลักษณะจมูกที่ต่างกัน และรูปร่างอ้วน-ผอม สูง-เตี้ย ต่างกัน

ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 25 มี.ค. น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) เผยว่า ตนได้เดินทางไปเยี่ยมนายวิวัฒน์ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ซึ่งนายวิวัฒน์ บอกว่า เหตุที่ต้องรับสารภาพว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์น เพราะหลังถูกจับกุมที่ จ.สุราษฎร์ธานี ได้ถูกนำตัวขึ้นรถตู้ ใช้ผ้าปิดตา ถูกรุมต่อย ทุบตี โดยใช้เบาะรองที่ท้อง แล้วต่อยท้องหลายครั้งตลอดทาง ทำให้ไม่มีร่องรอย รวมถึงที่คอถูกเชือกรัด แต่ใช้ผ้ารองไว้ ทำให้ไม่มีร่องรอยเช่นกัน ก่อนถูกบังคับให้สารภาพ โดยถูกบังคับให้รับสารภาพ 3 ครั้ง

จากนั้น เมื่อถูกนำตัวมาถึง ศอ.รส. ทางตำรวจได้เปิดตาให้ ก่อนถูกนำเข้าห้องสอบสวน โดยมีพนักงานสอบสวน 5 คนสอบสวน ซึ่งนายวิวัฒน์ไม่ได้ให้การใดๆ เจ้าหน้าที่จึงข่มขู่ว่า หากไม่รับสารภาพจะถูกซ้อมอีก จึงยอมรับสารภาพ แต่ไม่มีโอกาสได้อ่านคำให้การใดๆ และระหว่างถูกนำตัวไปแถลงข่าว มีการนำกระดาษคำให้การมาให้นายวิวัฒน์อ่านและแถลงไปตามคำให้การนั้น น.ส.พวงทิพย์ บอกด้วยว่า จากการพูดคุยกับนายวิวัฒน์ พบปัญหาน่าห่วงคือ หลักฐานการทำร้ายและทรมาณตามร่างกายหายไปหมด เท่าที่ได้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช ให้ความรู้ว่า ผู้กระทำเป็นมืออาชีพ ทำเพื่อให้หลักฐานร่องรอยต่างๆ หายโดยเร็ว ไม่สามารถพิสูจน์ในศาลได้ว่าถูกทำร้าย จึงได้ทำเรื่องขอให้เจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์นำตัวนายวิวัฒน์ไปตรวจร่างกาย รวมทั้งขอเอกสารการตรวจร่างกายในวันแรกรับเข้าฝากขังด้วย และว่า จากกรณีที่นายวิวัฒน์ถูกทรมาณ ตนจึงได้ติดต่อไปยังกาชาดระหว่างประเทศ เพื่อมาเยี่ยมนายวิวัฒน์ด้วย ส่วนตนจะรวบรวมเอกสารหลักฐานเพื่อขอประกันตัวนายวิวัฒน์ต่อไป

ด้านนายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท.เผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากแม่บุญธรรมของนายวิวัฒน์ให้เข้าช่วยเหลือในแง่คดีความ หลังนายวิวัฒน์ถูกจับกุมอย่างไม่ชอบมาพากล และถูกแจ้งข้อหาหลายคดี เช่น ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต... และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนจึงมอบหมายให้ น.ส.พวงทิพย์ รวบรวมข้อเท็จจริงต่างๆ ก่อนส่งให้สภาทนายความหรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ทั้งนี้ นอกจากแม่บุญธรรมนายวิวัฒน์จะร้องขอให้ คปท.ช่วยเหลือนายวิวัฒน์แล้ว ทางพ่อและพี่ชายนายวิวัฒน์ คือนายสำเรียงและนายเอกรินทร์ ต่างมั่นใจว่า นายวิวัฒน์เป็นแพะ ไม่ใช่มือปืนป๊อปคอร์น เพียงแค่หน้าตาคล้ายกัน แต่รูปร่างไม่เหมือนกัน มือปืนป๊อปคอร์นรูปร่างสูงใหญ่ ไม่ใช่เตี้ยอย่ายนายวิวัฒน์ การเดินก็แตกต่างกัน ที่สำคัญยืนยันว่า นายวิวัฒน์ยิงปืนไม่เป็น และไม่เคยเป็นทหาร เพราะจับได้ใบดำ นอกจากนี้นายวิวัฒน์ไม่เคยเป็นคนเกเร และไม่ใช่คนสู้คนด้วย

ด้าน ศอ.รส. ยืนยันว่า ไม่ได้มีการข่มขู่บังคับให้นายวิวัฒน์รับสารภาพว่าเป็นมือปืนป๊อปคอร์นแต่อย่างใด ขณะที่พนักงานสอบสวนคดีเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ ได้เดินหน้าขอศาลอนุมัติหมายจับนายสุเมธ หรือเม่น ตระกูลวุ่นหนู หัวหน้าการ์ด กปปส.เวทีแจ้งวัฒนะ กลุ่มนักรบองค์ดำ ตามที่อ้างว่านายวิวัฒน์ให้การว่าให้ที่พักพิงหลบหนีและอยู่ในเหตุการณ์ด้วยกัน ข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ฯลฯ แต่ศาลอาญายกคำร้องขอออกหมายจับดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่า พยานหลักฐานของพนักงานสอบสวนยังไม่เพียงพอ
กำลังโหลดความคิดเห็น