xs
xsm
sm
md
lg

ไทยวุ่น!ฉุดบจ.กบข.หนี-มุ่งตปท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - เลขาธิการ ก.ล.ต. เผย ไม่พบผิดการปั่นหุ้นตั้งแต่เริ่มมีความวุ่นวายทางการเมือง แต่กรณี กปปส. ปิดท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มชินวัตร กระทบชิ่ง บจ.ในตลาดหุ้นโดยเฉพาะกลุ่มชินคอร์ป อีกทั้งส่อเค้าประเทศไทยถูกต่างประเทศปรับลดอัตราเครดิตเรตติ้ง เพราะรัฐบาลขาดเสถียรภาพความน่าเชื่อถือ หวั่นนักลงทุนย้ายฐานเม็ดเงินหนี ด้าน กบข. ยอมรับปรับเพิ่มน้ำหนักพอร์ตลงทุนไปต่างประเทศ หนีการเมืองวุ่น เหตุไร้รัฐบาลตัวจริงบริหารทำให้การลงทุนภาครัฐหยุดชะงัก

นายวรพล โสติคยานุรักษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวว่า จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ร่วมมือกันเพื่อตั้งข้อสังเกตุต่อลักษณะการซื้อขายหุ้นว่าจะมีความผิดปกติหรือไม่ เนื่องจากอาจมีกลุ่มทุนหรือกลุ่มบุคคลที่จะฉวยโอกาสความไม่สงบทางการเมือง และความอ่อนใหวของตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงที่มีสถานการณ์ความรุนแรง เข้าทำการซื้อขายในลักษณะที่ผิดไปจากกลไกการตลาด แต่พบว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม จากกรณีที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.)โดยมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นแกนนำ ได้ทำการระดมมวลชนในการตัดท่อน้ำเลี้ยงหุ้นในเครือของตระกูลชินวัตร ทำให้เกิดแรงเทขายเป็นจำนวนมากต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องในช่วงวันที่19 – 21กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงมีจำนวน 2 กลุ่มคือหุ้นที่ถือครองโดย บมจ. เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ที่ซื้อต่อมาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คือบมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ INTUCH , บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC, บมจ.ไทยคม หรือ THCOM และ บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ส่วนที่อีกกลุ่มคือ หุ้นที่เป็นของตระกูลชินวัตร ได้แก่ บมจ.เอสซี แอสเสทคอร์ปอเรชั่น หรือ SC และ บมจ. เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK ซึ่งตลอด 3 วันหุ้นในกลุ่มชินคอร์ป มีแรงเทขายออกไปกว่า 10,010 ล้านบาท
นอกจากนี้จากกรณีดังกล่าว ทาง ก.ล.ต. ได้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากแนวโน้มการลงทุนที่ปรับตัวลดลง ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย เพราะสถาบันจัดอันดับความเชื่อมั่นได้พิจารณาเสถียรภาพความน่าเชื่อถือต่อรัฐบาล และความน่าลงทุนในประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราเครดิตความน่าเชื่อถือลง ส่งผลทำให้บริษัทจดทะเบียนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการภาครัฐเช่นหุ้นกลุ่มรับเหมา
ก่อสร้างขนาดใหญ่ หรือกลุ่มสินค้าเกษตร ต้องชะลอโครงการและการส่งมอบสินค้าออกไป

*** กบข. ปรับพอร์ตลงทุนต่างประเทศหนีการเมือง
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) กล่าวถึงผลกระทบจากปัจจัยในการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ที่ในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้เพียงร้อยละ 2.5 และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากยังไม่มีรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ทำให้การลงทุนภาครัฐหยุดชะงัก
ดังนั้น กบข. จึงได้ปรับพอร์ตการลงทุนใหม่ทั้งหมด ซึ่งได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทำให้การลงทุนในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้มีผลการลงทุนเป็นบวก โดยมุ่งเน้นการนำเงินกองทุนไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากตลาดหุ้นต่างประเทศเริ่มกลับมามีผลตอบแทนที่ดีขึ้น หลังเศรษฐกิจในประเทศขนาดใหญ่ฟื้นตัว
ขณะที่หุ้นไทยแม้ช่วงนี้ดัชนีจะกลับมาปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังในการลงทุนอยู่ โดยคาดการณ์ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จะขยายตัวต่ำกว่าร้อยละ 10 ตามที่ประมาณการเดิมในปีนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น