หุ้นไทยปิดลบ 2.83 จุด ดัชนีแกว่งผันผวนในแดนลบ แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาดันดัชนีให้ยืนเหนือ 1,300 จุด แต่ก็ไม่สามารถปรับขึ้นในแดนบวกได้ โบรกฯ ชี้นักลงทุนกังวลการเมืองรุนแรง แถมตลาดยังถูกกดดันจากปัจจัยต่างประเทศ หลัง ศก.จีน ส่อชะลอตัว ส่วนหุ้นชินฯ ทรุดไปกว่า 10% ต่อเนื่อง 4 วันซ้อน
ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ (24 ก.พ.) ดัชนีปิดการซื้อขายที่ระดับ 1,301.38 จุด ลดลง 2.83 จุด หรือเปลี่ยนแปลง -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 19,529.64 ล้านบาท โดยภาพรวมวันนี้ ดัชนีแกว่งผันผวนในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ แม้จะมีแรงซื้อกลุ่มพลังงานเข้ามาพยุงดัชนีให้ยืนเหนือ 1,300 จุด แต่ก็ไม่สามารถปรับขึ้นในแดนบวกได้
ด้านสัดส่วนผู้ลงทุนแยกตามประเภท มีดังนี้ นักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 210 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิ 376 ล้านบาท นักลงทุนสถาบัน ขายสุทธิ 177 ล้านบาท และบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 343 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ผัวผวนเนื่องจากได้รับแรงกดดันหลักจากปัจจัยการเมือง เนื่องจากเกิดเหตุความรุนแรงหนักขึ้น มีผู้เสียชีวิตเพิ่มหลายราย โดยเฉพาะเด็ก ขณะที่ฝ่ายหนุนรัฐบาลประกาศตั้งกองกำลังพิเศษเพื่อจัดการกลุ่มที่เป็นเสี้ยนหนาม ทำให้กังวลว่าสถานการณ์กำลังเข้าสู่จุดการนองเลือด
ด้านตลาดต่างประเทศก็ไม่สดใส โดยเฉพาะย่านเอเชีย ซึ่งปรับลงเนื่องจากความกังวลเศรษฐกิจประเทศจีน หลังธนาคารเข้มงวดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นจีนร่วงหนักกว่า 2% และกระทบไปถึงตลาดหุ้นในย่านเอเชีย
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ยอมรับว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบ โดยในช่วงเช้าจะอ่อนตัวลงไป แต่ในช่วงบ่ายก็มีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่มที่เกี่ยวกับ external อย่างหุ้นในกลุ่มพลังงาน เช่น หุ้น PTT, PTTGC ที่ปรับตัวขึ้นมาได้ และพวกที่ทำธุรกิจกับลูกค้าต่างประเทศอย่าง STPI ก็ยังบวกได้ อีกกลุ่มเป็นหุ้นพวก defensive และหุ้นที่จ่ายปันผลดี
นอกจากนี้ พวก property fund ทั้งหลายก็ยังมีแรงซื้ออยู่ เนื่องจากมีรายได้ที่แน่นอนจากค่าเช่า ทำให้ยังสามารถจ่ายปันผลได้ในระดับสูง แม้เศรษฐกิจจะซบเซา ทั้งนี้ ตลาดฯ ยังให้น้ำหนักจากปัจจัยการเมืองในประเทศเป็นหลัก
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียวันนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในแดนลบ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจจีนในระยะหลังได้เห็นภาพของการชะลอตัว อย่างตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ประกาศออกมาก็ไม่ดี ล่าสุด ราคาบ้านก็ลดลง ทั้งนี้ ปัญหาของอาเซียนคือ ระยะ 4-5 ปีให้หลังมีการซื้อขายในภูมิภาคกันเอง และจีนมากขึ้น พอเศรษฐกิจจีนชะลออาจทำให้เศรษฐกิจเอเชียโตได้น้อยกว่าที่ประเมินกันไว้
แนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (25 ก.พ.) น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯ คงจะแกว่งตัว โดยยังติดตามสถานการณ์ โดยเฉพาะการเมือง และยังต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศต่างๆ ด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,290-1,260 จุด แนวต้าน 1,310 จุด
หุ้นตระกูลชินวัตรทรุดกว่า 10% ต่อเนื่อง 4 วัน
รายงานข่าวระบุว่า ราคาหุ้นกลุ่มตระกูลชินวัตร ยังคงปรับลดลงยกแผงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน นำโดย บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ราคาปรับลงไปที่หุ้นละ 206.00 ลดลง 4.00 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -1.90%, บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ INTUCH ราคาปรับลงไปที่หุ้นละ 70.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -2.08% โดยหุ้นทั้ง 2 ตัว ติดอันดับ 1 และ 2 ของหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในเช้าวันนี้
ส่วนราคาหุ้น บมจ.ไทยคม หรือ THCOM ราคาปรับลงไปที่หุ้นละ 39.50 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -1.25%, บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC ราคาปรับลงไปที่หุ้นละ 3.04 บาท ลดลง 0.04 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -1.30%, บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ราคาหุ้นปรับลงไปที่ 10.00 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -1.96% และราคาหุ้น บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK ปรับลงไปที่ 2.90 บาท ลดลง 0.12 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -3.97%
นักวิเคราะห์ยอมรับว่า ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลงเป็นผลจากที่ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศเชิญชวนให้นักลงทุนขายหุ้นในเครือตระกูลชินวัตร เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง และประกาศจะจะมีการยกระดับการกดดันทุกวัน ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา และกดดันให้ราคาหุ้นในกลุ่มชินวัตรปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ สามารถจำแนกหุ้นที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวแบ่งออก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ถือหุ้นโดย เทมาเส็ก โฮลดิ้ง ที่ได้มาจากการซื้อต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ INTUCH, บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC, บมจ.ไทยคม หรือ THCOM และ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ขณะที่อีกกลุ่มคือ หุ้นที่เป็นของตระกูลชินวัตรโดยตรง ได้แก่ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC และ บมจ.เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK
นายจักรกริช เจริญเมธาชัย กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก ยอมรับว่า ราคาหุ้นกลุ่มชินวัตร ยังปรับลดลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน โดยราคาปรับลดลงมาแล้วประมาณ 10% ตั้งแต่ กปปส. เคลื่อนไหวกดดันธุรกิจกลุ่มชินวัตร ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.2557 ที่ผ่านมา เหตุเพราะนักลงทุนเกิดความตื่นตระหนก โดยเฉพาะการย้ายค่ายมือถือ หลังกลุ่ม กปปส. รณรงค์คืนซิมโทรศัพท์ค่ายเอไอเอส นักลงทุนกังวลว่าจะกระทบต่อกำไรของบริษัทเอไอเอส
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าแรงขายจะเบาบางลง เพราะมองว่าผลกระทบต่อรายได้ของเอไอเอสจะไม่มาก สำหรับนักลงทุนที่สนใจจะเข้าลงทุน แนะให้รอ และติดตามสถานการณ์ออกไปก่อน เพราะยังมีผลกระทบทางจิตวิทยาต่ออีก เชื่อว่าราคาหุ้นยังปรับตัวลงต่อเนื่อง
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,487.50 ล้านบาท ปิดที่ 206.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
INTUCH มูลค่าการซื้อขาย 1,706.67 ล้านบาท ปิดที่ 70.50 บาท ลดลง 1.50 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 720.52 ล้านบาท ปิดที่ 7.70 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
TRUE มูลค่าการซื้อขาย 676.19 ล้านบาท ปิดที่ 7.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 650.69 ล้านบาท ปิดที่ 291.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท