ASTV ผู้จัดการรายวัน – นักลงทุนผวา! เทขายหุ้นกลุ่มชินคอร์ป - SC และ MLINK ร่วง หลังกปปส.ขู่โจมตีธุรกิจที่เกี่ยวข้องตระกูลชินวัตร ที่มีมาร์เกตแคปรวมกัน 9.5 แสนล้านบาท กดดัชนีหุ้นไทยพลิกติดลบ 5 จุด โบรกฯชี้ได้รับผลกระทบเล็กน้อย เหตุเป็นบริษัทขนาดใหญ่ แนะนักลงทุนพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเข้าซื้อของดีราคาถูก ด้าน “ชินคอร์ป”ยืนยันไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลชินวัตรแล้ว ล่าสุดปรับแผนมุ่งสร้างธุรกิจใหม่หวังลดการพึ่งพิงรายได้ที่มาจากเอไอเอส พร้อมเชื่อมั่นแม้ “เทมาเส็ก”ขายหุ้นให้ “สิงเทล”เป็นแค่การปรับโครงสร้าง ไม่กระทบธุรกิจ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,321.00 จุด ลดลง 5.21 จุด หรือ 0.39% มูลค่าการซื้อขาย 30,793 ล้านบาท นักวิเคราะห์เชื่อว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะของการแกว่งตัวในกรอบไม่กว้างมากนัก เพราะปัจจัยการเมืองยังมีอิทธิพลกระทบ ทำให้ทิศทางจากนี้หลังทราบผลตัดสินของศาลแห่งเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วยังหนีไม่พ้นประเด็นการเมือง ขึ้นอยู่กับนักลงทุนในตลาดว่าจะตอบรับในด้านไหน แต่ตลาดไม่น่าจะปรับลงมาก เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า อย่างไรก็ตามอาจมีบางกลุ่มเล่นเก็งกำไรตามข่าว
โดยแนะนำให้ซื้อในช่วงจังหวะที่กำลังมีความวุ่นวาย หรือดูจะมีความรุนแรง เพราะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นเพื่อการลงทุน ขณะเดียวกันถ้าเป็นกลุ่มนักเก็งกำไรให้ฉวยโอกาสในจังหวะที่หุ้นมีปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน เพราะมองว่าเป็นโอกาสทั้งในเชิงเก็งกำไรและลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะ ADVANC ยิ่งสถานการณ์ที่มีการชุมนุมอย่างนี้ความเป็นไปได้สูงที่การสื่อสารทางโทรศัพท์จะมีมากกว่าทางอื่น
**หุ้นกลุ่มชินคอร์ปดิ่งผวากปปส.
ทั้งนี้ ตลอดการซื้อขายรอบบ่ายวานนี้(19ก.พ.) ภายหลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศว่าจะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นทิ้ง ปรากฏว่า มีแรงขายหุ้นในกลุ่มชินคอร์ป ของนักลงทุนออกมาจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง อีกทั้ง ADVANC และ INTUCH ขึ้นมาติด 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 3,506.91 ล้านบาท
โดย บมจ ชิน คอร์ปอเรชั่น INTUCH ปิดตลาดที่ 73.75 บาท ปรับตัวลดลง 1.00 บาท หรือ 1.34% ,บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ปิดตลาดที่ 217.00 บาท ปรับตัวลดลง 2.00 บาท หรือ 0.91% ,บมจ.ไทยคม หรือ THCOM ปิดตลาดที่ 40.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.63% ,บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ปิดตลาดที่ 10.50 บาท
ขณะที่ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC ปิดตลาดที่ 3.24 บาท ปรับตัวลดลง 0.12 บาท หรือ 3.57% และ บมจ. เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK ปิดตลาดที่ 3.32 บาท ปรับตัวลดลง 0.10 บาท หรือ 2.92%
***โบรกฯชี้กระทบเล็กน้อย
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวส่งผล sentiment เชิงลบกับหุ้น ADVABC และ SC รวมทั้งทำให้ตลาดที่ยืนบวกได้ในช่วงเช้าวานนี้เปิดมาช่วงบ่ายอ่อนตัวลง แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นทั้งสองตัวกระทบไม่มาก และในแง่ธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ดี ซึ่งแนะนำว่าเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวเป็นจังหวะเข้าซื้อ
ด้านนายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์ทางเทคนิคตราสารทุนและตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในวานนี้ปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย หลังจากที่แกนนำกลุ่ม กปปส. ประกาศปิดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลชินวัตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มตระกูลชินวัตร ได้แก่ INTUCH ,ADVANC ,THCOM,CSL ,SC และ MLINK ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบการทิศทางการชุมนุมที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจน จึงเป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะเคลื่อนใหวในกรอบแคบ ที่ 1,315 -1,330 จุด
"กรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีการต่อต้านสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครือชินวัตร คาดว่าจะไม่กระทบมากนัก เนื่องจากเครือข่ายของธุรกิจตระกูลชินวัตรที่มีขนาดใหญ่มาก และพยายามที่จะกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งยังพยายามที่จะเข้าสู่ความเป็นธุรกิจนานาชาติ การแบนหรือแอนตี้สินค้าจึงกระทบเพียงจุดเล็กๆเท่านั้นหากเทียบกับขนาดบริษัทในเครือทั้งหมดรวมกัน ซึ่งหากเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว อาจจะส่งผลกระทบกับธุรกิจของตระกูลชินวัตรมากเนื่องจากไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นปัจจุบันนี้"
เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า กรณีที่แกนนำ กปปส. ประกาศยกระดับพุ่งเป้าเล่นงานธุรกิจชินวัตร และเตือนนักลงทุนขายหุ้นทิ้ง อาจกระทบจิตวิทยาการลงทุนใน ADVANC ช่วงสั้นประเมินกระทบปัจจัยพื้นฐานจำกัด แต่ไม่น่าจะเกิดการแห่ย้ายเครือข่ายเหมือนกรณีคนแห่ถอนเงินธนาคารออมสินเนื่องจากการให้บริการโทรคมนาคม ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคและการย้ายข่ายต่อวันทำได้จำกัด โดยหากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงเนื่องจากประเด็นนี้เป็นจังหวะ “ทยอยสะสม”
**INTUCHยันไม่เกี่ยวข้องกับชินวัตรแล้ว
ด้านน.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) เปิดเผยถึง กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ประกาศยกระดับการต่อสู้ โดยพุ่งเป้าเล่นงานธุรกิจตระกูลชินวัตรนั้น ขอชี้แจงว่าปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลชินวัตรที่ได้เทขายหุ้นออกไปแล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย ยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างมืออาชีพ บนพื้นฐานความถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
***ADVANC ยกให้นักลงทุนตัดสินใจ
นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กปปส. ได้กดดันให้นักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นของบริษัทในกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ในตอนนี้บริษัทฯยังไม่ขอชี้แจงต่อนักลงทุน แต่ได้มีการให้ผู้บริหารพิจารณาถึงท่าทีต่อจากนี้ไป โดยจะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของนักลงทุน
"ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่ทีมผู้บริหารจะมีการพิจารณาถึงท่าทีตรงนี้อีกที ซึ่งตอนนี้พูดไปก็คงไม่ช่วยอะไรหากยังมีอคติต่อกันอยู่" นางสาวนัฐิยา กล่าว
***INTUCH แจงไม่ได้รับข้อมูลกรณี"เทมาเส็ก"ขายหุ้น
ขณะเดียวกัน นายเอนก พนาอภิชน รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ชี้แจงว่าตามที่ปรากฎข่าว กล่าวถึงการขายหุ้นบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น โดย เทมาเส็ก โฮลดิ้ง (เทมาเส็ก) นั้น บริษัทไม่ทราบและไม่ได้รับข้อมูลตามที่เป็นข่าวจากผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด
***" คาดรายได้โต 5-7% มุ่งเวนเจอร์แคปปิตอล
นางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ INTUCH กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 5-7% โดยจะเน้นการรุกธุรกิจที่เป็นเวนเจอร์แคปปิตอลเพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่นนอกเหนือจาก ADVANC เป็น 25% ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2561 จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรหลักของบริษัทฯมาจาก ADVANC ประมาณ 95% และจาก THCOM ตลอดจนธุรกิจอื่นอีกประมาณ 5% โดยการเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวของธุรกิจ เวนเจอร์แคปปิตอล เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทที่มีสัดส่วนยังไม่เยอะมากนัก และบริษัทมีศักยภาพในการพัฒนาเนื่องจากมีคู่แข่งที่ทำธุรกิจประเภทนี้น้อย พร้อมทั้งเตรียมที่จะทำโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของแผนการลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นของเทมาเสกที่จะโอนไปอยู่ในสัดส่วนของ SingTel แทนนั้น คาดว่าไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจากเป็นเพียงการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่มีผลต่อโครงสร้างการบริหารภายใน"
อย่างไรก็ดีในส่วนของการที่บริษัทฯยกเลิกประมูลทีวีดิจิทัลนั้น เนื่องมาจากว่าราคาประมูลสูงเกินกว่าราคาเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ และยังเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทยังไม่มีความชำนาญมากนัก อีกทั้งทางมติที่ประชุมผู้บริหารจะหันไปมุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่าย 3G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 44,000 ล้านบาท และจะเริ่มทดลองระบบ 4G และดิจิตอลคอนเทนต์
ก่อนหน้านี้มีข่าวล่า "เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์" เตรียมขายหุ้น "ชิน คอร์ป" มูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ "สิงคโปร์ เทเลคอม" หรือ "สิงเทล" อันเป็นกิจการในเครือ ตามแผนการ ซึ่งจะรวมทรัพย์สินด้านโทรคมนาคมให้อยู่ในที่เดียวกัน อีกทั้งทำให้บริษัทลูกรายนี้ยิ่งเติบโตขึ้นในฐานะกิจการยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมนี้ของภูมิภาค โดยที่มีการหารือกันเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มีอันต้องสะดุดลงจากสถานการณ์การเมืองในไทย
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ก.พ.) ปิดที่ระดับ 1,321.00 จุด ลดลง 5.21 จุด หรือ 0.39% มูลค่าการซื้อขาย 30,793 ล้านบาท นักวิเคราะห์เชื่อว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะของการแกว่งตัวในกรอบไม่กว้างมากนัก เพราะปัจจัยการเมืองยังมีอิทธิพลกระทบ ทำให้ทิศทางจากนี้หลังทราบผลตัดสินของศาลแห่งเรื่องพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯแล้วยังหนีไม่พ้นประเด็นการเมือง ขึ้นอยู่กับนักลงทุนในตลาดว่าจะตอบรับในด้านไหน แต่ตลาดไม่น่าจะปรับลงมาก เพราะนักลงทุนให้ความสำคัญกับปัจจัยพื้นฐานมากกว่า อย่างไรก็ตามอาจมีบางกลุ่มเล่นเก็งกำไรตามข่าว
โดยแนะนำให้ซื้อในช่วงจังหวะที่กำลังมีความวุ่นวาย หรือดูจะมีความรุนแรง เพราะเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นเพื่อการลงทุน ขณะเดียวกันถ้าเป็นกลุ่มนักเก็งกำไรให้ฉวยโอกาสในจังหวะที่หุ้นมีปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคาต่ำกว่าพื้นฐาน เพราะมองว่าเป็นโอกาสทั้งในเชิงเก็งกำไรและลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะ ADVANC ยิ่งสถานการณ์ที่มีการชุมนุมอย่างนี้ความเป็นไปได้สูงที่การสื่อสารทางโทรศัพท์จะมีมากกว่าทางอื่น
**หุ้นกลุ่มชินคอร์ปดิ่งผวากปปส.
ทั้งนี้ ตลอดการซื้อขายรอบบ่ายวานนี้(19ก.พ.) ภายหลัง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศว่าจะโจมตีธุรกิจของตระกูลชินวัตร พร้อมทั้งเตือนให้นักลงทุนขายหุ้นทิ้ง ปรากฏว่า มีแรงขายหุ้นในกลุ่มชินคอร์ป ของนักลงทุนออกมาจนทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง อีกทั้ง ADVANC และ INTUCH ขึ้นมาติด 5 อันดับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด คิดเป็นมูลค่ารวมกัน 3,506.91 ล้านบาท
โดย บมจ ชิน คอร์ปอเรชั่น INTUCH ปิดตลาดที่ 73.75 บาท ปรับตัวลดลง 1.00 บาท หรือ 1.34% ,บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ ADVANC ปิดตลาดที่ 217.00 บาท ปรับตัวลดลง 2.00 บาท หรือ 0.91% ,บมจ.ไทยคม หรือ THCOM ปิดตลาดที่ 40.00 บาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.63% ,บมจ. ซีเอส ล็อกซอินโฟ หรือ CSL ปิดตลาดที่ 10.50 บาท
ขณะที่ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือ SC ปิดตลาดที่ 3.24 บาท ปรับตัวลดลง 0.12 บาท หรือ 3.57% และ บมจ. เอ็ม ลิ้งค์ เอเชีย คอร์ปอเรชั่น หรือ MLINK ปิดตลาดที่ 3.32 บาท ปรับตัวลดลง 0.10 บาท หรือ 2.92%
***โบรกฯชี้กระทบเล็กน้อย
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า การประกาศดังกล่าวส่งผล sentiment เชิงลบกับหุ้น ADVABC และ SC รวมทั้งทำให้ตลาดที่ยืนบวกได้ในช่วงเช้าวานนี้เปิดมาช่วงบ่ายอ่อนตัวลง แต่ในแง่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นทั้งสองตัวกระทบไม่มาก และในแง่ธุรกิจยังเดินหน้าต่อไปได้ดี ซึ่งแนะนำว่าเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวเป็นจังหวะเข้าซื้อ
ด้านนายธีรศักดิ์ ธนวรากุล นักวิเคราะห์ทางเทคนิคตราสารทุนและตราสารอนุพันธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในวานนี้ปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย หลังจากที่แกนนำกลุ่ม กปปส. ประกาศปิดท่อน้ำเลี้ยงตระกูลชินวัตร ซึ่งส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มตระกูลชินวัตร ได้แก่ INTUCH ,ADVANC ,THCOM,CSL ,SC และ MLINK ที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบการทิศทางการชุมนุมที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจน จึงเป็นไปได้ว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้จะเคลื่อนใหวในกรอบแคบ ที่ 1,315 -1,330 จุด
"กรณีที่มีกระแสข่าวออกมาว่าจะมีการต่อต้านสินค้าในกลุ่มธุรกิจเครือชินวัตร คาดว่าจะไม่กระทบมากนัก เนื่องจากเครือข่ายของธุรกิจตระกูลชินวัตรที่มีขนาดใหญ่มาก และพยายามที่จะกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งยังพยายามที่จะเข้าสู่ความเป็นธุรกิจนานาชาติ การแบนหรือแอนตี้สินค้าจึงกระทบเพียงจุดเล็กๆเท่านั้นหากเทียบกับขนาดบริษัทในเครือทั้งหมดรวมกัน ซึ่งหากเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว อาจจะส่งผลกระทบกับธุรกิจของตระกูลชินวัตรมากเนื่องจากไม่ได้มีขนาดใหญ่เช่นปัจจุบันนี้"
เช่นเดียวกับ นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) มองว่า กรณีที่แกนนำ กปปส. ประกาศยกระดับพุ่งเป้าเล่นงานธุรกิจชินวัตร และเตือนนักลงทุนขายหุ้นทิ้ง อาจกระทบจิตวิทยาการลงทุนใน ADVANC ช่วงสั้นประเมินกระทบปัจจัยพื้นฐานจำกัด แต่ไม่น่าจะเกิดการแห่ย้ายเครือข่ายเหมือนกรณีคนแห่ถอนเงินธนาคารออมสินเนื่องจากการให้บริการโทรคมนาคม ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้บริโภคและการย้ายข่ายต่อวันทำได้จำกัด โดยหากราคาหุ้นปรับตัวลงแรงเนื่องจากประเด็นนี้เป็นจังหวะ “ทยอยสะสม”
**INTUCHยันไม่เกี่ยวข้องกับชินวัตรแล้ว
ด้านน.ส.ทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการ สำนักการลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) เปิดเผยถึง กรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. ประกาศยกระดับการต่อสู้ โดยพุ่งเป้าเล่นงานธุรกิจตระกูลชินวัตรนั้น ขอชี้แจงว่าปัจจุบันผู้ถือหุ้นของบริษัท ไม่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นเดิมตระกูลชินวัตรที่ได้เทขายหุ้นออกไปแล้ว และไม่มีความเกี่ยวข้องทางการเมืองด้วย ยืนยันว่าการดำเนินธุรกิจของบริษัทเป็นไปอย่างมืออาชีพ บนพื้นฐานความถูกต้องตามกฎหมายของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
***ADVANC ยกให้นักลงทุนตัดสินใจ
นางสาวนัฐิยา พัวพงศกร ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ กปปส. ได้กดดันให้นักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นของบริษัทในกลุ่มชินคอร์ปอเรชั่น ในตอนนี้บริษัทฯยังไม่ขอชี้แจงต่อนักลงทุน แต่ได้มีการให้ผู้บริหารพิจารณาถึงท่าทีต่อจากนี้ไป โดยจะปล่อยให้เป็นการตัดสินใจของนักลงทุน
"ตอนนี้คงทำอะไรไม่ได้ขึ้นอยู่กับนักลงทุน แต่ทีมผู้บริหารจะมีการพิจารณาถึงท่าทีตรงนี้อีกที ซึ่งตอนนี้พูดไปก็คงไม่ช่วยอะไรหากยังมีอคติต่อกันอยู่" นางสาวนัฐิยา กล่าว
***INTUCH แจงไม่ได้รับข้อมูลกรณี"เทมาเส็ก"ขายหุ้น
ขณะเดียวกัน นายเอนก พนาอภิชน รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการเงินและบัญชี บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) ชี้แจงว่าตามที่ปรากฎข่าว กล่าวถึงการขายหุ้นบมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น โดย เทมาเส็ก โฮลดิ้ง (เทมาเส็ก) นั้น บริษัทไม่ทราบและไม่ได้รับข้อมูลตามที่เป็นข่าวจากผู้ถือหุ้นของบริษัทแต่อย่างใด
***" คาดรายได้โต 5-7% มุ่งเวนเจอร์แคปปิตอล
นางสาวทมยันตี คงพูลศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ. ชิน คอร์ปอเรชั่น หรือ INTUCH กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 5-7% โดยจะเน้นการรุกธุรกิจที่เป็นเวนเจอร์แคปปิตอลเพิ่มมากขึ้น โดยใช้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนกำไรจากธุรกิจอื่นนอกเหนือจาก ADVANC เป็น 25% ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2557-2561 จากปัจจุบันสัดส่วนกำไรหลักของบริษัทฯมาจาก ADVANC ประมาณ 95% และจาก THCOM ตลอดจนธุรกิจอื่นอีกประมาณ 5% โดยการเพิ่มสัดส่วนดังกล่าวของธุรกิจ เวนเจอร์แคปปิตอล เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทที่มีสัดส่วนยังไม่เยอะมากนัก และบริษัทมีศักยภาพในการพัฒนาเนื่องจากมีคู่แข่งที่ทำธุรกิจประเภทนี้น้อย พร้อมทั้งเตรียมที่จะทำโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของแผนการลงทุนในสัดส่วนการถือหุ้นของเทมาเสกที่จะโอนไปอยู่ในสัดส่วนของ SingTel แทนนั้น คาดว่าไม่กระทบกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท เนื่องจากเป็นเพียงการเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้นเท่านั้น ไม่มีผลต่อโครงสร้างการบริหารภายใน"
อย่างไรก็ดีในส่วนของการที่บริษัทฯยกเลิกประมูลทีวีดิจิทัลนั้น เนื่องมาจากว่าราคาประมูลสูงเกินกว่าราคาเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ และยังเป็นธุรกิจใหม่ที่บริษัทยังไม่มีความชำนาญมากนัก อีกทั้งทางมติที่ประชุมผู้บริหารจะหันไปมุ่งเน้นการพัฒนาโครงข่าย 3G ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยใช้งบลงทุนประมาณ 44,000 ล้านบาท และจะเริ่มทดลองระบบ 4G และดิจิตอลคอนเทนต์
ก่อนหน้านี้มีข่าวล่า "เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์" เตรียมขายหุ้น "ชิน คอร์ป" มูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้ "สิงคโปร์ เทเลคอม" หรือ "สิงเทล" อันเป็นกิจการในเครือ ตามแผนการ ซึ่งจะรวมทรัพย์สินด้านโทรคมนาคมให้อยู่ในที่เดียวกัน อีกทั้งทำให้บริษัทลูกรายนี้ยิ่งเติบโตขึ้นในฐานะกิจการยักษ์ใหญ่แห่งอุตสาหกรรมนี้ของภูมิภาค โดยที่มีการหารือกันเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว แต่มีอันต้องสะดุดลงจากสถานการณ์การเมืองในไทย