ออสเตรเลีย เผยเครื่องบินพลเรือนพลวัตถุต้องสงสัย "แท่นลำเลียงสำค้าที่ทำด้วยไม้" พร้อมสายรัด ระบุเป็นการพบเห็นด้วยตาเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ MH370 หายสาปสูญไปกว่า 2 สัปดาห์ เผยกัปตันเครื่องบิน รับโทรศัพท์สายลึกลับจากผู้หญิงลึกลักก่อนเครื่องบินจะทยานขึ้นท้องฟ้า หวั่นโยงก่อการร้าย
เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเปิดเผยในวานนี้ (23 มี.ค.) ว่า อากาศยานลำหนึ่งที่ร่วมภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียที่หายไปกว่า 2 สัปดาห์รายงานว่า พบ “แท่นลำเลียงสินค้าที่ทำด้วยไม้” พร้อมกับเข็มขัด หรือสายรัดในมหาสมุทรอินเดียอันห่างไกล
เครื่องบินพลเรือนลำหนึ่งพบวัตถุต้องสงสัยเหล่านี้ระหว่างออกค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ซึ่งองค์การความปลอดภัยในการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ยืนยันว่า “เป็นการพบเห็นด้วยตาครั้งแรกนับตั้งแต่ปฏิบัติการค้นหาเริ่มต้นขึ้น”
ไมค์ บาร์ตัน ผู้ประสานงานฝ่ายปฏิบัติการทางอากาศของ AMSA ระบุว่า “ในบรรดาวัตถุที่พบทั้งหมด มีส่วนหนึ่งเป็นแท่นวางสินค้าที่ทำจากไม้ พร้อมของอื่นๆ อีกมากมายซึ่งไม่สลักสำคัญนักลอยอยู่รอบๆ และยังมีสายเข็มขัดหลากสีสัน รวมทั้งสายรัดที่มีความยาวต่างกัน”
“เมื่อวันที่ 22 เครื่องบินอีกลำหนึ่งของนิวซีแลนด์ได้พยายามออกค้นหาวัตถุเหล่านั้นอีกครั้ง แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาหาไม่พบ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องใช้เครื่องบินบินเร็ว ที่อยู่ห่างจากวัตถุออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร” เขากล่าวในการแถลงสรุปข่าว
บาร์ตันกล่าวว่า เครื่องบินทหาร 4 ลำ เครื่องบินพลเรือนอีก 4 ลำ ซึ่งจะเข้าร่วมในภารกิจค้นหาวันนี้ (23) จะกลับไปยังพื้นที่เพื่อพยายามค้นหา และมุ่งตรงไปยังวัตถุปริศนาชิ้นนั้นอีกครั้ง
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานชี้ว่า แท่นลำเลียงไม้นั้นเป็นอุปกรณ์เก็บสินค้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบนเครื่องบิน บาร์ตันกล่าวเสริม ด้วยเหตุนี้ของชิ้นนี้จึงเป็น “เบาะแสที่มีความเป็นไปได้”
เขากล่าวว่า โดยปกติแล้ว แท่นลำเลียงสินค้าประเภทนี้จะบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า แม้กระนั้น อุตสาหกรรมการขนส่งก็ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ด้วยเช่นกัน
เขากล่าวเตือนว่า สายรัดที่ลอยอยู่ใกล้ๆ “อาจเป็นอะไรก็ได้” และ “จนกว่าเราจะกลับไปหาของพวกนี้อีกครั้งเพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าวัตถุเหล่านี้มีความเชื่อมโยง (กับเครื่องบินโบอิ้ง777-200ER ที่หายไป) หรือไม่”
ภารกิจค้นหาที่ใช้ความอดทนสูงจะดำเนินต่อไป ในทะเลที่ซึ่งกินอาณาเขต 59,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อหาตำแหน่งของเศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่ดาวเทียมสามารถจับภาพได้เมื่อวันที่ 16 และ 18 มีนาคม
บาร์ตันบอกว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ได้เปลี่ยนทิศทางจากที่ก่อนหน้านี้พึ่งพาข้อมูลเรดาร์เป็นหลัก แล้วหันไปมุ่งสนใจภาพถ่ายจากดาวเทียม
เขาบอกว่า การใช้เครื่องบินค้นหาเบาะแสท่ามกลางแสงจ้าของดวงอาทิตย์และหมอกควัน ในระดับความสูงซึ่งอยู่ต่ำกว่าดาวเทียม เป็นสิ่งที่ทำให้ทีมค้นหาทำงานได้อย่างยากลำบาก
ทั้งนี้ สภาพอากาศในวานนี้ (23) ไม่ปลอดโปร่งเท่าเมื่อวันที่ 22 เนื่องจากมีหมอกทะเล และเมฆลอยตัวต่ำบดบังทัศนวิสัย แม้บาร์ตันจะระบุว่าท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสขึ้นเรื่อยๆ และเขาคาดหวังว่าจะสามารถ “ดำเนินภารกิจค้นหาได้อย่างเต็มที่ ในสภาวการณ์ที่เอื้ออำนวย”
เขาชี้ว่า อุปสรรคที่สำคัญ คือ จุดค้นหาซึ่งอยู่ห่างไกล ซึ่งส่งผลให้อากาศยานทุกลำต้องดำเนินปฏิบัติการอย่างเต็มขีดความสามารถ ที่พิสัย 2,500 กิโลเมตร และดำเนินภารกิจค้นหาได้เพียงแค่ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก็ต้องบินกลับไปอีกครั้ง
ปูดกัปตันรับโทรศัพท์ลึกลับก่อนเทคออฟ
ขณะที่เมลออนไลน์ซันเดย์ สื่ออังกฤษ ได้เปิดเผยว่าในขณะนี้ตำรวจมาเลย์พบเงื่อนงำมากขึ้นเกี่ยวกับกัปตัน ซาฮารี อะหมัด ชาห์ นักบินที่ 1 ของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหาย ซึ่งพบว่าชาห์ได้รับสายโทรศัพท์เป็นเวลา 2 นาทีก่อนเครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากผู้หญิงไม่ทราบชื่อที่ “ใช้เอกสารปลอม” ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งมีความกลัวเพิ่มขึ้นว่าอาจโยงก่อการร้าย โดยทางการมาเลย์จะเริ่มสอบปากคำภรรยาของกัปตันนักบินคนขับอย่างละเอียดในไม่ช้า
โดยตำรวจมาเลย์พบว่า ซิมการ์ดแบบพรีเพดนี้ถูกซื้อที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยคนผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อผู้หญิง และใช้หลักฐานเท็จเพื่อลงทะเบียนการซื้อ
เบาะแสล่าสุดนี้ทำให้มีการเกรงว่า ชาห์วัย 53 ปี อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายที่สมาชิกของกลุ่มมักใช้หลักฐานปลอมในการซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งใครก็ตามได้มีโอกาสสนทนากับชาห์ก่อนขึ้นบินได้ถูกสอบสวนไปแล้วทั้งสิ้น
และอีกด้านหนึ่งของการสอบสวน ทางเมลออนไลน์ซันเดย์สืบทราบมาว่า ทางตำรวจมาเลย์มีความประสงค์ที่จะสอบปากคำภรรยาของชาห์อย่างละเอียด
ที่ผ่านมาเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์ที่ตำรวจมาเลย์ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำภรรยาของชาห์แต่อย่างใด แต่จะการสอบปากคำ ไฟซาห์ ข่าน (Faizah Khan) จะเริ่มอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้ หลังจากทางมาเลเซียโดนเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯที่เข้ามาช่วยเหลือทางคดีกดดันอย่างหนัก
ซึ่งพบว่าถึงแม้ว่าทั้งชาห์และภรรยาที่มีบุตรด้วยกัน 3 คนนั้นแยกกันอยู่ แต่คนทั้งคู่ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน โดยแหล่งข่าวมาเลย์ได้เปิดเผยว่า ไฟซาห์ได้รับการพูดคุยอย่างสุภาพจากทางตำรวจมาเลย์ แต่เธอยังไม่ได้ให้ปากคำอย่างจริงจังที่จะหาข้อมูลถึงพฤติกรรมของสามีเธอและสิ่งที่สามีของเธอกังวลหรือพูดถึงในช่วงก่อนขึ้นบินเที่ยวบินสูญหาย
นายกออสซี่ชี้มีหวังพบ“MH370”มากขึ้น
เอเอฟพีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียวานนี้ (23 มี.ค.) แถลงว่ามี “ความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ” ว่าจะพบเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไป หลังเครื่องบินลำหนึ่งตรวจพบเศษชิ้นส่วนปริศนาหลายชิ้นในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงแท่นวางสินค้าที่ทำจากไม้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบเศษซากเหล่านี้เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ในเวลาที่ภาพถ่ายดาวเทียมของจีนเผยให้เห็นวัตถุขนาดใหญ่ลอยอยู่ในจุดเดียวกัน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 2,500 กิโลเมตร
แม้กระนั้น แอ็บบอตต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทางเยือนปาปัวนิวกินีว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะมั่นใจว่า” เศษซากเหล่านั้นเป็นของเครื่องบินลำที่หายไป
“อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ในตอนนี้เรามีเบาะแสที่เชื่อถือได้อยู่มากมาย และกำลังมีหวังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เป็นเพียงความหวัง แค่ความหวังว่าเราอาจคลำมาถูกทาง และเราจะได้ทราบกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินเคราะห์ร้ายลำนี้”
เศษซากปริศนา หรือ ก้อนสาหร่าย?
คำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศแดนจิงโจ้ได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์ พี3 โอเรียน ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์สำรวจแบบแปลสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นแสง (electro-optic) เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เดียวกัน ทว่าเมื่อกลับมาก็รายงานว่าพบแต่ “สาหร่ายจับตัวเป็นก้อน” เท่านั้น
“วันนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังคงพยายามกันต่อ เพื่อตรวจสอบว่าวัตถุที่พบมีความเกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน MH370 หรือไม่” คำแถลงระบุเพิ่มเติม
เครื่องบินตรวจการณ์โอเรียนได้ทิ้งทุ่นลงไปเพื่อติดตามการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทั้งยังส่งเรือสินค้าลำหนึ่งไปค้นหาในพื้นที่ซึ่งกินอาณาเขต 36,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อตามหาวัตถุดังกล่าวด้วย
เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเปิดเผยในวานนี้ (23 มี.ค.) ว่า อากาศยานลำหนึ่งที่ร่วมภารกิจค้นหาเครื่องบินโดยสารของมาเลเซียที่หายไปกว่า 2 สัปดาห์รายงานว่า พบ “แท่นลำเลียงสินค้าที่ทำด้วยไม้” พร้อมกับเข็มขัด หรือสายรัดในมหาสมุทรอินเดียอันห่างไกล
เครื่องบินพลเรือนลำหนึ่งพบวัตถุต้องสงสัยเหล่านี้ระหว่างออกค้นหาเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ซึ่งองค์การความปลอดภัยในการเดินเรือออสเตรเลีย (AMSA) ยืนยันว่า “เป็นการพบเห็นด้วยตาครั้งแรกนับตั้งแต่ปฏิบัติการค้นหาเริ่มต้นขึ้น”
ไมค์ บาร์ตัน ผู้ประสานงานฝ่ายปฏิบัติการทางอากาศของ AMSA ระบุว่า “ในบรรดาวัตถุที่พบทั้งหมด มีส่วนหนึ่งเป็นแท่นวางสินค้าที่ทำจากไม้ พร้อมของอื่นๆ อีกมากมายซึ่งไม่สลักสำคัญนักลอยอยู่รอบๆ และยังมีสายเข็มขัดหลากสีสัน รวมทั้งสายรัดที่มีความยาวต่างกัน”
“เมื่อวันที่ 22 เครื่องบินอีกลำหนึ่งของนิวซีแลนด์ได้พยายามออกค้นหาวัตถุเหล่านั้นอีกครั้ง แต่โชคไม่ดีที่พวกเขาหาไม่พบ ก็เป็นเรื่องธรรมดา ทางเดียวที่จะทำได้คือต้องใช้เครื่องบินบินเร็ว ที่อยู่ห่างจากวัตถุออกไปเพียงไม่กี่ร้อยเมตร” เขากล่าวในการแถลงสรุปข่าว
บาร์ตันกล่าวว่า เครื่องบินทหาร 4 ลำ เครื่องบินพลเรือนอีก 4 ลำ ซึ่งจะเข้าร่วมในภารกิจค้นหาวันนี้ (23) จะกลับไปยังพื้นที่เพื่อพยายามค้นหา และมุ่งตรงไปยังวัตถุปริศนาชิ้นนั้นอีกครั้ง
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านอากาศยานชี้ว่า แท่นลำเลียงไม้นั้นเป็นอุปกรณ์เก็บสินค้าที่ใช้กันอย่างแพร่หลายบนเครื่องบิน บาร์ตันกล่าวเสริม ด้วยเหตุนี้ของชิ้นนี้จึงเป็น “เบาะแสที่มีความเป็นไปได้”
เขากล่าวว่า โดยปกติแล้ว แท่นลำเลียงสินค้าประเภทนี้จะบรรจุอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ ที่โหลดไว้ใต้ท้องเครื่องบิน พร้อมระบุเพิ่มเติมว่า แม้กระนั้น อุตสาหกรรมการขนส่งก็ใช้อุปกรณ์ชนิดนี้ด้วยเช่นกัน
เขากล่าวเตือนว่า สายรัดที่ลอยอยู่ใกล้ๆ “อาจเป็นอะไรก็ได้” และ “จนกว่าเราจะกลับไปหาของพวกนี้อีกครั้งเพื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าวัตถุเหล่านี้มีความเชื่อมโยง (กับเครื่องบินโบอิ้ง777-200ER ที่หายไป) หรือไม่”
ภารกิจค้นหาที่ใช้ความอดทนสูงจะดำเนินต่อไป ในทะเลที่ซึ่งกินอาณาเขต 59,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อหาตำแหน่งของเศษชิ้นส่วนขนาดใหญ่ที่ดาวเทียมสามารถจับภาพได้เมื่อวันที่ 16 และ 18 มีนาคม
บาร์ตันบอกว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ได้เปลี่ยนทิศทางจากที่ก่อนหน้านี้พึ่งพาข้อมูลเรดาร์เป็นหลัก แล้วหันไปมุ่งสนใจภาพถ่ายจากดาวเทียม
เขาบอกว่า การใช้เครื่องบินค้นหาเบาะแสท่ามกลางแสงจ้าของดวงอาทิตย์และหมอกควัน ในระดับความสูงซึ่งอยู่ต่ำกว่าดาวเทียม เป็นสิ่งที่ทำให้ทีมค้นหาทำงานได้อย่างยากลำบาก
ทั้งนี้ สภาพอากาศในวานนี้ (23) ไม่ปลอดโปร่งเท่าเมื่อวันที่ 22 เนื่องจากมีหมอกทะเล และเมฆลอยตัวต่ำบดบังทัศนวิสัย แม้บาร์ตันจะระบุว่าท้องฟ้าเริ่มแจ่มใสขึ้นเรื่อยๆ และเขาคาดหวังว่าจะสามารถ “ดำเนินภารกิจค้นหาได้อย่างเต็มที่ ในสภาวการณ์ที่เอื้ออำนวย”
เขาชี้ว่า อุปสรรคที่สำคัญ คือ จุดค้นหาซึ่งอยู่ห่างไกล ซึ่งส่งผลให้อากาศยานทุกลำต้องดำเนินปฏิบัติการอย่างเต็มขีดความสามารถ ที่พิสัย 2,500 กิโลเมตร และดำเนินภารกิจค้นหาได้เพียงแค่ 1 หรือ 2 ชั่วโมง ก็ต้องบินกลับไปอีกครั้ง
ปูดกัปตันรับโทรศัพท์ลึกลับก่อนเทคออฟ
ขณะที่เมลออนไลน์ซันเดย์ สื่ออังกฤษ ได้เปิดเผยว่าในขณะนี้ตำรวจมาเลย์พบเงื่อนงำมากขึ้นเกี่ยวกับกัปตัน ซาฮารี อะหมัด ชาห์ นักบินที่ 1 ของเครื่องบินเที่ยว MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่สูญหาย ซึ่งพบว่าชาห์ได้รับสายโทรศัพท์เป็นเวลา 2 นาทีก่อนเครื่องบินจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากผู้หญิงไม่ทราบชื่อที่ “ใช้เอกสารปลอม” ซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งมีความกลัวเพิ่มขึ้นว่าอาจโยงก่อการร้าย โดยทางการมาเลย์จะเริ่มสอบปากคำภรรยาของกัปตันนักบินคนขับอย่างละเอียดในไม่ช้า
โดยตำรวจมาเลย์พบว่า ซิมการ์ดแบบพรีเพดนี้ถูกซื้อที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยคนผู้หนึ่งที่ใช้ชื่อผู้หญิง และใช้หลักฐานเท็จเพื่อลงทะเบียนการซื้อ
เบาะแสล่าสุดนี้ทำให้มีการเกรงว่า ชาห์วัย 53 ปี อาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มก่อการร้ายที่สมาชิกของกลุ่มมักใช้หลักฐานปลอมในการซื้อซิมโทรศัพท์มือถือแบบพรีเพด ซึ่งใครก็ตามได้มีโอกาสสนทนากับชาห์ก่อนขึ้นบินได้ถูกสอบสวนไปแล้วทั้งสิ้น
และอีกด้านหนึ่งของการสอบสวน ทางเมลออนไลน์ซันเดย์สืบทราบมาว่า ทางตำรวจมาเลย์มีความประสงค์ที่จะสอบปากคำภรรยาของชาห์อย่างละเอียด
ที่ผ่านมาเป็นเวลาถึง 2 สัปดาห์ที่ตำรวจมาเลย์ยังไม่ได้เริ่มสอบปากคำภรรยาของชาห์แต่อย่างใด แต่จะการสอบปากคำ ไฟซาห์ ข่าน (Faizah Khan) จะเริ่มอย่างเป็นทางการเร็ววันนี้ หลังจากทางมาเลเซียโดนเจ้าหน้าที่ FBI สหรัฐฯที่เข้ามาช่วยเหลือทางคดีกดดันอย่างหนัก
ซึ่งพบว่าถึงแม้ว่าทั้งชาห์และภรรยาที่มีบุตรด้วยกัน 3 คนนั้นแยกกันอยู่ แต่คนทั้งคู่ยังคงอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกัน โดยแหล่งข่าวมาเลย์ได้เปิดเผยว่า ไฟซาห์ได้รับการพูดคุยอย่างสุภาพจากทางตำรวจมาเลย์ แต่เธอยังไม่ได้ให้ปากคำอย่างจริงจังที่จะหาข้อมูลถึงพฤติกรรมของสามีเธอและสิ่งที่สามีของเธอกังวลหรือพูดถึงในช่วงก่อนขึ้นบินเที่ยวบินสูญหาย
นายกออสซี่ชี้มีหวังพบ“MH370”มากขึ้น
เอเอฟพีรายงานข่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี โทนี แอ็บบอตต์ แห่งออสเตรเลียวานนี้ (23 มี.ค.) แถลงว่ามี “ความหวังมากขึ้นเรื่อยๆ” ว่าจะพบเที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส ที่หายไป หลังเครื่องบินลำหนึ่งตรวจพบเศษชิ้นส่วนปริศนาหลายชิ้นในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงแท่นวางสินค้าที่ทำจากไม้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบเศษซากเหล่านี้เมื่อวันที่ 22 มี.ค. ในเวลาที่ภาพถ่ายดาวเทียมของจีนเผยให้เห็นวัตถุขนาดใหญ่ลอยอยู่ในจุดเดียวกัน ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ธของออสเตรเลียไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 2,500 กิโลเมตร
แม้กระนั้น แอ็บบอตต์กล่าวกับผู้สื่อข่าวในระหว่างเดินทางเยือนปาปัวนิวกินีว่า “ยังเร็วเกินไปที่จะมั่นใจว่า” เศษซากเหล่านั้นเป็นของเครื่องบินลำที่หายไป
“อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่า ในตอนนี้เรามีเบาะแสที่เชื่อถือได้อยู่มากมาย และกำลังมีหวังมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็เป็นเพียงความหวัง แค่ความหวังว่าเราอาจคลำมาถูกทาง และเราจะได้ทราบกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบินเคราะห์ร้ายลำนี้”
เศษซากปริศนา หรือ ก้อนสาหร่าย?
คำแถลงระบุว่า กองทัพอากาศแดนจิงโจ้ได้ส่งเครื่องบินตรวจการณ์ พี3 โอเรียน ซึ่งติดตั้งอุปกรณ์สำรวจแบบแปลสัญญาณไฟฟ้าให้เป็นแสง (electro-optic) เข้าไปตรวจสอบในพื้นที่เดียวกัน ทว่าเมื่อกลับมาก็รายงานว่าพบแต่ “สาหร่ายจับตัวเป็นก้อน” เท่านั้น
“วันนี้เจ้าหน้าที่ก็ยังคงพยายามกันต่อ เพื่อตรวจสอบว่าวัตถุที่พบมีความเกี่ยวข้องกับเที่ยวบิน MH370 หรือไม่” คำแถลงระบุเพิ่มเติม
เครื่องบินตรวจการณ์โอเรียนได้ทิ้งทุ่นลงไปเพื่อติดตามการเคลื่อนที่ของวัตถุ ทั้งยังส่งเรือสินค้าลำหนึ่งไปค้นหาในพื้นที่ซึ่งกินอาณาเขต 36,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อตามหาวัตถุดังกล่าวด้วย
