ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ไม่ต้องรอให้องค์กรอิสระหรือกระบวนการยุติธรรมมีคำวินิจฉัยหรือคำพิพากษาออกมาให้ปวดกบาลกันอีกต่อไป เพราะบัดนี้เป็นที่ชัดแจ้งแล้วว่า ตำแหน่ง “ประธาน นปช.” หรือ “ประธานคนเสื้อแดง” ได้ถ่ายโอนจาก “สหายปูน-ธิดา ถาวรเศรษฐ์” ภรรยาสุดที่รักของหมอเหวงมาสู่มือของ “ตุ๊ดตู่-จตุพร พรหมพันธุ์” โดยมีคู่หูสู้แล้วได้เป็นรัฐมนตรี+รวย “เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ” รั้งเก้าอี้เลขาธิการ
และก็คงไม่ต้องคาดเดาว่า นปช. “ยุคทั่นตู่ทั่นเต้น” จะเด็ดสะระตี่เพียงใด เพราะขึ้นชื่อหรือพะยี่ห้อตู่เต้นแล้ว บอกได้คำเดียวว่า ซี้ดโอย ดังจะเห็นประจักษ์ได้จากผลงานอันระบือลั่นในการชุมนุมปี 2553 และอีกหลายครั้งหลายครา
แถมเที่ยวนี้ทั่นตู่ทั่นเต้นยังมี 2 แม่ทัพซ้าย-ขวาผู้เอกอุอย่าง “โกตี๋” และ “แรมโบ้อีสาน” เดินหน้าตั้งกองกำลังคนเสื้อแดงเพื่อทำสงครามกับอำมาตย์ในทุกรูปแบบคอยให้การสนับสนุนอีกต่างหาก งานนี้ ต้องบอกว่า บ้านนี้เมืองนี้ได้ก้าวเข้าสู่สภาวะสงครามกลางเมืองเป็นที่เรียบร้อย
ก็ห่วงแต่มวลมหาประชาชนที่จะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายสุดคาดเดานับแต่นี้เป็นต้นไป
ส่วน “บิ๊กตู่” ที่คำรามเสียบแหบเสียงแห้งรายวันจนคนเสื้อแดงกลัวตัวสั่นงันงก และลดตัวไปทะเลาะกับ “โกตี๋-ประธานตู่” ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกำลังพลในมือมีเป็นพะเรอเกวียน แถม “ลุงกำนัน” ยังถือหางเชียร์สุดลิ่มทิ่มประตูอีกต่างหาก ถ้าเอา “โกตี๋-ประธานตู่” ไม่อยู่” ก็ปล่อยไปตามบุญตามกรรมเถิดครับ
จะให้ประชาชนท่องคำขวัญ “หลับเถิดทหารกล้า ปวงประชาจะคุ้มภัย” ก็คงจะไม่ไหว
แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะจะได้รู้ดำรู้แดงกันเสียทีว่า “บิ๊กตู่” มีแต่ขนมจีนอย่างเดียว หรือพอจะมี “น้ำยา” ดังที่คนแก่อายุ 94 บ่นเสียงเบาๆ แต่ได้ยินไปทั่วทุกค่ายคูประตูเมือง ด้วยการกวักมือให้มาอ่านข้อความเด็ดของพล.อ.กฤษณ์ สีวะรา อดีตผู้บัญชาการทหารบกว่า “ทหารเรายืนอยู่บนเกียรติอันสูงส่ง ที่ประชาชนคนไทยหวังเป็นที่พึ่งขั้นสุดท้ายของเขา”
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจากรศ.ดร.ประดิษฐ์ วรรณรัตน์ (ที่ 4จากขวา) อธิการบดี สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เป็นประธานแถลงข่าว“การจัดประชุมวิชาการระดับนานาชาติ ICADA ครั้งที่ 3 ปี2014 และการจัดการประกวด Top Paper Awards” ซึ่งจะจัดในวันที่29-31 พ.ค. 2557 เพื่อเป็นเวทีนำเสนอผลงานด้านวิชาการและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และมอบรางวัลบทความดีเด่นจากประชุมวิชาการนานาชาติICADA ครั้งที่ 2 ประจำปี 2013 แก่ ผศ.ดร.อัชกรณ์ วงศ์ปรีดี (ที่ 2 จากขวา)ดร.ธัชเฉลิม สุทธิพงษ์ประชา (ที่ 3 จากขวา) ผศ.ดร.อภิรดา ชิณประทีป (ที่ 3 จากซ้าย) และอาจารย์สถิตย์ ลีลาถาวรชัย (ที่ 4 จากซ้าย) โดยมี รศ.ดร.กำพล ปัญญาโกเมศ (ซ้ายสุด) รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ให้เกียรติร่วมงานในครั้งนี้
ตามต่อด้วยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ที่เปิดตัวโครงการรณรงค์ในหัวข้อ “My body, my rights” หรือ “ร่างกายของฉัน สิทธิของฉัน”ผ่านงานศิลปะของศิลปินชาวญี่ปุ่นที่ชื่อฮิคารุ โช ซึ่งเป็นโครงการรณรงค์เพื่อสนับสนุนให้ผู้คนจากทั่วโลกได้ใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน นั่นคือสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกาย และชีวิตของพวกเขาเอง
และปิดท้ายกับเมื่อเร็วๆ นี้ นายแจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ ประธานมูลนิธิสร้างเสริมไทย ( ที่ 4 จากซ้าย) เป็นประธานเปิดอาคารศูนย์การเรียนรู้แห่งที่ 8 (Center of Leaning with Fun) ณ โรงเรียนบ้านบ่อแก้ว ตำบลไทรย้อย อำเภอเด่นชัย จังหวัดแพร่ โดยมีนายดนัย อินโองการ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านบ่อแก้ว ( ที่ 3 จากซ้าย) และคณะครู - นักเรียนและประชาชนร่วมให้การต้อนรับ
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
Economic & Political Restart
ปฏิรูปประเทศไทย เศรษฐกิจ การเมือง
ปัญหาการเมืองไทยในปัจจุบัน อย่างที่เราเห็นกันอยู่ว่า เกิดการรวมตัวของประชาชนที่ลุกขึ้นมาแสดงออกทางการเมือง อย่างกลุ่มกปปส.ที่ยังคงขับไล่ระบอบทักษิณ หวังที่จะปฏิรูปโครงสร้างการเมืองการปกครองใหม่ กวาดล้างพวกนักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น “โคตรโกง” ให้หมดไป
ในอดีต เรามีนักศึกษาปัญญาชน ที่ร่วมขับไล่ ต่อต้านรัฐบาลทหารที่ใช้อำนาจเผด็จการกดขี่ ข่มเหง อย่างโหดร้ายทารุณ ในวันนี้ เรามีประชาชนคนไทยเป็นล้านคนที่ตื่นตัวทางการเมือง และให้ความสนใจความเป็นไปของประเทศชาติมากยิ่งขึ้น จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า การเมืองได้เข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การแบ่งชนชั้นระหว่างคนรวยกับคนจนที่เป็นปัญหาใหญ่หลวงที่ทำให้ประเทศชาติล้าหลัง ซึ่งช่องว่างนี้เองที่ระบอบทักษิณมองเห็น แล้วใช้นโยบายประชานิยมเข้ามาครอบงำ รวมถึงการล้างสมองมวลชนเสื้อแดงด้วยการกระจายข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนผ่านสื่อกระแสหลักต่อเนื่องมาโดยตลอด
วงจรอุบาทว์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนี้ หนังสือ Economic & Political Restartปฏิรูปประเทศไทย เศรษฐกิจ การเมือง เขียนโดย วิทยากร เชียงกูล ได้ให้คำตอบไว้ว่า ประชาธิปไตยระบบทุนเป็นใหญ่คือตัวการสำคัญที่คอยบงการกลไกรัฐบาล ให้เข้ามาก้าวล่วงแทรกแซงอำนาจตุลาการ เพื่อพวกพ้องและผลประโยชน์ส่วนตัว ทำให้การคอร์รัปชั่นกลายเป็นมะเร็งร้ายของประเทศที่ฝังแน่นมานานหลายปี
ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นจึงนับว่าระบบการเมือง”ผูกขาดทุนนิยม” นายทุนซึ่งเป็นคนรวยและคนชั้นกลางส่วนน้อยจะร่ำรวยเพิ่มขึ้น แต่คนส่วนใหญ่ที่เป็นแรงงาน เกษตรกร และผู้ประกอบอาชีพอิสระรายย่อยต้องทำงานหนัก เป็นหนี้ และมีชีวิตที่ยากลำบาก เคร่งเครียด
กลายเป็นว่า คนรวยก็รวยไป คนจนก็จนอยู่วันยังค่ำ
หนังสือเล่มนี้ จึงนับว่าได้อธิบายถึงสภาพปัญหาที่สังคมไทยเป็นอยู่จากระบบทุนเป็นใหญ่ที่ควรศึกษาเรียนรู้จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จะได้รู้ว่าที่พูดกันว่าจะปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้งนั้น เราเข้าใจกันอย่างถูกต้องดีแล้วหรือยัง เพื่อที่ว่าจะได้ไม่ต้องกลับมาสู่วังวนเดิม ที่ท้ายที่สุดแล้วก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง
ดังเช่นที่ผู้เขียนได้กล่าวไว้ว่า“จะปฏิรูปการเมืองได้ ต้องคิดสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ จะสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ ต้องคิดนอกกรอบ”
คนจนจะได้ลดลง และนำพาประเทศชาติไปสู่ความก้าวหน้าให้เจริญยิ่งขึ้น
หากใครสนใจอยากรู้ถึงแนวทางปฏิรูปประเทศต้องเริ่มต้นจากอะไร และมีวิธีการอย่างไรบ้าง
หนังสือเล่มนี้คือคำตอบสำหรับคุณ.