xs
xsm
sm
md
lg

"ธีรยุทธ"รวมพลระดมสมอง Restartประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อวานนี้ ( 28 ม.ค.) ที่โรงแรมสุโกศล เครือข่ายผู้รับใช้การปฏิรูปประเทศโดยสันติของประชาชนไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคมทั้งจากภาคธุรกิจ วิชาการ ประชาสังคม จำนวน 217 คน อาทิ นายธีรยุทธ บุญมี ผอ.สถาบันสัญญาธรรมศักดิ์ ม.ธรรมศาสตร์ นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตส.ว.กทม. นายสมเกียรติ อ่อนวิมล อดีตส.ว.สุพรรณบุรี ได้จัดแถลงข่าว“Restartประเทศไทย”เพื่อสะท้อนความเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะวิกฤติรอบด้าน ทั้งการเมืองการปกครอง ความเหลื่อมล้ำของสังคม ระบบการศึกษาที่อ่อนแอ องค์การสื่อใช้เสรีภาพโดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่ภาคประชาชนต้องร่วมกันปฏิรูป
โดยเฉพาะประเด็นสำคัญ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1. การปฏิรูปปรับปรุงโครงสร้างระบบ และกฎหมายที่จำเป็นเพื่อขจัดคอร์รัปชัน 2.ปฏิรูปโครงสร้างการเมืองการปกครอง และระบบบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้ 3. ปฏิรูปโครงสร้างและกระบวนการยุติธรรม 4. ปฏิรูปโครงสร้างเพื่อป้องกันการผูกขาดสร้างธรรมาภิบาลด้านเศรษฐกิจ และ 5. ปฏิรูปสังคมเพื่อเสริมสร้างพลังพลเมืองที่เข้มเข็ง
โดยมีวัตถุประสงค์ เชื่อมโยงกลุ่มบุคคลที่มีจุดยืนในการปฏิรูปเข้าด้วยกัน และประคับประคองประเทศในระยะเปลี่ยนผ่าน ให้เป็นไปด้วยสันติ และเป็นเพียงผู้รับใช้การปฏิรูปประเทศ และสร้างเสริมเครือข่ายให้มากขึ้นตามภูมิภาคต่างๆ โดยไม่รอว่า ต้องเลือกตั้งก่อนหรือไม่ โดยในวันที่ 31 ม.ค.นี้ จะมีการประชุมเครือข่ายจาก 77 จังหวัด เพื่อหารือถึงการจัดเวทีการพูดคุย ที่จ.นครราชสีมา เชียงใหม่ หาดใหญ่ ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
นายสมเกียรติ กล่าวถึงการ Restartประเทศไทย ในมุมมองของสื่อมวลชน ว่า สื่อมวลชนถือเป็นตัวแปรสำคัญในการปฏิรูปประเทศ และสื่อต้องรักษาอิสรภาพเสรีภาพในการค้นหาความจริง และทำงานควบคู่ไปกับกลุ่มเครือข่ายปฏิรูปประเทศ โดยยึดมั่นหลักวิชาชีพ อิสระและเสรีภาพของสื่อ นำเสนอรายงานข้อเท็จจริง เน้นการรับใช้ประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ และต้องรับฟังความคิดเห็นของประชาชนอย่างเปิดกว้าง เพื่อสะท้อน ความต้องการของประชาชนออกมา
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ตัวแทนภาคธุรกิจ กล่าวว่า สังคมไทยมีความเหลื่อมล้ำ คนที่รวยที่สุดในสังคม เป็นกลุ่มชนชั้นที่บั่นทอนระบอบประชาธิปไตย ซึ่งสามารถผลักดัน และชี้นำรัฐบาลให้ออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มของตนได้ และกีดกันชนชั้นอื่นๆ ออกไปจากเส้นทางผลประโยชน์ และหากกระทำผิดก็จะไม่ถูกดำเนินคดี และมีการกระซิบให้หนีออกนอกประเทศ
ก่อนหน้านี้ ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง เพราะมีข้อบังคับไว้อยู่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าคิดผิด เพราะปัจจุบันการเมืองเอื้อให้กับนายทุน และมีความเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจน หากจะเริ่มต้นต้องเริ่มจากการปฏิรูปตัวเอง และเชิญชวนให้ภาคธุรกิจ เข้ามามีส่วนร่วมกับภาคประชาชน ในการช่วยกันปฏิรูปประเทศ
นายโสภณ สุภาพงศ์ อดีตส.ว.กทม. กล่าวว่า นักการเมืองมีการเอาเปรียบคนจน โกงกินบ้านเมือง โดยจะเห็นได้จากดัชนี ที่ต่างชาติประเมินประเทศไทยที่เลวร้ายไปเรื่อยๆ ทั้งการคอร์รัปชัน การไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ และปัจจุบันนักการเมืองก็มีการคดโกง ดังนั้นกฎหมายต้องมีการปฏิรูป และสังคมก็ต้องช่วยกันปกป้องข้าราชการที่ทำดี
นายปราโมทย์ ไม้กลัด กล่าวว่า ระบบข้าราชการของประเทศไทย ถูกแทรกแซงโดยนักการเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้ข้าราชการไม่กล้าใช้ความรู้ความสามารถอย่างเต็มที่ แม้ก่อนหน้านี้ มีการปรับปรุงโครงสร้างหน่วยงานราชการ แต่ก็ไม่ใช่การแก้ไขปัญหาอย่างถูกจุด และส่วนตัวในฐานะที่เป็นข้าราชการเก่า เห็นว่า การแก้ปัญหาโครงสร้างราชการนั้น ต้องป้องกันการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองให้ได้
นายธีรยุทธ บุญมี กล่าวว่า นักการเมืองไทยมีความโลภ และใช้อำนาจตามอำเภอใจอย่างไม่มีขีดจำกัด ซึ่งจะทำให้ประเทศพังพินาศ และจากการสังเกตการเมือง ตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาสู่อำนาจ โดยพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ใช่ทั้งหมดของปัญหา แต่เป็นยอดสุดของปัญหา มีส่วนสำคัญในการทำให้โครงสร้างต่างๆ พังทลายลงไป เช่น โครงสร้างระบบพรรคการเมือง โครงสร้างของอำนาจ 3 ฝ่าย รวมไปถึงระบบตรวจสอบของสื่อ เสียศูนย์ไปมาก เพราะสมัย 14 ต.ค. สื่อมวลชนมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก ที่ทำให้การต่อสู้ของนักศึกษาประสบความสำเร็จ แต่ตอนนี้ จิตวิญญาณการตรวจสอบพังทลายไป รวมถึงโครงสร้างข้าราชการ กลุ่มธุรกิจ ก็ได้พังทลายไป และสุดท้ายคือ โครงสร้างคุณธรรมจริยธรรม ที่มองว่ามีความเสียหายไปแล้วกว่าครึ่ง โดยจะเห็นได้จากการขู่อาฆาตกันโดยปราศจากความรู้สึก ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าการที่ กปปส. ระบุว่า ต้อสู่กับการโกงกินของนักการเมือง เพื่อลูกหลาน ถือว่าฟังขึ้น
นอกจากนี้ การต่อสู้ของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ตั้งแต่สมัยที่อยู่แยกอุรุพงษ์ มองว่า เป็นการต่อสู้เพื่อปฏิรูปประเทศที่มั่นคง ซึ่งถือเป็นความหวัง และเป็นประเด็นที่ถูกต้อง คล้ายกับเมื่อปี 2540 ถือเป็นความหวังของคนทุกสาขาอาชีพ จนมีการสนับสนุนผ่านการบริจาคอย่างมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงอาการทนไม่ไหวกับการทุจริตคอร์รัปชัน ที่ไม่มีขีดจำกัด ตกผลึกเป็นความคิดในการปฏิรูปประเทศของภาคประชาชนที่ชัดเจนขึ้น เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกจุด และปัจจุบันคนไทยเกาะกลุ่มกันเป็นกลุ่มย่อย แสวงหาผลประโยชน์ให้กับกลุ่มตัวเอง ทำให้เห็นว่าโครงสร้างของประเทศมีปัญหา จึงเป็นสิ่งที่เราต้องช่วยกัน และปรากฏการณ์ การออกมาชุมนุมของ กปปส. ไม่ใช้กระแสที่ฉาบฉวย เพราะในบางพื้นที่ที่ประชาชนอยู่อย่างกินดี มีสุข ก็ออกมาสนับสนุนการเดินขบวนของ กปปส. หากใครที่เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของตน ก็ขอให้ออกมาแสดงความกล้า เพราะอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่ทำให้บ้านเมืองกลับมาดีได้
นายธีรยุทธ ยังกล่าวถึง ความขัดแย้ง เรื่องการเลือกตั้ง 2 ก.พ. ว่าจำเป็นต้องเลื่อนออกไปหรือไม่นั้น เป็นความขัดแย้งทางความคิด ที่ไม่ควรต้องสูญเสียเลือดเนื้อ เพราะกลุ่มหนึ่งต้องการเรียกร้องใช้สิทธิของตัวเอง แต่อีกกลุ่มเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน ซึ่งต่างมีสิทธิของตัวเองทั้งคู่ ทั้งนี้ตนเคารพทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งพวกจุดเทียน ตนก็ชอบ ที่แสดงความรักในประชาธิปไตย ส่วนผู้ที่ออกมาชุมนุมให้มีการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง ก็เห็นใจ เพราะต่อสู้มานาน ทั้งนี้ตนเห็นด้วยกับทุกกลุ่ม แต่ไม่เห็นด้วยกับระบอบทักษิณ “ถ้าเจอหน้ากัน ผมก็พร้อมทำผิดกฎหมายแรงๆกับพ.ต.ท.ทักษิณ”
ทั้งนี้ การดูหมิ่นดูแคลนระหว่างคนจน คนรวย และคนที่ต่างภูมิภาคกันนั้น ก็ไม่ควรเกิดขึ้น ขอเรียกร้องไม่ให้นำประเด็นดังกล่าวไปขยายความ และประเทศของเราเกิดกระแสการปฏิรูปมาหลายครั้ง แต่ก็ถูกมองข้ามไป เพราะหลายคนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องง่าย แต่ที่จริงแล้วทุกคนในสังคมต้องช่วยกัน ก่อนหน้านี้ เคยใช้คำว่า“สังคมเข้มเข็ง”นั้นตอนนี้ขอเปลี่ยนเป็น“สังคมเอาจริง”เพื่อช่วยกันปฏิรูปประเทศ ตรวจสอบการคอร์รัปชัน กดดันนักการเมืองที่โกงกินในรูปแบบต่าง แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ
กำลังโหลดความคิดเห็น